แม้จะเป็นข่าวที่น่าหงุดหงิดใจสักหน่อย สำหรับเหล่าแฟนๆของ Mazda ในประเทศไทย แต่ Mazda CX-5 โฉมใหม่ ปี 2025 ที่เป็นข่าวในต่างประเทศมานาน ตอนนี้ก็ได้รับการเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ใช่แล้วครับ ขณะที่ Mazda CX-5 พึ่งจะมีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ในไทยไปเมื่อปลายปีก่อน ในต่างประเทศทาง Mazda บริษัทแม่ กลับพึ่งมีการเปิดตัว CX-5 โฉมใหม่ ปี 2025 ที่เป็นโฉมปรับใหญ่เพื่อวางจำหน่ายในตลาดโลกแล้ว หลังจากที่มีคนพบเห็นร่างโปรโตไทป์ของมันถูกนำมาวิ่งทดสอบอยู่หลายครั้ง (โดยเริ่มเกิดขึ้นหลังการเปิดตัว CX-5 Minor Change ในไทยเพียงไม่กี่วันเอง)
เช่นเดียวกับทุกครั้ง แม้จะเป็นรุ่นใหม่ แต่ตัวรถยังมาพร้อมกับงานดีไซน์แบบ KODO Design โดยถูกปรับใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น ด้วยกระจังหน้ากรอบ Signature Wing ที่เหมือนจะมีขนาดเล็กลง, กันชนหน้าที่มีการออกแบบเส้นช่องดักลมด้านล่างคล้ายเดิม แต่ขยายความกว้างออกให้มากขึ้น เพิ่มกรอบด้านนอกให้ดูสะดุตา และยื่นระยะกรอบให้ออกมาจากแนวตัวรถเพิ่ม เพื่อเสริมความดุดัน
ส่วนไฟหน้า ก็มีการรปรับรูปทรงกรอบใหม่ โดยคราวนี้จะมีจงอยยื่นลงมาขนาบแนวข้างกระจังหน้า โดยที่ครึ่งบนของมันก็ดูเหมือนจะมีการปรับขนาดให้บางลง และออกแบบแถบไฟต่างๆให้คล้ายกับรถซีดานไฟฟ้าอย่าง Mazda 6e
เส้นสายข้างตัวรถ อาจจะดูเหมือนเดิม ไม่มีความแตกต่างมากนัก เว้นแต่การเพิ่มแผ่นกันกระแทกที่ชายล่างประตูเข้ามา จากเดิมที่จะมีแค่เพียงบริเวณชายล่างตัวถัง และมีชุดล้อลายใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม
ตามด้วยการปรับองศาเสา D ใหมให้ลาดเอียงกว่าเดิมเล็กน้อย ปรับแนวไฟท้ายใหม่ ให้ดูเล็กเรียว และยังคงมีกรอบวงแหวนที่นูนออกข้างตัวถังชัดเจน และท้ายสุดคือการเปลี่ยนโลโก้แบรนด์ด้านท้าย ให้กลายเป็นแถบตัวหนังสือตามสมัยนิยมแทน
ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ ทำให้ตัวรถยาวขึ้นกว่าเดิม 114 มิลลิเมตร, เพิ่มระยะฐานล้ออีก 76 มิลลิเมตร และมีด้านกว้างมากขึ้นอีก 13 มิลลิเมตร เท่ากับว่าตัวรถมีขนาดใหญ่ขึ้นในแทบทุกมิติ
ขณะที่พื้นที่ภายในห้องโดยสารก็มีปรับงานดีไซน์ภายในรถใหม่ ให้ทันสมัย ในแบบที่รถยุคใหม่ควรจะเป็นมากขึ้น ทั้ง พวงมาลัยแบบใหม่ โดยมีโลโก้แบรนด์เป็นแถบตัวอักษรคล้ายกับท้ายรถ คอนโซลใหม่ ที่ดูสะอาดตาขึ้นเพราะไร้ปุ่มใดๆนอกไปจากปุ่มไฟฉุกเฉิน และปุ่มคุมการหมุนเวียนอากาศภายในห้องโดยสาร เพราะทั้งหมดที่เหลือจะถูกนำไปอยู่ในหน้าจอขนาด 12.9 – 15.6 นิ้ว ใหม่ทั้งหมด
โดยจอที่ว่านี้จะเป็นจอสัมผัสแล้ว ไม่ต้องคุมการเข้าฟังก์ชันต่างๆด้วยลูกบิดที่กลางคอนโซลเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะไม่มีให้ใช้แล้ว และมันยังได้รับการติดตั้งระบบ Google Built-In เข้าไปอีก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้
