หลังการยกเลิกทำตลาด GPX Drone และแทนที่ด้วย GPX DZ3 หลายคนต่างสงสัยว่าแล้วช่องว่างทางการตลาดของรถสกู๊ตเตอร์พิกัด 150cc ที่หายไป ทาง GPX จะทำอย่างไร ? คำถามนั้น ก็ได้ถูกตอบแล้ว ด้วย GPX DZ2 Hyper Trex รุ่นนี้
GPX DZ2 Hyper Trex มาในรูปลักษณ์สปอร์ตล้ำสมัยที่ผสมผสานความดุดันกับความหรูหราได้ลงตัว เส้นสายตัวถังเฉียบคม สัดส่วนกระชับ ขณะที่ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์และระบบไฟ Full LED รอบคัน ช่วยเพิ่มมิติให้ตัวรถดูมีพลังและโดดเด่นทั้งกลางวันและกลางคืน
นอกจากนี้ ยังมีชุดหน้าจอ TFT Full Color Display ขนาด 6 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Bluetooth และสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน Carbit Ride พร้อมฟังก์ชัน Mirror Screen Sharing ที่สามารถแชร์หน้าจอมือถือเข้ามายังหน้าจอของรถได้โดยตรง
ตามด้วยช่องชาร์จแบบพอร์ตคู่ ทั้ง USB-A และ USB-C ที่อยู่บริเวณช่องเก็บของด้านซ้าย อีกทั้งยังสะดวกและปลอดภัยในการใช้งาน ด้วยกุญแจแบบ Smart Key (มาตรฐาน IP67) ทนต่อน้ำและฝุ่น พร้อมฟังก์ชันกันขโมยในตัว และมีถังน้ำมันด้านหน้าความจุ 8 ลิตร ตอบโจทย์การใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน พร้อมเบาะนั่งดีไซน์สปอร์ตให้ความรู้สึกกระชับ และมีความสูงจากพื้นเพียง 770 มิลลิเมตรเท่านั้น รวมถึงยังมาพร้อมกับพักเท้าผู้ซ้อนแบบพับเก็บได้ ช่วยให้การเดินทางร่วมกันในทุกวันสะดวกและลงตัวมากขึ้น
เครื่องยนต์บล็อคใหม่ HYPER-i ขนาด 149.6 cc 1 สูบ 4 จังหวะ SOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 14.27 แรงม้า PS ที่ 8,500 รอบ/นาที และมีแรงบิดสูงสุด 13.5 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และระบบคลัทช์แรงเหวี่ยง
โครงสร้างตัวรถเปล่าน้ำหนักเพียง 130 กิโลกรัม (รวมของน้ำมันพร้อมขี่ 137 กิโลกรัม) ทำให้ง่ายต่อการขับขี่และให้ความคล่องตัวสูงในเมือง และยังมาพร้อมกับระบบกันสะเทือนโช้คหน้าตะเกียบคู่หัวตั้ง โช้คหลังต้นคู่, ชุดล้อรัดด้วยยางขนาด 110/70-14 และ 130/70-13 ตามลำดับหน้า-หลัง
เบรกหน้า แบบจานเดี่ยวขนาด 260 มิลลิเมตร พร้อมปั๊มเบรกเรเดียลเมาท์ 4 พอท และด้านหลัง จานเดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร พร้อมปั๊มโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 1 พอท พร้อมกันนี้ยังมีระบบเบรก ABS ทั้งหน้าและหลังแบบ Dual Channel และมีระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction Control System) ที่ช่วยเสริมความปลอดภัยไปอีกขั้น และยังสามารถเปิด-ปิดฟังก์ชันนี้ได้อีกด้วย
สำหรับ GPX DZ2 ถูกวางตำแหน่งให้เป็นสกู๊ตเตอร์ คลาส 150 ที่ “ตอบโจทย์ทั้งดีไซน์ ให้ฟีเจอร์ระดับรถพรีเมียมในราคาที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ชาวไทยอย่างแท้จริง ด้วยราคาเปิดตัวที่ 73,500 บาท! มีให้เลือกด้วยกันถึง 4 เฉดสี ได้แก่ 1.Crayon Grey (เทา-ดำ) , 2. Super Black (ดำ) ,3. Matte Brown (น้ำตาล-ดำ) 4. Lava Red (แดง-ดำ)
พร้อมด้วยโปรแกรมรับประกันเครื่องยนต์ นานถึง 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) สามารถชมรถตัวจริงได้ที่ตัวแทนจำหน่าย GPX กว่า 113 สาขาทั่วประเทศ หรือ จองรถได้ทางเว็บไซต์ https://www.gpxthailand.com
