BMW XM อาจไม่ใช่รถที่ประสบความสำเร็จมากนัก แต่เชื่อว่ายังมีลูกค้าเท้าหนักหลายคนที่ยังต้องการมันอยู่ ทำให้ล่าสุดสำหรับตัวรถปี 2026 มันจะเหลือแค่เพียงรุ่นท็อป รหัส Lebel เท่านั้น

2026 BMW XM Lebel มาพร้อมการปรับโฉมและลูกเล่นใหม่ เพื่อช่วยกระตุ้นความต้องการของลูกค้าในตลาด โดยเริ่มจาก การปรับเปลี่ยนกราฟฟิกไฟสะท้อนพื้นจากบานประตูใหม่ ให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น, เพิ่มกำลังไฟในการชาร์จ AC ของแบตเตอรี่สำหรับระบบ PHEV จาก 7.4 kW เป็น 11 kW เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการชาร์จไฟให้มากขึ้น, และเพิ่มทางเลือกสีตัวถัง Frozen Tanzanite Blue กับชุดขนาด 23 นิ้ว ลาย 1096 M สีดำ Jet Black เข้าไป (แต่ถ้าหากลูกค้าอยากได้ชุดล้อ 22 นิ้ว ลาย 922 M ก็สามารถเปลี่ยนได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม)
อีกไฮไลท์ของการปรับโฉมรถ XM Lebel ปีใหม่ล่าสุด คือโทนสีการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบใหม่ 3 แบบ ได้แก่ โทนสี Night Blue Full Merino Leather / Vintage Coffee, lack Full Merino Leather / Vintage Coffee และ Silverstone Extended Merino Leather / Black ซึ่งทั้งหมดจะเป็นสีในหมวด Individual หรือสีคัสตอม และตัวหนัง Merino ที่เคยเป็นออพชันเสริม ตอนนี้ก็ได้กลายเป็นออพชันพื้นฐานให้กับรถตั้งแต่ออกโรงงานเป็นที่เรียบร้อย
นอกนั้นรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของตัวรถ ยังคงเดิม ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ขนาด 19.2 kWh และมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด เพื่อส่งกำลังทั้งหมดไปยังชุดล้อทั้ง 4 ด้วยระบบขับเคลื่อน xDrive
โดยขุมกำลังนี้ จะให้กำลังรวมสูงสุด 748 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร ซึ่งช่วยให้รถสามารถวิ่งจากความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโฒง ได้ภายในเวลาเพียง 3.8 วินาที และแม้ตัวรถจะมีขนาดสูงใหญ่ แต่มันก็สามารถทำความเร็วสูงสุดได้มากถึง 290 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อลูกค้าเลือกติดตั้งแพ็คเกจ M Driver เข้าไป รวมถึงสามารถวิ่งด้วยโหมดพลังงานไฟฟ้าล้วนได้ไกลสุดราว 48 กิโลเมตร/ชาร์จ
ทั้งนี้ แม้ตัวรถจะมีการปรับโฉม และใส่ลูกเล่นใหม่ๆเข้ามา แต่เราตจ้องไม่ลืมว่าด้วยยอดขายของรถที่ไม่สู้ดีนัก และยังไม่มีวี่แววว่าจะทำได้ดีเลยในอนาคตอันใกล้ ทำให้ทาง BMW ยังคงตัดสินใจที่จะยุติการขายตัวรถรุ่นนี้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าดังเดิม
ส่วนราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทางค่ายยังไม่มีการเปิดตัวเลขออกมา แต่คาดว่ามันจะถูกปรับขึ้นจนแตะหลัก 190,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือราวๆ 6.2 ล้านบาท โดยจะมีการประกาศอีกครั้งในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ในประเทศฝรั่งเศส