Home » มอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี คิกสตาร์ทบิ๊กไบค์ หน้าตำนานที่อาจกำลังจากลา
Bust on talk บทความ

มอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี คิกสตาร์ทบิ๊กไบค์ หน้าตำนานที่อาจกำลังจากลา

ผมไม่เคยคิดเลยว่า บทสนทนา ธรรมดาๆในความเป็นเจ้านาย-ลูกน้อง บางทีกลายเป็นการระดมสมองเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

ทุกครั้งที่คุยกับ จอน เขาจะภูมิใจเสมอที่เลือกซื้อ HondaCBR 250 RR จนถึงขนาดขายคันเดิมก็ยังซื้อคันใหม่รุ่นเดิม

พูดถึง ของเล่นชายชาตรี “มอเตอร์ไซค์” ก็นับว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายคนถวิลหา ใครเลยจะรู้ว่า ก่อนบิ๊กไบค์เติบโตในประเทศไทยแบบวันนี้

มอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี นี่แหละคือขวัญใจ มันทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบในฐานะ สะพานเชื่อมคนไทยสู่โลกบิ๊กไบค์

น้อยคนจะรู้ ตลาดบิ๊กไบค์ในไทยมีวันนี้เพราะพี่ให้ จากการเติบโตของรถมอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี จุติให้คนไทยมีโอกาส ซื้อบิ๊กไบค์จับต้องได้ราคาไม่แพง

Kawasaki-Ninja-ZXR250-front-three-quarter

ถ้าจะถามว่า ทำไมยุค 2000 มอเตอร์ไซค์ 250 ซีซีถึงบูมได้

คงเป็นภาพจำจากอดีต สมัยคนรุ่นพ่อ ยุค 80-90 คนกลุ่มหนึ่งจะโตมากับรถ 250-400 ซีซี อาทิ Honda CBR 250RR เจ้าคุณปู่ ของคู่ใจนายจอน รถชื่อเดีวกันนี้ เคยติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 19,000 รอบต่อนาที จริงๆ มันชื่อว่า “CBR250F”

หรือจะเป็น Kawasaki ZXR250 ที่สร้างกระแสเป็นรถสนามขี่ได้บนถนน ก่อนโลกยุคใหม่ให้การต้อนรับ Kawasaki ZX25R ในยุคนั้นยังมีตระกูล 4 สูบ 400 ซีซี อาทิ Honda Super Four และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทั้งหมด เป็นรถนำเข้าจากต่างประเทศ

คนเล่น คือคนจริง ราคาค่าตัวไม่เบา การบำรุงรักษาไม่แพร่หลายเท่าวันนี้

2008 รีเทิร์น 250 ซีซี

กระแสรถจักรยานยนต์ 250 ซีซี เริ่มต้นจริง ในช่วงปี 2008-2009 ยุคทองของ คาวาซากิ

เมื่อบริษัทประสบความสำเร็จ จาก Kawasaki KSR 110 มินิไบค์ทรงกึ่งลุย ลูกค้าที่ซื้อเป็นลูกค้ากระเป๋าหนัก บางคันแต่งรถจนซื้อรถอีกคัน ก่อกำเนิดบางร้านดังๆอย่าง Furai Shop

คาวาซากิ เริ่มมองเห็นโอกาสบางอย่าง ประเทศไทยไม่มีรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่กว่า 150 ซีซี ขายโดยผู้ผลิตเองมาก่อน อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทางแบรนด์อยากลองฉีกอะไรใหม่ๆ ตามแนวทางผู้บริหารค่ายนี้

บริษัทเลือกจะแนะนำ Kawasaki ninja 250R เครื่องยนต์ 2 สูบ 248 ซีซีมีกำลังสูงสุด 29 แรงม้า พร้อมเกียร์ธรรมดา 6 สปีด เข้ามาทำตลาด

มันเป็นมอเตอร์ไซค์แห่งยุค ทั่วโลกต่างให้การชื่นชมว่า เป็นมอเตอร์ไซค์สปอร์ตขี่ดีมีพลัง มีฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ค่อนข้างลงตัว

