Home » GWM Poer Sahar Diesel ชักธงรบ สู้เจ้าตลาด พอคบได้ไหม
Bust First Drive รีวิว

GWM Poer Sahar Diesel ชักธงรบ สู้เจ้าตลาด พอคบได้ไหม

ท่ามกลางศึกท้ายปีตลาดกระบะระอุขึ้นมา ตั้งแต่การปรับตัวของ ทั้งสองเจ้าตลาด อีซูซุ และ โตโยต้า ที่ต่างส่งกระบะใหม่ลงมาทำตลาดในเวลาใกล้กัน

แต่ใครเลยจะคิดว่าค่ายรถยนต์จีน จะเอากับเขาด้วยกับ GWM Poer Sahar ปีนี้กลับมาด้วยเครื่องยนต์ทางเลือกใหม่ ขุมพลังดีเซล ที่ประสบความสำเร็จในรถอเนกประสงค์ในช่วงตลอดปีที่ผ่านมา

GWM Poer Sahar Diesel กลายเป็นเด็กใหม่รายล่าสุด ก้าวเข้ามาตลาดกระบะประเทศไทย ด้วยความมั้นใจว่าตัวรถ จะถูกใจคนไทยจำนวนหนึ่งที่ต้องการหารถกระบะเพื่อทำกิจกรรมตอบสนองไลฟ์สไตล์ ในวันว่าง หรือจะขับทุกวันก็ได้ตามใจ

ภายนอกตัวรถที่จริงก็แทบจะเหมือนรุ่นเดิมที่เคยทำตลาดไปเมื่อปีที่แล้ว แต่หลังจากคนไทยเมิน จากงานออกแบบกระจังหน้าโครเมี่ยมขนาดใหญ่ แวววาวมาแต่ไกล ไม่ใช่สิ่งทีบ้านเราชื่นชอบ

ทาง GWM จึงจัดการปรับงานออกแบบใหม่ ให้กรอบกระจังหน้าสีเดียวกับตัวถัง ส่วนในชุดกระจังเป็นสีดำ ทำให้รถที่ดูลงตัวน่าใช้งาน เป็นรถสีดำมีความดุดัน ให้อารมณ์คล้าย ชุดแต่ง black Warrior ใน GWM Tank 500

ล้ออัลลอยเป็นอีกอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลง ติดตั้งล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่ ส่วนตัวรถตัดออพชั่น ฝาท้ายไฟฟ้า ที่มีรุ่นในเดิม และเป้นเพียงท้ายกระบะธรรมดา กลายเป็นฟังชั่นที่สงวนไว้ในตัวไฮบริดเท่านั้น จนแอบเสียดาย

ก้าวมาภายในห้องโดยสารการออกแบบทั้งหมด เหมือนกันทุกประการในภาพรวม จุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ คือจอกลางในรุ่นที่ได้ลองขับ ได้รับการยืนยัน ว่าเป็นตัว ultra จะได้จอใหม่ขนาด 14.6 นิ้ว ตอบสนองต่อการใช้งานให้ความชัดขึ้น ส่วนรุ่นเริ่มต้น จะเป็นเพียงจอ 12.3 นิ้ว เท่านั้น

เบาะนั่งทุกอย่างเหมือนเดิมไม่การเปลี่ยนแปลงแต่จุดที่ Poer ทำได้ดีตั้งแต่รุ่นที่แล้ว จนเราต้องยอมรับ คือ ตัวรถที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และทำให้ห้องโดยสารภายในมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย

มิติตัวรถ มีขนาดความยาว 5,445 มม. กว้าง 1,991 มม.​สูง 1,924 มม.​และ ฐานล้อยาว3,350 มม. เรียกว่า มีขนาดโตที่สุดในกระบะที่ขายในไทยปัจจุบัน

ส่งผลให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่กว้างขวางนั่งสบายมากที่สุดในคลาสรุ่นหนึ่ง ในบรรดากระบะปัจุจบัน แถมเบาะนั่งหลังยังสามารถปรับเอนได้อีกเล็กน้อยทำให้ การโดยสารผ่อนคลายพอตัว จะติดก็ตรงเบาะนั่งหลัง มีความสั้นไปนิดพอดีตัวไปหน่อย เท่านั้นเอง

