จากสถานการณ์ด้านยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างหนัก ทำให้ค่ายที่อยากจะกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเท่านั้นนักหนาหลายรายต้องปรับตัว ซึ่งนั่นก็รวมถึง Lotus ที่ตัดสินใจวางเครื่องยนต์ลงไปในเจ้า Eletre แล้วเตรียมขายจริงในเร็วๆนี้ด้วย

หน้าตาแทบไม่หนีจากเดิม แต่ Lotus Eletre คันนี้ กลับมีข้อมูลที่ถูกระบุในเอกสารของหน่วยงาน Ministry of Industry and Information Technology (MIIT) ในประเทศจีน ว่ามันจะมาพร้อมกับขุมกำลังที่ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง เทอร์โบ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 279 แรงม้า ซึ่งอาจจะไม่ได้ดูมากมายอะไรนัก
ทว่าเมื่อมันทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ อย่างเต็มรูปแบบขึ้นมา ก็จะได้กำลังสูงสุดรวมกันมากถึง 952 แรงม้า ซึ่งนั่นถือว่ามากกว่ารุ่น Eletre R ที่เป็นร่างพลังงานไฟฟ้าล้วนอีก
ส่วนแบตเตอรี่ที่ให้มา ทางค่ายยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลในเอกสารเรื่องขนาดความจุ แต่ระบุว่ามันจะสามารถรองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุดได้มากถึง 345-355 กิโลเมตร/ชาร์จ ตามมาตรฐาน CLTC ซึ่งหมายความว่าแบตเตอรี่ของรถรุ่นนี้ก็น่าจะมีขนาดใหญ่ประมาณหนึ่ง จนอาจจะเท่าๆกับรถยนต์ไฟฟ้าล้วนขนาดเล็กคันหนึ่งก็เป็นได้

ที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของรถเมื่อขุมกำลังทำงานร่วมกันในโหมด PHEV เอกสารกลับระบุว่ามันจะสามารถทำตัวเลขได้ดีถึง 0.06-0.07 ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือราวๆ 1,428-1,667 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน WLTC ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ประหยัดมาก และก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ จึงทำให้เครื่องยนต์มีอัตราการทำงานที่ต่ำมาก
และหากแบตเตอรี่กระแสกไฟหมดขึ้นมา เครื่องยนต์ก็สามารถขับเคลื่อนรถด้วยตนเองได้ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 6.0-6.1 ลิตร / 100 กิโลเมตร หรือราวๆ 16.4-16.7 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน WLTC ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานของขุมกำลังพิกัดนี้อยู่แล้ว หรือเผลอๆอาจค่อนไปทางประหยัดด้วยซ้ำ เมื่อเทียบกับตัวเลขพละกำลังที่ได้
ด้านมิติตัวรถ ก็ถูกระบุเอาไว้ว่ามันจะมีด้านยาว 5,103 มิลลิเมตร, ด้านกว้าง 2,019 มิลลิเมตร, และด้านสูง 1,636 มิลลิเมตร, และระยะฐานล้อ 3,019 มิลลิเมตร กับตัวเลขพิกัดน้ำหนักที่ 2,575-2,625 กิโลกรัม

และแม้ตัวรถจะมีกำหนดเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศจีน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทางค่ายก็มีแผนที่จะวางจำหน่ายรถในตลาดโลกด้วย จะลุยต่อในทวีปยุโรปก่อน แล้วจะค่อยๆทยอยขายในประเทศอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งคิวของประเทศไทยจะเป็นตอนไหน ยังต้องรอติดตามดูกันต่อไป