ขณะที่หน้าตาของ Toyota Land Cruiser FJ ดูโดดเด่น ทว่าในขณะเดียวกันกลับมีเรื่องหนึ่งที่หลายคนยังคาใจ นั่นคือทำไมมันถึงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร ที่ไม่ค่อยถูกจริตสายลุยชาวไทยเท่าไหร่นัก ?

นั่นก็เพราะเครื่องยนต์เบนซิน 2.7 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศ ที่จะถูกติดตั้งใน Toyota Land Cruiser FJ ก็คือเครื่องยนต์รหัส 2TR-FE ซึ่งมีตัวเลขกำลังสูงสุด 166 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบ/นาที เท่านั้น ทำให้มันอาจไม่เหมาะกับการเอาไปบุกตะลุย ที่บางจังหวะผู้ขับก็ต้องการให้รถมีเครื่องยนต์ที่สามารถสร้างแรงบิดพร้อมใช้สำหรับการไต่เนิน ไต่อุปสรรคชันๆอยู่บ่อยๆมากกว่า
โดยตอนที่ทางค่ายนำเครื่องยนต์ลูกนี้ไปใช้ใน Toyota Hilux Champ ตัวรถก็ไม่สามารถรองรับการแบกหามสัมภาระได้มากมายนัก จนลูกค้าเลือกที่จะเล่นตัวรถรุ่นดีเซล เทอรโบ 2.4 ลิตร ไปเลย เพื่อหวังผลในเรื่องของแรงบิดในรอบต่ำที่ดีกว่า แถมแรงบิดสูงสุดเองก็เยอะกว่าด้วยตัวเลข 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400 – 2,800 รอบ/นาที และยังมีเรื่องของตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่า กับค่าน้ำมันเชื้อเพลิงต่อหน่วยถูกกว่าด้วย

อย่างไรก็ดี หากคุณเป็นแฟนรถยนต์ Toyota ก็คงจะพอทราบกันดีว่าเครื่องยนต์ 2TR-FE คือขุมกำลังที่ทางค่ายนำมาใช้ในรถยนต์ของแบรนด์หลายรุ่นด้วยกันตั้งแต่ปี 2003 และที่ชาวไทยคงจะคุ้นเคยกันดี เพราะหากไม่นับ Toyota Hilux Champ ก็ยังมีทั้ง Toyota HiAce, Toyota Fortuner, Toyota Hilux, และ Toyota Innova อีก
ซึ่งในตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา หากไม่นับเรื่องของอัตราเร่งที่อาจจะอืดไปบ้าง เมื่อเทียบกับตัวรถที่ใช้เครื่องยนต์ที่เซล และอัตราการกินน้ำมันที่แอบหนักพอประมาณ เพราะเครื่องยนต์แรงบิดน้อย แต่ต้องแบกตัวถังที่ค่อนข้างหนัก
ทว่าเครื่องยนต์ลูกนี้ก็ยังมีข้อดีที่น่าสนใจอยู่หลายข้อด้วยกัน ไม่ว่าจะเรื่องของสุ้มเสียงรบกวนในห้องโดยสารขณะใช้งานที่ต่ำกว่า, ความสั่นสะเทือนขณะใช้งานที่น้อยกว่า และหากใครเอารถไปติดแก๊ส เครื่องยนต์ลูกนี้ก็ดูเหมือนจะมีความทนทานเหลือเฟือที่จะรับภาระจากอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูงขณะใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิงได้อีก
และด้วยนิสัยเครื่องยนต์ที่มีกำลังในรอบกลาง-ปลาย ทำให้มันสามารถใช้งานในการขับด้วยความเร็วปานกลางขณะเดินทางที่ต่อเนื่องลื่นไหล ซึ่งน่าจะเหมาะกับรูปแบบการใช้งานของ Land Cruiser FJ ซึ่งเกิดมาเพื่อเป็นรถสำหรับการสันทนาการจากเมืองสู่แคมป์เป็นอย่างดี

ส่วนใครที่กังวลในเรื่องการบุกตะลุย เราก็ต้องบอกว่า แม้เครื่องยนต์ลูกนี้ อาจไม่ได้มีแรงบิดในรอบต่ำที่ดีมากนัก แต่ด้วยน้ำหนักเครื่องยนต์ที่เบาเพียงราวๆ 130 กิโลกรัม และทางค่ายอาจมีการปรับปรุงอัตราทดเกียร์จับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออีก เพื่อให้รถสามารถไต่ผ่านอุปสรรคได้ดีมากขึ้น ซึ่งเซ็ทอัพที่ว่านี้ ก็เป็นสิ่งที่หลายคนคงเคยได้เห็นกันแล้วใน Toyota Land Cruiser Prado ซึ่งใช้ขุมกำลัง 2TR-FE เช่นเดียวกันในโฉมล่าสุดอยู่นั่นเอง
เมื่อประกอบกับการที่เครื่องยนต์ลูกนี้ ทาง Toyota ได้นำมาใช้กับรถขายจริงตั้งแต่ปี 2004 แถมยังถูกใช้ในรถยนต์หลากหลายรุ่น จึงทำให้เครื่องยนต์ลูกนี้จะมีอะไหล่ให้ใช้อย่างเหลือเฟือ และด้วยการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้เครื่องยนต์ย่อมมีความทนทานสูงขึ้นไปอีก จากเดิมที่ก็ได้ชื่อว่าเป็นเครื่องยนต์อีกลูกที่มีความจุกจิกน้อยอยู่แล้ว และอุ่นใจในเรื่องการใช้งานยาวๆได้เลย
นอกจากนี้ด้วยความที่ตัวรถรุ่นนี้ ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ลุยตลาดโลก ซึ่งในหลายๆประเทศก็ลูกค้าก็ไม่ได้สะดวกใจที่จะใช้รถเครื่องยนต์ดีเซลเหมือนไทย ดังนั้นด้วยคุณสมบัติข้างต้นที่ไล่เรียงมา จึงทำให้นี่อาจจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับการนำมาใส่ในรถออฟโรดเดอร์ขนาดเล็กรุ่นนี้สำหรับตลาดต่างประเทศ

ทั้งนี้ สำหรับใครที่ยังคงไม่สะดวกใจในการใช้งานรถรุ่นนี้ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน ดูเหมือนว่าแท้จริงแล้วทางค่ายยังมีแผนจะทำตัวรถรุ่นที่วางขุมกำลังดีเซลอยู่เพื่อตอบสนองความต้องการของชาวไทยเป็นพิเศษ แต่จะมาพร้อมกับตัวรถรุ่นเบนซินด้วยหรือไม่ ยังไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้ จนกว่าจะถึงกำหนดการเปิดตัวจริงในบ้านเรา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้เป็นอย่างเร็ว หรือต้นปีหน้าเป็นอย่างช้า