การทดลองขับ

ทริปนี้ เราออกเดิมทางใกล้ๆ กรุงเทพ- นครนายก ความตั้งใจ คือไปลุย ทางคลองมะเดื่อ เืพ่อพิสูจน์ความสามารถตัวรถคร่าวๆ

ใต้เรือนร่างของ GWM Poer Sahar ไม่พลิกโผกับการติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังขับสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร

มันไม่ใช่เครื่องยนต์ทีแ่รงที่สุดในตลาดวันนี้ แต่ถ้าเปรียบเทียบในบล็อกกลางกลุ่ม 2.0-2.4 ลิตร ถือว่าไม่เป็นสองรองใครทางด้านกำลังขับ

ที่จริง มันมีแรงบิดสูงสุดในกลุ่มเครื่องยนต์เทอร์โบเดี่ยว ด้วยกำลังสูงสุด 480 นิวตันเมตร ในการวิศวกรรมง่ายๆ

จุดเด่นคือการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล มีแรงสั่นสะเทือนต่ำ เก็บเสียงดีเป้นแนวทางที่ต่างจาก เครื่องยนต์ดีเซลทั่วๆ ไป จากค่ายญี่ปุ่น ที่มักจะชู การประหยัดน้ำมัน พลังขับ มากกว่า

ชุดเกียร์ก็ไม่ธรรมดา รถคันนี้ติดตั้งชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อาจไม่ได้มากที่สุด เป็นรองเพียง Ford เท่านั้น ทางค่ายจีนยังติดตั้งแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ในขณะที่หลายค่ายถอยจากเรื่องนี้

เท่าที่ขับขี่ ขุมพลังรุ่นนี้มาหลายครั้งหลายคราว มันตอบสนองเพียงพอต่อการใช้งานอัตราเร่งกลางๆ ไม่จัดว่าหวือหวาแต่ไม่ได้ขี้เหร่อืดเป็นเรือเกลือ

ที่จริงด้วยร่างกระบะที่มีโครงสร้างน้ำหนักเบาะกว่าทั้ง Tank 300 – Tank 500 มันดุจะกระปรี้กระเปร่าประมาณหนึ่ง ในการขับขี่

เพียงแต่จะดีกว่าถ้าคุณใช้การเปลี่ยนเกียร์ทดรอบ เครื่องยนต์จะตอบสนองได้ดีกว่ามาก

น่าเสียดายในกระบะคันนี้ ทาง GWM ยังตัดโหมดการขับขี่ต่างๆออกไป จนเหลือเพียง ฟังชั่นโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อทำให้ เมือ่เทียบกับเจ้าตลาดรุ่นใหม่ เหมือนต้นไม้ขาดสีสัน ไปหน่อย ทั้งที่ก็สมควรน่าจะให้มา ทำให้ผู้ใช้มีความสนุกในการขับขี่มากขึ้น

ช่วงล่างและการควบคุม

ทางด้านช่วงล่าง GWM Poer Sahar ดูจะเป็นญาติห่างของ Tank 500 ดีเซล มันมาพร้อมปีกนกบนอลูมิเนียม เพื่อช่วยให้การตอบสนองช่วงล่างมั่นใจ และควบคุมได้ดี

แถมกระบะค่ายจีนรายนี้ ยังติดตั้งพวงมาลัยไฟฟ้า ที่สามารถตั้งค่าได้ 3 ระดับ เบา – สบาย และ สปอร์ต ช่วยให้การขับขี่เหมาะกับการใช้งานตามความต้องการ เพียงแต่การเซทค่าอาจจะต้องเขาไปลึกหน่อย จนไม่สะดวกจะขับไปตั้งไป ในการใช้งานจริง

จะว่าไปการควบคุมตัวรถ ทำได้ค่อนข้างน่าประทับในระดับหนึ่ง สำหรับรถกระบะที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ อาจไม่ถึงกับเฉียบคม แต่ไม่จัดว่าแย่ในการใช้งานจริง

