Home » Neta: จากม้ามืด EV สู่หัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญของแบรนด์จีนในไทย
Blog Buster บทความ

Neta: จากม้ามืด EV สู่หัวเลี้ยวหัวต่อครั้งสำคัญของแบรนด์จีนในไทย

ในบรรดารถยนต์ไฟฟ้าที่คนไทยพูดถึง NETA คือชื่อที่ใครก็รู้จัก แม้จะไม่มีเทคโนโลยีสุดล้ำแบบ Tesla หรือแบรนด์ใหญ่แบบ MG หรือ Great Wall Motor แต่แบรนด์จีนรายนี้กลับยืนหนึ่ง “รถไฟฟ้าคันแรกของชีวิต” สำหรับหลายครอบครัวไทย เพราะพวกเขาเข้าใจคนตัวเล็กในโลกที่แข่งขันกันด้วยทุนใหญ่

NETA V ไม่ได้ชนะใจคนด้วยแรงม้า แต่ด้วยราคาที่ “แตะได้จริง” และขนาดรถที่เหมาะกับชีวิตเมืองไทย ตัวรถขับใช้งานง่าย แอร์เย็น ขับช้าแต่มั่นใจ ที่สำคัญคือทำให้ “รถไฟฟ้า” กลายเป็นสิ่งที่คนธรรมดากล้าคิดจะซื้อครั้งแรกในชีวิต

“เนต้า” ชื่อของพวกเขามาจากเทพเด็กองค์หนึ่งในประเทศจีน ชื่อ “เน่อจา” ที่มีอภินิหาร และกล้าในการต่อสู้กับปีศาจ-จอมมารต่าง ๆ หากใครเคยดูหนังกำลังภายในหรือซีรีส์จากจีนก็น่าจะคุ้นกับชื่อ “นาจา” เป็นอย่างดี

ตั้งแต่เริ่มแบรนด์จนถึงปัจจุบัน Neta มุ่งเป้าสร้างรถยนต์ไฟฟ้าราคาย่อมเยา เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้าถึง EV ได้ง่าย เป้าหมายของพวกเขาแตกต่างจากแบรนด์ไฟฟ้าจีนยุคใหม่หลายแบรนด์อย่าง Xpeng, Li Auto หรือ Nio ที่เน้นตลาดบน

Neta เข้ามาทำตลาดไทยในช่วงปี 2022 และกลายเป็นแบรนด์ยอดนิยมแทบจะทันที โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางที่อยากลองใช้ EV รุ่นเริ่มต้น Neta V คือคำตอบ รถขนาดเล็กสำหรับคนเมือง ราคาเริ่มต้น 549,000 บาท ทำให้ Neta เป็นที่รู้จักในไทยอย่างรวดเร็ว

ยอดขายของ Neta ประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงปี 2023 – 2024 มีการเปิดตัว Neta V-II ที่ประกอบในไทยโดยความร่วมมือกับ บางชัน เจนเนอรัล แอสเซมบลี และต่อด้วย Neta X รถ SUV ไฟฟ้าที่มาแทน Neta U ในจีน

จากม้ามืดสู่แบรนด์มหาชน Neta เคยมีช่วงเวลาพีคที่หลายคนไม่คาดคิดว่าจะมาถึง ยอดขายสะสมถึงปลายปี 2567 ทะลุ 20,000 คัน จาก Neta V, V-II และ X ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของแบรนด์ที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเองในไทย

แต่ปี 2568 เริ่มต้นไม่สู้ดี กระแสข่าวลบจากจีนว่าบริษัทแม่ Hozon Auto มีปัญหาหนี้สินสะสม ทำให้ความเชื่อมั่นในไทยเริ่มสั่นคลอน กระแสแรงขึ้นเมื่อพบว่า รายชื่อกรรมการบริษัทในไทยเหลือเพียงคนไทยเท่านั้น ก่อนมีแถลงจากบริษัทว่ากำลังอยู่ระหว่างเปลี่ยนกรรมการและปรับโครงสร้างองค์กร

ศูนย์บริการบางแห่งเริ่มปิด หรือปฏิเสธการให้บริการซ่อมบำรุง ลูกค้าหลายรายเริ่มหวั่นใจ ถึงขั้นมีข่าวลือว่าแบรนด์อาจถอนตัวจากไทย

อย่างไรก็ดี Neta พยายามแสดงความมุ่งมั่นว่าจะอยู่ต่อ ทั้งยอดจองในงาน Motor Show 2025 ที่มีถึง 1,618 คัน และการยืนยันแผนผลิต Neta X ในไทย รวมถึงที่แปลกที่สุด อยู่ดีๆมีเงินกู้วงเงิน 10,000 ล้านบาทจาก Nissan Leasing ถือเป็นสัญญาณว่า ยังมีคนเชื่อในศักยภาพของแบรนด์นี้อยู่

วันนี้ Neta ยืนอยู่ที่หัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่ว่าจะอยู่หรือไปต่อ อนาคตยังไม่แน่นอน แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า Neta เคยเป็นแบรนด์ที่ทำให้คนไทยเข้าถึง EV ได้จริง และสร้างความมั่นใจให้โครงสร้างพื้นฐานเติบโต

สุดท้ายนี้ หาก Neta ผ่านวิกฤตนี้ไปได้ ก็จะกลายเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน และอาจเป็นต้นแบบให้แบรนด์น้องใหม่จากจีนรายอื่นศึกษา

และหากไม่สามารถฝ่าฟันได้สำเร็จ อย่างน้อยพวกเขาได้จารึกชื่อไว้ในฐานะแบรนด์ที่กล้าท้าทายความเชื่อเดิม ๆ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.