หลังการโชว์ตัวครั้งแรกในไทย ณ งาน Motor Show 2025 ล่าสุด BMW S1000RR โฉมใหม่ก็ได้พร้อมแล้วที่จะทำตลาดในไทย ด้วยราคาเริ่มต้น 1,029,000 บาท

BMW S1000RR 2025 เปิดราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทยแล้ววันนี้ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,029,000 บาท โดยตัวรถรุ่นนี้ มาพร้อมกับการปรับเปลี่ยนรายละเอียดหลายๆจุดที่แตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะการเปลี่ยนชุดวิงเล็ทหน้ารถใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจนสามารถเพิ่มแรงกดอากาศขณะวิ่งที่ความเร็วสูงระดับ 300 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้มากขึ้น จาก 17.1 กิโลกรัม เป็น 23.1 กิโลกรัม โดยเป็นงานออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก BMW M1000RR อีกที
นอกนั้นยังมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของการปรับดีไซน์บังโคลนหน้ารถใหม่ ให้มีช่องดักลมเป่าคาลิปเปอร์เบรกล่าง เพื่อลดความร้อนสะสมขณะใช้งานหนักๆในสนามแข่ง
และแม้ไฟหน้าของรถจะยังคงเป็นดวงไฟ LED คู่ทรงเดิมกับโฉมก่อนหน้า แต่แฟริ่งหน้ามีการปรับงานออกแบบใหม่ ให้รถดูแหลมเรียวมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับแฟริ่งข้าง ที่กลับไปใช้งานออกแบบ “อสมมาตร” อีกครั้ง โดยฝั่งซ้ายจะมีช่องว่างขนาดใหญ่เพื่อการระบายอากาศจากพัดลมหม้อน้ำ ส่วนฝั่งด้านขวาก็จะมีครีบฉลามเพื่อการรีดอากาศที่ดี อันเป็นเอกลักษณ์ดั้งเดิมที่เคยมีใน BMW S1000RR ทั้ง 2 เจเนเรชันแรก

นอกนั้น จะเป็นการปรับเปลี่ยนในส่วนของรายละเอียดออพชันพื้นฐาน เริ่มจาก การใส่คันเร่งทดรอบสไตล์ M ปรับมุมหมุนให้ลดลงมาอยู่ที่ 58 องศา, เลือกใส่แบตเตอรี่แบบ M Lightweight น้ำหนักเบาลงราว 2 กิโลกรัม มาให้ตั้งแต่ออกโรงงาน
และยังใส่โหมดการขับขี่แบบ Pro ได้รับการติดตั้งมาเป็นฟังก์ชันมาตรฐานใน RR รุ่นใหม่นี้ โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานโหมดใหม่อย่าง Race Pro ที่ปรับคันเร่งให้ตอบสนองรวดเร็วขึ้นไปอีก ปรับจูนทั้งแรงบิดจากเครื่องยนต์ การชะลอความเร็วโดยไม่ใช้เบรก ระบบช่วยออกตัวทางชัน (Hill Start Control Pro) และระบบเบรก ABS ที่ตั้งค่าการทำงานต่างหากได้ถึง 5 ระดับ
ส่วนระบบ Dynamic Brake Control (DBC) และ Dynamic Damping Control (DDC) หรือระบบโช้กไฟฟ้า จะถูกปรับจูนการทำงานของเบรกและช่วงล่างให้ตัวรถเสถียร ควบคุมได้แม่นยำแม้เมื่อขับขี่บนพื้นถนนที่ขรุขระ
พร้อมเปลี่ยนเซ็นเซอร์ตรวจจับมุมเอียงของตัวรถ IMU 6 แกน ใหม่ เพื่อนำข้อมูลไปใช้ประมวลผลระบบ Brake Slide Assist และ Slide/Slip Control ได้ดียิ่งขึ้น และยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) และแฮนด์รถพร้อมระบบทำความร้อนอัตโนมัติติดตั้งมาสำหรับผู้ขับขี่ ขณะที่ด้านท้าย ติดตั้งชุดอุปกรณ์ Passenger Package ที่เสริมมาให้ทั้งเบาะหลัง ที่พักเท้าผู้โดยสาร และฝาครอบเบาะหลัง