แม้แต่ผมเองที่โตมากับมอเตอร์ไซค์ KSR 110 ในยุคที่เริ่มต้นทำงานใหม่ๆ ยังเคยใฝ่ฝันอยากจับจอง Ninja250R เหมือนปลายทางของคนเล่น คาวาซากิ ค่างวดผ่อน 48 เดือน งวดละ 5,000 บาท มนุษย์เงินเดือนเพิ่งเริ่มต้นทำงานสามารถจ่ายได้

จนยุคนั้น ทุกคนมองว่า มันคือ บิ๊กไบค์ไซส์เริ่มต้น บางสื่อเรียกว่า Entry Big Bike เพราะการขี่รถแบบนี้ไม่ใช่ว่า จะกระโดดจากรถแม่บ้านมาบิดได้ทันที

การทรงตัว การถ่ายน้ำหนักวิธีการเข้าโค้ง การตอบสนองของรถ ผิดกับมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ราวกับหนังคนละม้วน

ซื้อแล้วต้องฝึกต้องผ่านความเข้าใจ จนเป็นจุดตั้งต้นให้ผู้ผลิตเริ่มทำโรงเรียนขับขี่ปลอดภัยจริงจังมากขึ้น แม้ว่าจะมีโรงเรียนแบบนี้มาแล้วก่อนหน้านี้

ฮอนด้าตามมาในต้นยุค 2010s

คาวาซากิ นำมาได้ราวๆ2-3 ปี เจ้าตลาด “ฮอนด้า “ก็ตามมา ส่ง Honda CBR 250R ออกมา ในปี 2011

เหตุผลหนึ่ง ก็มาจากการตลาดรถจักรยานยนต์ในเวลานั้นมีการเติบโตมากในหลายประเทศ โดยเฉพาะไทยและอินเดียที่มีการเติบโตสูง และรถ 150 ซีซี เริ่มไม่พอมือลูกค้า

ฮอนด้าแนะนำ รถสปอร์ตคันนี้ ด้วยเครื่องยนต์สูบเดียว ขนาด 249.5 ซีซี จับเอางานดีไซน์พันในปี 2008 มาใช้ พร้อมกับ ดีไซน์ไฟหน้า Y Headlight

ความตั้งใจทำมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสูบเดี่ยวเครื่องใหญ่ของฮอนด้า เข้าใจว่า ประเด็นสำคัญ น่าจะมาจากการทำรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ต 150 สูบเดี่ยวมานาน ประกอบกับความตั้งใจของฮอนด้า ทำให้มันง่ายกับลูกค้าในการใช้งานดูแล รวมถึงเรื่องความประหยัดน้ำมันและการปล่อยไอเสียต่ำ

รวมถึงความง่ายในการควบคุมมากกว่ารถมอเตอร์ไซค์เครื่อง 2 สูบ ที่มีน้ำหนักมากกว่า จนคนส่วนใหญ่อาจจะยังไม่คุ้นชิน

แต่ท้ายสุดในเกมนี้ฮอนด้า ก็ต้องยอมรับชะตา ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่านั่นคือปัญหา พวกเขายินดีจ่ายกับความสนุกสนานในการขับขี่ แรงม้าต้องเต็มกระเป๋า ขี่แล้วต้องเร้าใจ โดยเฉพาะ ฮอนด้าล็อกความเร็วรถของตัวเองไว้ที่ 140 ก.ม./ช.ม.

ฮอนด้าพยายามแก้เกมโดยดึงฟิล์ม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดจากรายการ Moto 2 มาเสริมคุณค่ารถคันนี้ว่าเป็น “รถซ้อม” ที่ยังใช้งานได้ทุกวัน ตลาดพอเข้าใจและยอมรับได้อยู่บ้าง

บิ๊กไบค์เริ่มมา กลุ่มนี้ไต่สู่ 300

หลังจากตลาด 250 ซีซี เริ่มเติบโต คาวาซากิถือโอกาสเปิดแผงแนะนำรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ (บิ๊กไบค์) เข้าสู่ประเทศไทยเป็นรายแรกๆ

