Nissan X-Trail เอสยูวียยอดนิยมของทั่วโลกเปิดตัวรุ่นปรับโฉมแล้วที่ออสเตรเลียตามหลังสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น

ปรับในส่วนชุดกันชนหน้าดีไซน์ใหม่รวมถึงชุดกระจังหน้ารูปตัววี V-motion ขนาดใหญ่เติมเส้นโครเมียมแนวนอน 5 ชั้น ไฟหน้า multi-level LED ดีไซน์เรียวอยู่ด้านล่างพร้อมไฟ Adaptive LED ให้เลือก ขยับขึ้นไปเป็นไฟ DRL อยู่บนสุดและไฟเลี้ยวอยู่ในชุดเดียวกัน
กรอบเสา A สีดำ ราวหลังคาสีเงินบิ๊วอิน หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เสริมหล่อกับเสาอากาศครีบฉลาม คิ้วขอบล้อและกระจกมองข้างทรงสปูน ด้านท้ายปรับในส่วนกันชนหลังส่วนชุดไฟท้าย LED สไตล์บูมเมอแรงโคมเดิมเพิ่มการมองเห็นได้ชัดขึ้น ประตูท้ายเปิด-ปิดอัตโนมัติพร้อมระบบแฮนด์ฟรี และล้อกับยางมีให้เลือกทั้งขนาด 18-19 นิ้ว โดยหน้าตาเหมือนญี่ปุ่น

ภายในใหม่ด้วยพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน ดีไซน์เดียวกับ Nissan ARIYA รองรับ Android Auto และ Apple CarPlay ไร้สาย ในชุดจอสัมผัส 12.3 นิ้ว และยังมีขนาด 8 นิ้วให้เลือก พร้อมมาตรวัดดิจิตอล Full LCD ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว พร้อมลำโพงคุณภาพ 9 จุด จาก BOSE
จอแสดงข้อมูลเหนือคอนโซลหน้าสี head-up display 10.8 นิ้ว เครื่องปรับอากาศแยกโซน 3 Zone ซ้าย-ขวา และด้านหลัง คอนโซลเกียร์ทรงใหญ่โตจับกระชับ Nissan Connect เพิ่มมีฟังก์ชันสั่งเปิดแอร์ผ่านสมาร์ทโฟน และสั่งล็อกประตูจากระยะไกล

ระบบชาร์จมือถือไร้สาย wireless charging ม่านบังแดดประตูหลังซ้าย-ขวา ช่องเชื่อมต่อ USB type C ทั้งแบบ 2 จุดด้านหน้าและเพิ่มอีก 2 จุดด้านหลัง และช่องเสียบปลั๊ก 100V AC power supply (1500W) สามารถเสียบปลั๊กใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าได้
เบาะนั่งกึ่งหนังแท้ NAPPA สีแทนกับเบาะกึ่งหนังแท้สีดำมาพร้อมกันเหงื่อกันความชื้นซึมไปในเบาะแบบ Tailor Fit™ และ Cell-Cloth® และยังมีเบาะผ้าให้เลือก พร้อมอุ่นเบาะ มีทั้งแบบ 2 ตอน 5 ที่นั่งและ 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยลุ้นว่าออสเตรเลียจะได้ ระบบ Google built-in ในตัว เรียกใช้งาน Google Maps, Google Assistant และ Google Play ดาวน์โหลดแอปได้ รวมไปถึงเพลง พอดแคสต์ หรือไม่
เพิ่ม Connected Car Services (CCS 1.0) สั่งงานฟังก์ชันต่างๆของรถจากระยะไกลด้วยแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เช่น การสตาร์ทเครื่องยนต์ การรายงานสภาพรถยนต์ และการแจ้งเตือนการบำรุงรักษา เป็นต้น

ขุมพลัง e-Power Turbo เจเนอเรชันที่ 2 ขนาด 1.5 ลิตร เบนซิน VC Turbo 3 สูบ KR15DDT ให้กำลังถึง 144 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร มาพร้อมรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้า BM46 เป็น 204 แรงม้า แรงบิด 330 นิวตันเมตร และจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หลัง MM48 AC3 Synchronous Motor ให้พลัง 136 แรงม้า แรงบิด 195 นิวตันเมตร ให้พลังรวมมากขึ้นเป็น 340 แรงม้า เพิ่มแรงบิดเป็น 525 นิวตันเมตร พร้อมโหมดการขับขี่ 5 โหมด ทั้ง Sport, Off-Road, Snow, Auto และ ECO
ติดตั้งระบบ e-Pedal ซึ่งใช้คันเร่งในการกดเร่งแซงและชะลอความเร็วในชุดเดียวกัน โดยชุด e-Pedal สามารถชะลอหยุดจนถึงจุดหยุดนิ่ง จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Single Speed ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE ควบคุมได้สำหรับล้อทั้งสี่ ให้ความสมดุลในประสิทธิภาพที่ทรงพลังพร้อมรองรับการขับขี่ในทุกสภาพอากาศ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ทำให้การขับขี่มีความสมดุลและมั่นคงด้วยพลังระดับรถสปอร์ตในพริบตา
และมีเบนซินล้วน 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 244 นิวตันเมตร คู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTRONIC CVT เลือกได้ทั้งขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ Intelligent All Wheel Drive 5 โหมด

โดยเปิดขายที่ออสเตรเลียต้นปีหน้า ขาย 9 รุ่นย่อยในราคา $38,140-$58,215 หรือประมาณ 819,000 -1,239,000 บาท ทางด้านเมืองไทยพบกันที่งาน Motor Expo 2025
