Toyota Aygo X อาจเป็นชื่อที่ไม่คุ้นหูชาวไทยมากนัก แต่ในความเป็นจริง มันเปรียบเสมือนกับร่างแฮชท์แบ็คยูกสูงของ Yaris และ Yaris Cross เวอร์ชันตลาดยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ซึ่งวันนี้มันก็ได้ถูกปรับโฉมใหม่ปี 2025 แล้วเป็นที่เรียบร้อย

2025 Toyota Aygo X ถูกปรับโฉมใหม่ในระดับ Minor Change โดยเริ่มจากการปรับดีไซน์โคมไฟหน้าใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น ทั้งจากการวางเส้นแถบไฟ DRL ไว้ด้านบน พร้อมคาดแถบไฟอีกชิ้นไว้ใต้แนวฝากระโปรงหน้า เพื่อเสริมความโดดเด่น
และคราวนี้ ยังมีการเพิ่มรุ่น GR Sport เข้ามา ซึ่งมันจะได้ใช้ทั้งชุดกันชนหน้าใหม่ที่มีช่องดักลมใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในกรอบทรงเดิม เพิ่มเติมชิ้นแผ่นปิดด้านข้างดีไซน์ใหม่ที่ดูดุดันมากขึ้น และเอาดวงไฟเลี้ยวคู่หน้าที่อยู่ตรงแก้มข้างไปไว้บนกระจกมองข้างแล้วเรียบร้อย พร้อมปรับเปลี่ยนโทนสีตัวถังใหม่ และชุดล้อลายใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม แถมยังเพิ่มเติมในส่วนของการปรับเซ็ทช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวใหม่ให้รถมีความเฉียบคมในการเข้าโค้งมากกว่าเดิมด้วย
นอกนั้นตัวรถยังคงมาพร้อมกับจุดขายในเรื่องของขนาดตัวที่กระทัดรัดบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม TNGA-B ดังเดิม ด้วยระยะความยาวตัวถัง 3,776 มิลลิเมตร กับระยะโอเวอร์แฮงค์ด้านหน้า 76 มิลลิเมตร ซึ่งดูยาวกว่าเดิมเล็กน้อย แต่มันก็ยังคงมีระยะฐานล้อเท่าเดิม ที่ 2,430 มิลลิเมตร

ภายในห้องโดยสาร มีการตกแต่งที่คล้ายเดิม แต่ปรับรายละเอียดวัสดุตกแต่งใหม่เล็กน้อยเพื่อความทันสมัยและรักษ์โลก ด้วยหนังหุ้มเบาะและคอนโซลทำจากวัสดุพลาสติคกับผ้ารีไซลเคิล, ปรับปลี่ยนชุดหน้าจออินโฟเทนเมนท์ใหม่ขนาด 7-9 นิ้ว เข้าไป, เพิ่มระบบไวร์เลสชาร์จ, และระบบเบรกมือไฟฟ้า, ปรับเปลี่ยนงานดีไซน์แผงคอนโซลช่วงปุ่มคุมระบบปรับอากาศใหม่เล็กน้อย, และเพิ่มพอร์ทจ่ายไฟ USB-C เข้ามาอีก 2 จุด, รวมถึงระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ก็สามารถอัพเดทเฟิร์มแวร์ภายในผ่านระบบ OTA ได้แล้ว
และแม้ตัวรถเวอร์ชันใหม่นี้ จะมีการปรับเปลี่ยนขุมกำลังให้กลายเป็นรถไฮบริด แต่พื้นที่เก็บสัมภาระทางด้านหลัง กลับไม่ได้ถูกลดทอนความจุลงใดๆ และยังคงมีพื้นที่ให้บรรจุสิ่งของต่างๆมากถึง 231 ลิตร เท่าเดิม เนื่องจากจุดติดตั้งแบตเตอรี่สำหรับระบบไฮบริดที่แท้จริงคือ ช่วงใต้เบาะนั่งของผู้โดยสารแถวหลัง ส่วนการย้ายจุดติดตั้งแบตฯ 12 โวลท์ ด้านหน้า ก็ถูกจัดตำแหน่งไว้ใต้ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังได้อย่างเรียบเนียน
ท้ายสุดคือการปรับปรุงการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารให้ดียิ่งขึ้น ทั้งการเพิ่มแผ่นบุซับเสียงรอบห้องโดยสาร, ปรับปรุงระบบท่อไอเสียใหม่ให้เงียบลง, และในรุ่นบนๆยังได้กระจกหน้าอาคูสติกกลาส ลดเสียงลมวนอีก เพื่อสุนทรียภาพของผู้โดยสารภายในรถขณะใช้งาน
จุดเปลี่ยนสำคัญสุดของรถรุ่นนี้ คือการที่มันได้ถูกถอดเอาเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 73 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 93 นิวตันเมตร ทิ้งไป แล้วแทนที่ด้วยวขุมกำลังไฮบริด เบนซิน 1.5 ลิตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดมากขึ้นกว่าเดิมถึง 44 PS เป็น 116 PS ก่อนส่งกำลังไปขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์ E-CVT
และด้วยการเปลี่ยนขุมกำลังใหม่ครั้งนี้ ทำให้ตัวรถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 10 วินาที รวมถึงยังทำให้รถมีอัตราการปล่อยมลพิษน้อยลง เหลือเพียง 86 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดแล้วในตลาดที่มันกำลังจะลุยต่อ และเป็นเหตุผลหลักของการเปลี่ยนขุมกำลังใหม่คราวนี้
โดยกำหนดการวางขายจริงของ 2025 Toyota Aygo X จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ และจะมีการประกาศราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ส่วนชาวไทยคนไหนที่รอการมาของมันอยู่ งานนี้อาจจะต้องรอเก้อ เพราะมันไม่ได้มีแผนที่จะถูกนำมาทำตลาดในบ้านเราเลยนั่นเอง