ที่คนไทยชินตา จะมี อยู่ 2 รุ่นหลัก คือ Kawasaki ER6-N เนคเกทไบค์ราคา 254,000 บาท ยอดนิยมวัยรุ่น และ Kawasaki Versys 650 ตา2 ชั้น บางคนอาจเรียกว่า “ตารถไฟ” เนื่องจากราคาไม่ได้แรงมาก

แต่รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ยังไม่บูมมากเพราะราคาอยู่ที่ 2 แสนบาทกลางๆ ค่อนไปทางปลาย ในตระกูล 650 คาวาฯ จึงยังเดินหน้ากลุ่ม 250 ต่อ

เมื่อมีบิ๊กไบค์ตัวจริงเข้ามา คนเริ่มเข้าใจแล้วว่า รถคลาสนี้ไม่ใช่บิ๊กไบค์จริงๆ ถึงบางรุ่นซุ่มเสียงใช่ แต่ถ้าเอาตามคนนับเป็นบิ๊กไบค์จริง คือ คลาส 400 ซีซี ขึ้นไป ต้องถูกจัดการเป้นพิเศษ จากขนาดน้ำหนัก และความแรง

คาวาซากิ ต่อยอด ด้วยรุ่นเนคเกทไบค์ รหัส Z ก่อนในปี 2013 จะส่ง Kawaski Ninja 300 ABS เข้าทำตลาด ด้วยการเพิ่มความจุเครื่องยนต์อีก 50 ซีซี เติมอุปกรณ์ระบบเบรก ABS , Slipper Clutch ราคาจำหน่าย 182,500 บาท เพิ่มจากตอน 250 ซีซี 20,000 บาท เท่านั้น

ฮอนด้าสู้ฟัดกลุ่มนี้ เติม Honda CBR300R ในปี 2014 ตามมาด้วย CB300F ด้านยามาฮ่าตามมาเร็วด้วย YamahaYZF-R3 แอบทำซีซีข้ามไซส์เพื่อน จนลูกค้าชื่นชอบและเป็นรถแรงที่สุดในคลาสนี้

250 รถลุย 300 รถพ่อบ้าน

หลังจากชิงตลาดสปอร์ตมานาน กลุ่มเครื่อง 250 ก็ถูกทอนบทบาทไปเป็นตัวลุยเสียมากกว่า เป็นขุมพลังกลุ่ม Dual Purpose ทั้ง Kawasaki D-Tracker 250 /KLX 250 ที่คาวาซากิ วางหมากเป็นพี่ชาย KSR ตัวจริง

ทางฮอนด้า นำเสนอในตระกุล CRF250 ประสบความสำเร็จอย่างงดงามถูกใจสายลุย ก่อนเพิ่มตัวเดินทางไกลในรหัส Rally เข้ามา

แต่การแข่งขัน เครื่องยนต์กลุ่มนี้ยังไม่จบ เมื่อเกมเปลี่ยนมาสู่รถสกู๊ตเตอร์ แนะนำครั้งแรกใน Honda NSS 300 Forza บ้านเราเรียกว่า Forza 300 ออกขายในปี 2013 หลังจากโชว์ตัวในงาน Eicma 2012

นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ สำหรับรถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ เป็นการพลิกเกมให้ฮอนด้ากลับขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด ในวันที่ตลาดยังไม่เข้าใจว่ารถสกู๊ตเตอร์ใหญ่ เกิดมาเพื่ออะไร

จนกระทั่งในระยะต่อมาผู้ใช้บางคนเริ่มเห็นประโยชน์ในการเป็นรถที่ใช้งานได้ทุกวัน เข้าเมืองก็ได้เดินทางก็ดี มีกำลังขี่อยู่พอประมาณในการขับขี่และยังประหยัดน้ำมัน ก่อนจะมาบูมจากการเข้ามาของ Yamaha X-max 300 จนมาถึงยุค Forza 350 ซีซี โดยมี Suzuki Burgman 400 เป็นไม้ประดับทำตลาด

ส่วนคาวาซากิไม่ยอมลงเล่นตลาดนี้มีเพียงการร่วมมือกับแบรนด์ Kymco พัฒนา Kawasaki J300 ออกมาแต่ไม่เข้ามาขายในไทย