ไม่ใช่แค่หน้าจออินโฟเทนเมนท์ ตัวจอแสดงผลข้อมูลตัวรถก็มีการปรับเปลี่ยนใหม่ โดยให้เป็นจอแบบ Full Digital ที่ปรับอินเตอร์เฟซใหม่ให้ทันสมัยกว่าเดิม แถมยังเป็นจอที่มีขนาดใหญ่ถึง 10.25 นิ้ว
คอนโซลกลาง ยังถูกออกแบบใหม่ ให้ดูเรียบง่ายขึ้นเช่นกัน โดยมีเพียงคันเกียร์หุ้มหนังตรงกลาง และปุ่มกดแบบแถบตรงสุดมินิมอล โดยที่ด้านหน้ามีช่องสำหรับวางโทรศัพท์ด้วยระบบไร้สาย และด้านล่างมีช่องวางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง จากนั้นก็มีการเปลี่ยนดีไซน์เบาะใหม่ให้ดูนั่งสบายมากขึ้น เพิ่มระบบไฟแวดล้อม และหลังคากระจกพาโนรามิคเพื่อความโปร่งภายในห้องโดยสาร
และด้วยขนาดตัวถังภายนอกที่ใหญ่ขึ้น ทำให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารเองก็ใหญ่กว่าเดิมด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกับพื้นที่โดยสารตอนหลัง ที่ทางค่ายระบุว่าผู้โดยสารจะพบกับพื้นที่วางขา เข่า และเหนือศรีษะที่เหลือเฟือมากขึ้น จากหลังคาที่สูงขึ้น 25 มิลลิเมตร แม้แต่พื้นที่เก็บสัมภาระเอง ยังให้ขึ้นเพราะมีความยาวมากขึ้นกว่าเดิมอีก 51 มิลลิเมตร ช่วยให้มันมีความจุที่เก็บสัมภาระมากขึ้น 61 ลิตร
ด้านขุมกำลังตัวรถ เบื้องต้นจะมีเฉพาะรุ่น SkyActiv-G แบบเบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 190 PS และแรงบิดสูงสุด 251 นิวตันเมตร เหมือนเดิมกับโฉมก่อนหน้าเวอร์ชันทำตลาดยุโรป และยังคงทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time AWD แต่ทางค่ายได้ทำการปรับจูนการทำงานของระบบกลไกทั้งหมดใหม่ เพื่อให้มันสามารถทำงานได้อย่างราบลื่นมากขึ้น ตอบสนองต่อการกดคันเร่งได้ดียิ่งขึ้น และมีเสียงรบกวนเข้ามาสู่ห้องโดยสารน้อยลง
นอกจากนี้ ทางค่ายยังเสริมสมรรถนะรถด้วยการเพิ่มทางเลือกรุ่น Mild Hybrid ที่จะมีการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 24 โวลท์ พร้อมระบบแป้นเบรกไฟฟ้า Brake-By-Wire เข้าไป แต่เครื่องยนต์จะถูกดร็อปกำลังลงอีกหน่อย ให้เหลือเพียง 141 PS และแรงบิดสูงสุดก็ถูกปรับลดลงเหลือ 238 นิวตันเมตร เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง และมีทางเลือกระบบขับเคลื่อนล้อหน้าให้ลูกค้าได้เลือกซื้อเพิ่มได้อีก
ส่วนทางเลือกขุมกำลังฟูลไฮบริด SkyActiv-Z จะตามมาอีกครั้งในปี 2027 ซึ่งยังต้องรอลุ้นกันต่อไปว่ามันจะมีขีดความสามารถในระดับใดให้เราได้ตื่นตาตื่นใจกันบ้าง และสำหรับใครที่รอการมาของมันในไทย งานนี้อาจจะต้องใช้เวลากันอีกพักใหญ่ เพราะโฉมปรับเล็กของ CX-5 รุ่นปัจจุบันพึ่งจะวางขายได้ไม่ถึงปี โดยที่มันเองก็เปิดตัวล่าช้าจากตลาดโลกนานหลายปีเช่นกัน