Home » ข้อมูลชี้ ผู้ใช้ยังอยากได้ “ลูกบิดปรับเสียง”
บทความ สกู๊ปเด็ด

ข้อมูลชี้ ผู้ใช้ยังอยากได้ “ลูกบิดปรับเสียง”

ผ่านช่วงเวลาของการเอาทุกปุ่มไปไว้ในหน้าจอแสดงผลตรงกลาง หลายแบรนด์ก็เริ่มกลับมาทำปุ่มที่จำเป็นต่างๆใหม่อีกครั้งตามเสียงเรียกร้องจากลูกค้าผู้ใช้งานจริง และหนึ่งในนั้นก็ยังรวมถึง “ลูกบิดปรับเสียง” ที่อาจจะดูไม่สำคัญ แต่ดีต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันมากๆด้วย

จากการเผยข้อมูลของ Stepahn Durach รองประธานอาวุโสของฝ่ายพัฒนาระบบ UI/UX ของ BMW ระบุกับสื่อสายตรง BMWBlog เอาไว้ว่า ทางบริษัทได้มีการเก็บข้อมูลจากลูกค้ากว่า 10,000,000 ตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาภายในห้องโดยสารของ BMW iX3 รุ่นใหม่

ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจจากการเก็บข้อมูลครั้งนั้น ก็คือการที่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังอยากให้รถมีปุ่มคุมลูกเล่นต่างๆของตัวรถบางปุ่มเอาไว้ โดยเฉพาะกับปุ่มปรับเสียง ที่หากเป็นได้ก็ควรทำให้มันมีขนาดใหญ่จับถนัดมือเอาไว้ก่อนอีกด้วย

“จากข้อมูลสถิติของเราบอกไว้อย่างชัดเจนว่าผู้คนยังนิยมใช้ลูกบิดในการปรับเสียงอยู่บ่อยครั้ง, ไม่เว้นแม้แค่จะใช้เพื่อปิดเสียงมันแค่ด้วยการกดลงไปดื้อๆเท่านั้นก็ตาม, คือบางที คนอาจจะคิดว่าการทำปุ่มปิดเสียงเฉยๆก็น่าจะพอ แต่เราพบว่าไม่, ผู้คนก็อยากจะปรับระดับเสียงด้วยการบิดเจ้าปุ่มนี้ด้วยเช่นกัน” Durach กล่าว

นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติที่ทาง BMW เก็บได้ ยังบ่งบอกอีกว่า แม้แต่ผู้ขับเอง ก็ยังชื่นชอบที่จะปรับเสียงจากลูกบิดบนคอนโซลเช่นกัน ถึงแม้ว่าบนพวงมาลัยที่จับอยู่จะมีปุ่มปรับเพิ่ม-ลดเสียงให้กดอยู่แล้วก็ตาม ส่วนปุ่มที่ใช้คุมกระจกมองข้างเอง ก็ไม่ควรจะถูกถอดออกไปเช่นกัน จนผู้บริหารต้องบอกว่า “เอาจริงๆผมไม่คิดว่าการเอาทุกปุ่มออกไปจะเป็นแนวคิดที่ดีเลย”

โดยนอกจาก BMW แท้จริงแล้วผู้ผลิตอื่นๆก็เริ่มทยอยที่จะนำปุ่มต่างๆกลับมาเช่นกัน ไม่ว่าจะทั้ง Volkswagen, Toyota หรือแม้กระทั่ง Ferrari กับ Aston Martin

เพราะแม้ในงานออกแบบรถที่ไม่มีปุ่มใดๆให้ปรับเลยจะดูทันสมัย สะอาดตา และผู้ใช้รุ่นใหม่ หัวสมัยใหม่หลายคนชื่นชอบ แต่พอผู้ขับได้ลองใช้งานจริง ก็มักจะพบว่า หากทางผู้ผลิตไม่ได้ออกแบบระบบ UI ของหน้าจอให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟังก์ชันในการปรับลูกเล่นต่างๆได้ง่ายจริงๆ ส่วนใหญ่ก็มักจะสร้างปัญหาในการใช้งานจนผู้ขับมีประสบการณ์ หรือ UX ที่แย่แทน

เช่นกว่าจะปรับลูกเล่นบางอย่างได้ ต้องเข้าไปในเมนูซ้อนแล้วซ้อนอีก และพอผู้ใช้ต้องการจะปรับขณะรถเคลื่อนที่ ด้วยแรงเหวี่ยงของรถ ก็มักจะทำให้ปลายนิ้วขยับหรือเคลื่อนไปอยู่จุดอื่นที่ไม่สามารถสั่งปรับฟังก์ชันที่ต้องการได้แทน หรือที่น่ารำคาญกว่า ก็คือเผลอไปกดปุ่มอื่นที่ไม่ต้องการใช้งานแทนไปเลย

ซึ่งโอกาสที่ว่านี้จะเกิดขึ้นได้ยากกับรถที่ยังมีปุ่มต่างๆให้กดจริงๆ เพราะอย่างน้อยผู้ใช้ยังสามารถสัมผัส แล้วใช้นิ้วรั้งไว้ก่อน จึงค่อยกดลงไปได้นั่นเอง

นอกจากนี้ ทาง Volvo ยังเคยทำงานวิจัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของรถที่มีปุ่มปรับลูกเล่นต่างๆให้ใช้งานจริงๆ และรถที่ผู้ใช้ต้องปรับค่าการทำงานของลูกเล่นต่างๆด้วยการสั่งการจากหน้าจอทัชสกรีนเพียงเท่านั้น

แล้วท้ายที่สุดพวกเขาก็พบว่ารถที่มีปุ่มให้กดจริงๆ จะทำให้ผู้ขับเสียสมาธิจากท้องถนนน้อยกว่า เพราะเมื่อพวกเขาใช้รถจนคล่องแล้ว การจะเสียเวลาเอานิ้วไปกดปุ่มต่างๆบนคอนโซลจะสามารถทำได้เลยโดยแทบไม่ต้องละสายตาออกจากถนนด้านหน้า

ในทางกลับกัน กรณีของรถที่เอาปุ่มต่างๆไปไว้ในหน้าจอ แม้จะมีการเอาปุ่มฟังก์ชันมาไว้บนหน้าจอแล้ว แต่ผู้ใช้ก็ยังต้องละสายตาเพื่อเล็งตำแหน่งก่อนอยู่ดี เมื่อบวกกับเหตุผลเรื่องแรงเหวี่ยงขณะขับรถต่างๆข้างต้น จึงทำให้ผู้ใช้ยิ่งเสียสมาธิในการขับรถมากขึ้นไปอีกนั่นเอง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.