500 ซีรี่ย์ พา 250 ดับ

อย่างไรก็ดี, จุดตายของ รถกลุ่ม 250 ซีซี จริงๆไม่ได้มาจากการแตกหน่อออกผลเป็นรถแบบอื่น แต่คือการมาของบิ๊กไบค์ ตระกูล 500 ซีรี่ย์ เปิดตลาดในบ้านเรา ในราวปี 2013

ตระกูล 500 ถูกวาง Gate way ของนักขี่มีราคาคุ้มค่า เครื่องแรงพอประมาณ เข้าแก๊ปใบขับขี่ A2 ของยุโรป ผลิตจากไทยส่งขายทั่วโลก เปิดตัวครั้งแรกในงาน Eicma 2012

ประเด็นที่ฆ่ารถสปอร์ต 250 จริงๆ ไม่ใช่แค่มันมีตัวสปอร์ตให้เลือก

แต่ คุณจะซื้อรถ 250 ซีซี ทำไม ในเมื่อเพิ่มอีก 2 หมื่นบาท คุณก็ได้ขี่บิ๊กไบค์ ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนบาทต้นๆ แถมดอกเบี้ยก็ผ่อนประหนึ่งผ่อนรถยนต์ ยิ่งกว่านั้น มีประกันภัยชั้น 1 คุ้มครองตัวเองอีกต่างหาก

จนรถมอเตอร์ไซค์ 250 กลุ่มสปอร์ต-เนคเกทเดินลำบากแล้วทยอย โบกมืออำลาไปทีละราย เหลือเพียงตระกูล รถลุย – รถสกู๊ตเตอร์

ในกรณีรถลุยคือเครื่องเหมาะสม น้ำหนักเบามีกำลังพอจะบุกตะลุยได้ทุกที่ และเดินทางไกลในความเร็วเดินทางได้

ส่วนสกู๊ตเตอร์ ใช้ได้ทุกอย่างขวัญใจแม่บ้าน นั่งสบาย ที่เก็บของใหญ่ เป็นโจทย์ที่บิ๊กไบค์ยังไม่มี จนการมาของ Yamah TMAX และ Honda Forza 750 แต่ราคาก็บวกกว่าเท่าตัว

แถมปี 2014 ฮอนด้า เปิดตัวกลุ่ม 650 มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ทำเอาลูกค้าเห็นแล้วว่า บิ๊กไบค์ราคาดีมีบุคลิกเป็นเจ้าของได้ไม่ยากอีกต่อไป

250 กลับมา ยัดความพิเศษ กวักมือลูกค้า

แต่แล้วในปี 2020 กลุ่มสปอร์ต 250 ก็กลับมา Kawasaki เปิดตัว ZX25R รถรุ่นนี้โชว์ตัวในงาน Tokyo Motor Show 2019 ก่อนจะถูกนำมาขายในไทย เคาะราคาเปิดตัว 269,000 บาท แพงกว่า ตระกูล 500 แต่พกความพิเศษ

การมาของรถรุ่นนี้ คือการจุดตลาด 250 ซีซี สายสปอร์ตอีกครั้ง คาวาซากิ เลือกเอา ความรู้สึกดั้งเดิม เครื่องยนต์ 4 สูบ 250 ซีซี มาตอบโจทย์ลูกค้า สื่อสารความรู้สึกวันวานในโลกยุคใหม่ มีรอบเครื่องให้ใช้ถึง 17,000 รอบต่อนาที พร้อมเทคโนโลยีจากสนาม

แม้บางคนจะแซวว่ารถคันนี้ “เสียงเร้าใจแรงกว่าความเร็ว” แต่ก็จับใจคนวัยเก๋าจำนวนมากความเร็วไม่ใช่ปัญหา ความรู้สึกในการขับขี่สิที่พวกเขาอยากได้

ฮอนด้าไม่พลาดขบวน นำเสนอ Honda CBR 250RR เป็นครั้งแรกของการใช้รหัส “RR” ใน จริงๆรถรุ่นนี้ แนะนำครั้งแรกในอินโดนีเซียในปลายปี 2016 ก่อนขายจริงในปี 2017

