Home » GWM ค่ายจีนทะยานสู่ “Multisolution” ไม่มองโลกสวยด้วย “รถยนต์ไฟฟ้า”
Blog Buster บทความ

GWM ค่ายจีนทะยานสู่ “Multisolution” ไม่มองโลกสวยด้วย “รถยนต์ไฟฟ้า”

2-3 เดือนที่ผ่านมา GWM กลายเป็นค่ายรถยนต์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดบนเวทีโลก

แม้ว่าในไทยความปังของ Tank 300 Diesel จะได้รับความสนใจจากคนไทยจำนวนมาก แต่แวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ต่างแปลกใจจากท่าทีแบรนด์ล่าสุด ที่มุ่งสู่ทิศทางแบบเดียวกับค่ายญี่ปุ่นชั้นนำ

ตั้งแต่การป่าวประกาศในงานเซี่ยงไฮ้ GWM ก็กลายเป็นค่ายที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมไปตลอดกาล

ในขณะที่ค่ายจีนส่วนใหญ่ ชูหันไปทิศทางเทคโนโลยี Extended Range รถยนต์ไฟฟ้ามีเครื่องปั่นไฟ GWM ขอเลี้ยวขวาออกสู่โลกความจริงผ่านทางเลือกที่หลากหลาย มีให้ทุกคนได้เลือกซื้อเลือกใช้ ตามความต้องการ ไม่ว่าจะคนเมืองหรือ คนอยู่ไกล มีสิทธิเข้าถึงรถของ GWM

ทิศทางนี้นำเสนอครั้งแรกในงาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้โชว์ โดย ท่านประธาน มู่เฟิง ชี้ชัดว่า GWM ไม่ได้คิดแบบค่ายจีนรายอื่นๆ อีกต่อไป

ในขณะที่ค่ายอื่นเดิมเกมรถยนต์ไฟฟ้ามีเครื่องยนต์ Extended Range , GWM เลี้ยวซ้ายออกโลกกว้างสู่เส้นทางใหม่ Multi Solution

ด้วยการตอบโจทย์ลูกค้า ด้วยระบบขับเคลื่อนที่มีความหลากหลาย ในประเทศไทยเห็นได้จากการแนะนำ ระบบขับเคลื่อนดีเซลเข้ามาล่าสุด ต่อจากการแนะนำ ระบบขับเคลื่อน ระบบไฮบริด และ Plug in Hybrid ก่อนหน้านี้

การตัดสินใจเปลี่ยนทิศทางแบรนด์ครั้งนี้ เกิดภายใต้การเล็งเห็นทิศทางแห่งอนาคต ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะเป็นแนวทางการลดมลภาวะที่สำคัญ​ แต่ท้ายสุดต้องยอมรับว่า ลูกค้าที่มีความหลากหลาย มีความพร้อมแตกต่างกัน อาจจะยังทำให้ EV ไม่ไปถึงฝั่งฝันโลกสวย

การวางหมาก ว่าต้องเน้นการขายรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทิศทางและสิ่งที่ดีต่อตลาด GWM จึงวางหมากให้พวกเขามีทุกทางเลือกที่ลูกค้าต้องการ ตอบได้ทุกสิ่งเป็นทุกอย่าง ทั้งการใช้งานในประจำวัน ออกเดินทางในวันว่าง หรือกระทั่งลุยเส้นทางสมบุกสมบัน

ทิศทางใหม่ Multisolution, GWM จะมีระบบขับเคลื่อนที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ ORA ยังคงอยู่ และเติบโตต่อไป รถยนต์ Plug in Hybrid สำหรับคนเน้นการใช้งานในเมือง และพร้อมสำหรับการเดินทางในวันว่าง ผ่าน เทคโนโลยีที่เรียกว่า “Hi-4”

โดยเฉพาะตัว Hi-4 (Hybrid Intelligent 4 Wheel Drive) ที่มี มากถึง 3 รูปแบบ ตอบความต้องการได้อย่างหลากหลาย ได้แก่

  • Hi-4 ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า วางมอเตอร์ไว้ทางด้านหน้าและหลัง เน้นการใช้งานในเมืองและ การใช้งานบนถนนทั่วไป
  • Hi-4Z ระบบขับเคลื่อน อัพเกรดขึ้นมาเพื่อให้พร้อมสำหรับทางลุย จุดเด่นระบบนี้คือ มอเตอร์ไฟฟ้า วางแยกคล้ายกับระบบแรก และเอาแบตเตอร์รี่วางไว้ระหว่างแชสซี เครื่องยนต์ ส่งกำลังด้วยเกียร์ 3 จังหวะ สามารถทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าได้ทำให้มีกำลังขับสูง
    • ยกตัวอย่างรถ Tank 500 Hi-4Z มอเตอร์และเครื่องยนต์ สามารถเบ่งพลังรวมกัน สูงสุด 863 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 1195 นิวตันเมตร และ ใช้แบตเตอร์รี่เทคโนโลยี 800 โวล์ต รองรับการชาร์จเร็วสุด 163KW ใช้เวลาชาร์จ 15 นาที จาก 30-80 %
  • Hi-4T ระบบขับเคลื่อน พรั่งพร้อมในทางลุย ตอบสนองต่อการสมบุกสมบัน มอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ในชุดเกียร์ ส่วนแบตเตอร์รี่ยกมาไว้ในห้องโดยสาร

ทุกระบบจะสามารถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 100 ก.ม. ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับในเมืองก็ได้ ทางไกลก็ดี แม้ว่าจะฟังดูดี แต่สุดท้าย ต้องมาดูว่าการใช้งานจริงของลูกค้าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะประเด็นเรื่องความทนทานในระยะยาว

และด้วยการวางหมากให้ Hi4 Technology เป็นมาตรฐานใหม่ GWM ชี้ว่า พวกเขาจะเป็นอีกแบรนด์ที่ก้าวเข้าสู่ ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มันจะเป็นมาตรฐานทางด้านความปลอดภัย และไม่ควรเป็นออพชั่นเสริมที่ลูกค้าจะต้องจ่ายเพิ่ม เหมือนเบรก ABS หรือถุงลมนิรภัยเมื่อสิบกว่าปีก่อน วันนี้เป็นมาตรฐานใหม่

ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่า GWM ไม่ได้ตั้งใจ วิ่งแข่งกับค่ายจีนด้วยกันอีกต่อไป แต่กำลังเอาแนวคิดค่ายญี่ปุ่นสัญลักษณ์ดาวลูกไก่ เรื่อง “ความปลอดภัยจากระบบขับเคลื่อน” มาผสมกับความ Practical แบบ Honda แล้วเขย่าเป่าเสกออกมาเป็นทิศทางของตัวเอง

แต่ทั้งหมดนั้น จะเปลี่ยนไปสู่การสร้างยอดขายได้ตามที่คิดหรือไม่ นับเป็นเรื่องที่ท้าทาย เช่นกัน และไม่ใช่เรื่องง่ายกับคำว่า “ระบบไฮบริด”

นอกจากเทคโนโลยีไฮบริดที่แบรนด์กำลังก้าวไป , ​เครื่องยนต์ดีเซลกำลังเป็นทิศทางใหม่ที่ทางค่ายกำลังสนใจ แม้ในอดีตเครื่องยนต์ดีเซล จะเน้นใช้กับรถบรรทุก หรือ รถเชิงพาณิชย์เป็นหลัก แต่วันนี้ GWM รู้แล้วว่าพวกมันเหมาะกับการใช้งานบางแบบ เช่นในพื้นที่ห่างไกล ทางสมบุกสมบัน

GWM ยังตั้งคำถามสำคัญ ว่า ถ้าเครื่องยนต์ดีเซล มีประสิทธิภาพ ขุมพลังแบบนี้ สมควรถูกเรียกว่า “New Energy” หรือไม่

ไม่เพียงเท่านี้ จักรวาลของ GWM แผ่ออกกว้างกว่าเดิม ล่าสุดพวกเขาเปิดตัวแบรนด์มอเตอร์ไซค์ใหม่ “Souo Motorcycle” นำเสนอ รถตระกูลทัวร์ริ่งเดินทางขนาดใหญ่ และยังมีแผนงานทำรถรุ่นอื่น ออกมาตอบตลาดในอนาคตด้วย

ทำให้ ในวันนี้ถ้ามองทิศทาง GWM มาทิศเดียวกับ Honda – BMW ขายทั้งรถ และรถมอเตอร์ไซค์ และยังไม่มีค่ายจีนรายใด ทำแบบนี้มาก่อน

จุดยืนใหม่ของ GWM ล่าสุดนั้น ค่อนข้างจะสร้างความชัดเจนกับสาวก รวมถึงพาร์ทเนอร์ของพวกเขาทั่วโลก

อย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็รู้แล้วว่าควรเดินไปทางไหน การขยับทิศทางทั้งในจีน และในไทย ไม่ว่าจะการนำเสนอ PHEV และ เครื่องยนต์ดีเซล

รวมถึงล่าสุด มีการแสดงวิสัยทัศน์ว่า ระบบขับเคลื่อน Hi-4 บนเวที International NEV Summit 2025 กำลังจะเข้ามามีบทบาทในอีกไม่นานนี้ ล้วนสร้างความชัดเจนต่อแบรนด์

ส่วน ORA แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า แม้ช่วงนี้จะนิ่งๆไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะทิ้งมันไปเลย พวกเขายังเน้น EV แต่จะโฟกัสไปยังรถเล็ก และ คอมแพ็คคาร์สำหรับคนเมือง และเตรียมเปลี่ยนจากเรโทรดีไซน์ไปสู่แนวใหม่ๆ ตามที่ผู้บริหารเรียกเก๋ๆ ว่า Transformation to Rebirth

สรุปง่ายๆ คือ GWM มองเกมขาด เปลี่ยนแนวคิดให้เป็นยอดขายและความเชื่อมั่นทั้งหมดถือ การเปลี่ยนพวกเขาให้เป็น “แบรนด์จีนที่เริ่มเข้าใจตลาดที่หลากหลายมากขึ้น” ไม่ใช่เพ้อฝันโลกสวยด้วยรถยนต์ไฟฟ้าอีกต่อไป

GWM กำลัง “เริ่มเติบโตและมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น” ในอุตสาหกรรมยานยนต์

วันนี้พวกเขาเข้าใจว่า แล้วว่าลูกค้าไม่ได้แค่มองหา รถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์จีน แต่มองหาทุกอย่างถ้ามันตอบโจทย์พวกเขาได้ …ทุกคนก็พร้อมซื้อรถจากแบรนด์จีน

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.