แต่จุดที่ทาง GWM อาจจะต้องไปทำการบ้านเพิ่มเติม นั่นคือ การเซทช่วงล่าง

ต้องยอมรับว่า รถคันนี้ไม่ได้มีช่วงล่างนั่งสบายนัก มันยังค่อนข้างมีความเป็นกระบะสูงกว่าค่ายญี่ปุ่น ถ้าตีรถตัวเปล่าโดยมีผู้โดยสารตอนหลัง พวกเขาต้องบ่นแน่ว่ามันนั่งไม่สบ่ายเท่าไร

กลับกัน ถ้าคุณกำลังมองหากระบะสักคัน ขนเพื่อน ไปทำกิจกรรมวันว่าง ถือเป็นรถที่เหมาะ ทางGWM ลองบรรทุกของ ที่มีน้ำหนักให้เราได้ลองขับ เช่นเต๊นท์หลังคา , รถมอเตอร์ไซค์ พอมีน้ำหนักลงบนช่วงล่างหลัง มันกลับทำได้อย่างน่าทึ่ง

แต่ความจริงลูกค้า 4 ประตู อาจะไม่แบกบ่อยมากขนาดนั้น หรือใช้งานกรำงานโหดหิน ในมุมมองผม กระบะ 4 ประตุ สามารถเซทช่วงล่างไปโทนนั่งสบายได้มากกว่านี้ ซึ่งเหมาะต่อการใช้งานของลูกค้ามากกว่า ในความเป็นจริง

อาการสะเทือนชัดเจน ยิ่งขึ้นในการขับขี่เส้นทางออฟโรดคล้ายกับรถที่มีระยะยุบโช๊คไม่มากนัก จนในทางโหดมากๆอาจมีอาการล้อลอยเกิดขึ้นได้

สรุป GWM Poer Sahar Diesel มีดีพอสู้เจ้าตลาดเหลือเพียงราคาเท่านั้น

มาถึงตรงนี้ ผมก็ยอมรับตามตรงว่ากระบะดีเซลใหม่ GWM Poer Diesel ใหม่อาจจะเป็นน้องใหม่ในตลาด ที่ดูธรรมดา แต่แฝงความไม่ธรรมดา

ประการแรกตัวรถมีขนาดใหญ่ ซึ่งทำให้ดูดีนั่งสบาย อาจลำบากในการใช้งานในเมืองบ้าง ก็ไม่แปลกใจเท่าไรนัก แต่ก็มีข้าวของอย่างพวงมาลัยไฟฟ้าให้มาเป็นมาตรฐาน ช่วยในการขับขี่

ด้านเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรดีเซล พลังขับไม่มากแต่ไม่น้อยเกินไป แรงบิดของมัน ค่อนข้าง สูงที่สุดในกลุ่มเครื่องบลบ็อกกลางเทอร์โบเดี่ยว มีพลังมากพอต่อการใช้งานทั่วไป

เครื่องยนต์ค่อนข้างเงียบกำลังมีแต่ไม่มากนัก จนพอที่จะไปบู้อย่างห้าวหาญกับรถรุ่นอื่นๆ ที่มีในตลาดปัจจุบัน

ชุดเกียร์ 9 สปีดทำให้มีความนิ่มนวลในการขับขี่ต่อเกียร์อยู่พอสมควรจุด จนกล้าพูดว่าต่างจากกระบะหลายรุ่นในปัจจุบัน

แต่ทุกเรื่องที่เราพูดมา จุดสุดท้ายสำคัญ คือราคาของ GWM Poer Sahar Diesel จะเปิดตัวในราคาเท่าไรเป็นคำถามที่ค่อนข้างสำคัญ ยิ่งยุคนี้ ราคาค่อนข้างเป็นปัจจัย ต่อการตัดสินใจ ถ้าราคามาดี เราอาจได้เห็นการบุกตลาดกระบะค่ายจีน ซึ่งวันนี้ยังไม่มีสามารถเอาชนะเจ้าตลาดที่ครองใจคนไทยมานานได้

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.