ในไทยรถรุ่นนี้ไม่ได้ขาย จนกระทั่งในปี 2019 ไทยฮอนด้า จึงเปิดตัวรถรุ่นนี้เข้าทำตลาด แรกเริ่มเป็นรถที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ราคาทะลุไปถึง 249,000 บาท ด้วยจุดเด่นเครื่องยนต์ 2 สูบ 249.7 ซีซี ให้กำลัง 37 แรงม้า สุงสุดที่ 12,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 23 นิวตันเมตร สูงสุดที่ 11,000 รอบต่อนาที ก่อนภายหลังเปลี่ยนแหล่งนำเข้า

รถทั้งสองรุ่น เป็นรถแบบ Racing Replica ผมก็งงๆกับคำนี้ จนจอนมันอธิบาย เอาเป็นให้เข้าใจง่าย มันคือรถสนามที่สามารถขี่ถนนได้จริงๆ

แต่ในที่สุด Kawasaki ตัดสินใจปรับ ZX25R ไปเป็น ZX4R ได้ความเป็นบิ๊กไบค์เต็มขั้น และตรงกับจริตนักขี่ จนผมเองตอนจอนให้ขี่ลองจับ ยังกระสันอยากได้ติดบ้านไว้ให้ลูกดูต่างหน้าสักคันเครื่องสันดาปเร่งเป็นหมื่นรอบขี่สบายๆ มีจริง

ส่วนฮอนด้าไม่ได้ปรับขนาดเพิ่ม แต่มุ่งทำรุ่น SP ออกมา โดยยัดข้าวของใส่เข้ามาเพิ่มเติม ส่วนหนึ่งมาจากการที่รถใช้ในรายการแข่ง Asia Road Racing ผิดกับคาวาซากิ ขายความเป็นรถพร้อมลงสนามแบบไม่ผูกมัดใคร

ไม่ใช่บิ๊กไบค์จริง คนไทยเลยไม่นิยม

อย่างไรก็ดี, 250 ยุคใหม่ก็ยังเจอปัญหาสำคัญ​คือ มันไม่ใช่รถบิ๊กไบค์ๆ ในโลกที่ทุกคนต่างรู้แล้วว่าบิ๊กไบค์คืออะไร

รถมอเตอร์ไซค์ใหญ่ มาพร้อมความแรง , ความน่าเกรงขามและสิทธิพิเศษบางอย่าง เช่นที่จอดเฉพาะสำหรับรถขนาดใหญ่ ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

ขณะที่ 250 กลับติดอยู่ในวังวนรถเอนทรี่ ต่อให้รถแพงกว่าบิ๊กไบค์ ก็ไม่ได้มีสิทธิเหนือกว่า

แถมรถบางคัน อย่าง Honda CBR 250RR ยังทำอัตราประหยัดได้ไม่ดีนัก สู้บิ๊กไบค์บางรุ่นไม่ได้ เนื่องจากมันเป็นสายสนามตัวจริง เน้นขายความเร้าใจเป็นหลัก

ยกตัวอย่าง Honda CBR 250RR SP ที่จอนใช้ในประจำวัน ผมมักแซวมันเสมอว่า รถมันซดน้ำมัน แม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยอยากรับความจริง

อัตราประหยัด 25-30 ก.ม./ลิตร แล้วแต่แรงบิด เป็นอัตราในระดับเดียวกับ รถ Honda CB500X ของผมหรืออย่างล่าสุด จอนได้ขี่ Honda Forza750 ที่มาพร้อมความสบายเกียร์ DCT แล้วพบว่าอัตราประหยัดสามารถไปได้กับความชิลๆ สูงสุดที่ 30 ก.ม./ลิตร จากการลองเติมใช้งานจริงในเมือง

อีกด้าน คือ เรื่องดอกเบี้ย และการผ่อน ถ้าคุณซื้อรถกลุ่มนี้ ราคาของมันแรงกว่าบิ๊กไบค์บางรุ่น อย่างรถจอนคันใหม่ ซื้อหลังจากคนเคยซ้อนขอหนีไปมีคู่ ราคาตอนนี้อยู่ที่ 239,900 บาท ก่อนโปรโมชั่น เปรียบเทียบกับการซื้อรถบิ๊กไบค์ 500 ซีรี่ย์ ถือว่ามีราคาเอาเรืองกว่าค่อนข้างมากพอตัว