ด้านรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของตัวรถยังคงอิงตามตัวรถโฉมปีก่อนแทบทุกประการ ทั้งชุดเฟรมแบบ Aluminium Flex Frame ชื่อเดิม แต่ปรับองศาแผงคอใหม่ให้ชันน้อยลง 0.2 องศา จาก 66.4 องศา เหลือ 66.2 องศา เพื่อการพลิกเลี้ยวที่ฉับไวขึ้น
พร้อมเพิ่มระยะเทรลขึ้นจาก 99.8 มิลลิเมตร เป็น 101.4 มิลลิเมตร เพื่อให้ช่วงหน้าตัวรถยังมีความมั่นคง และระยะฐานล้อเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย จาก 1,456 มิลลิเมตร เป็น 1,457 มิลลิเมตร เพิ่มความสูงเบาะจาก 824 มิลลิเมตร เป็น 832 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักตัวรวมของเหลวเพิ่มขึ้น 1 กิโลกรัม เป็น 198 กิโลกรัม
นอกนั้นในส่วนของระบบกันสะเทือนโช้กหน้าหัวกลับ ขนาดแกน 45 มิลลิเมตร กับ โช้กหลังต้นเดียวพร้อมกระปุกซับแทงค์แก๊สแยก ที่สามารถปรับเซ็ทได้ทุกค่า และมาพร้อมระบบแปรผันกับการปรับความหนืดด้วยไฟฟ้าเหมือนกันทั้งคู่
ระบบเบรกด้านหน้า จานคู่ขนาด 320 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับ ปั๊มเบรกเรเดียลเมาท์โมโนบล็อคคาลิปเปอร์ 4 พอท – ด้านหลัง จานเดี่ยวขนาด 220 มิลลิเมตร ทำงานร่วมกับปั๊มเบรกโฟลทติ้งเมาท์คาลิปเปอร์ 1 พอท ชุดล้ออัลลอยด์ขนาด 17 นิ้ว ก็ยังคงมาพร้อมยางขนาด 120/70-17 กับ 190/55-17 ตามลำดับหน้า-หลัง
ถัดมาในส่วนเครื่องยนต์ ก็ยังคงเป็นบล็อค 4 สูบเรียง 999cc ระบายความร้อนด้วยน้ำ พร้อมระบบวาล์วแปรผัน ShiftValve เช่นเดิม มีพละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า PS ที่ 13,750 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดก็อยู่ที่ 113 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบ/นาที ดังเดิม ทำงานร่วมกับระบบเกียร์คลัทช์มือ 6 สปีด และควิกชิฟท์เตอร์ 2 ทางขึ้น-ลง ดังเดิม ไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ แม้มันจะถูกปรับจูนระบบบำบัดไอเสียใหม่ จนผ่านมาตรฐานระดับ Euro5+ แล้วก็ตาม
BMW S1000RR พร้อมให้นักบิดในไทยเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ กับรุ่นมาตรฐาน สีเทา Bluestone Metallic ด้วยราคา 1,029,000 บาท
และสำหรับลูกค้าที่ต้องการยกระดับความสปอร์ตไปอีกขั้น ก็สามารถเลือกรุ่นพิเศษ Light White M Motorsport ที่มาพร้อมกับที่พักเท้าแบบ M Sport, เบรกแบบ M Sport, และเบาะนั่ง M Sport ล้อสีดำตัดลายเส้นสีแดงแบบ Pinstripe, และโทนสีขาว-แดง-น้ำเงิน ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความแรงของ BMW M โดยสนนราคาที่ 1,059,000 บาท