นั่นน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ 250 ซีซี กลุ่มนี้ อาจจะอยู่ให้ซื้ออีกไม่นาน คาวาซากิ หนีไปก่อนทะยานสู่พิกัดบิ๊กไบค์ แม้ยอดจะยังไม่ปัง แต่เป็นรถที่คนสนใจ

จนวันนี้ เหลือเพียง Honda CBR 250 RR ที่ยังคงมีลมหายใจจากความนิยมของผู้เล่น และกิจกรรมอย่าง TrackDay , Honda CBR Trophy เปิดให้ลูกค้าลองสมบทนักแข่งลงสนามในวันว่าง และอาจเป็นบันไดไปสู่รุ่นใหญ่กว่า ถ้าพวกเขาพร้อม

มอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี กำลังจะโบมือลาอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะ พวกมันไม่เจ๋ง แต่เพราะพวกมันไม่สุด และไม่มีที่ยืนมากพอในตลาด

วันวาน 250 ซีซีเคยเป็นหนึ่งในใจ แต่วันนี้บิ๊กไบค์ตัวจริง คว้าลูกค้าไป ไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยทางด้านราคา แต่คือ สิทธิพิเศษต่างๆ ความน่าเกรงขาม และความเป็นไบค์เกอร์ตัวจริง

ก่อนจอน จะซื้อ 250 คันใหม่ น้องมาคุยเรื่องการตัดสินใจซื้อรถ เพราะผมต้องรับโทรศัพท์ไฟแนนซ์

ผมพูดกับน้องว่าถึงเวลาแล้ว ที่ต้องเติบโต พูดในฐานะพี่คนหนึ่งไม่ใช่เจ้านาย ควรเลือก Honda CBR 600R มากกว่า … ในขณะที่น้องเล่าเหตุผลต่างๆนานา

ผมเคารพการตัดสินใจ พลันก็คิดเสียดายที่ใครคนหนึ่งมีโอกาสแต่ไม่คว้ามัน

ผมบอกกับน้องสั้นๆ ให้ไปคิดเอาเอง ว่า ถ้าเราไปถึงฝัน เราจะทุ่มทุกอย่างเพื่อให้ตื่นมาแล้วฝันยังอยู่ ..

การเติบโตขึ้นไม่ใช่เรื่องผิด โลกสอนให้เราเติบโตขึ้นเสมอ ชีวิตก็แบบนี้ อายุอาจเป็นเพียงตัวเลข แต่วุฒิภาวะเป็นของจริง

ถ้าเราเลือกจะโตขึ้น เราอาจเจออุปสรรคใหม่มากมาย มันขัดเกลาเราให้เป็นคนใหม่ อาจเป็น คนที่มีวินัยมากขึ้น คนที่รับฟังคนอื่นและเข้าใจโลกมากขึ้น

ในวันที่ โลกหมุนไปทุกอย่างหมุนตาม มอเตอร์ไซค์ 250 ซีซี อาจจะต้องจากไปในอนาคต แต่มันพิสูจน์แล้วว่า คนไทยรักการขี่ ก็ต้องขอบคุณเรื่องราวของพวกในอดีต จนวันนี้ประเทศไทยได้มีตลาดบิ๊กไบค์ พร้อมรถน่าใช้หลายรุ่น

ถ้าวันนั้นไม่มี 250 ซีซี เป็นแรงบันดาลใจในวันนั้น ก็ไม่มีใครรู้ว่าวันนี้ประเทศไทยจะก่อกำเนิดตลาดบิ๊กไบค์ แบบวันนี้ไหม ….

ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล เรียบเรียง
บทความนี้เผยแพร่ใน Ridebuster เป็นการรวบรวมข้อมูลโดยทีมงานห้ามนำไปทำซ้ำดัดแปลงเผยแพร่ในรูปแบบอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต

ภาพบางส่วนจาก Honda

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.