รถเก๋ง มีพวงมาลัยไฟฟ้า มานานนับ สิบปีทำไมของวันนี้แบรนด์ญี่ปุ่น เพิ่งจะเริ่มแนะนำในกระบะทั้งหลาย แถมมีในเฉพาะตัวท็อปๆ เท่านั้น

พวงมาลัยไฟฟ้าในรถกระบะ ไม่ใช่เรื่องใหม่ รถค่ายอเมริกา Ford Ranger ใส่พวงมาลัยไฟฟ้ามานาน 10 ปีแล้ว ก่อน Toyota Hilux Travo หรือ แม้แต่ Isuzu D-Max V-Cross ยุคนี้จะทำให้มันดูน่าตื่นเต้น

แต่ทำไม กระบะเจ้าตลาดค่ายญี่ปุ่น ถึงเพิ่งสนใจทำออกมาขาย ทั้งที่ลูกค้า ก็อยากได้มานานมาก

ความทน คือ เรื่องสำคัญ

เรื่องแรก,เราต้องยอมรับกันตามตรงว่า รถกระบะในเนื้อแท้ของพวกมัน คือ รถใช้งานจริงจัง

ลูกค้ารถกระบะส่วนใหญ่ ต้องการ “ความทนทาน” พวงมาลัยไฮดรอลิกช่วยผ่อนแรงดั้งเดิม มีข้อดี อยู่ 2-3 ประการ

ข้อแรก, ซ่อมบำรุงง่าย ต่อให้กระบะสมัยใหม่ที่ทันสมัย แต่ยังพวงมาลัยไฮดรอลิกผ่อนแรง ช่างที่ไหนก็สามารถซ่อมบำรุงได้ ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการใช้งาน แม้จะอยู่ชนบทห่างไกลก็พอจะแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นได้

บางทีซ่อมนิดหน่อย วิ่งต่อได้สบายมาก ตายในป่าก็ยังพอตะเกียกตะกายกลับบ้านได้

ผิดกับพวงมาลัยไฟฟ้า ถ้าเสียจะบังคับเลี้ยวไม่ได้ทัน ต้องยกขึ้นยานแม่ อย่างเดียวเท่านั้น

ข้อต่อมา, มันค่อนข้างจะไวต่อ ฝุ่น เจอโคลน หรือการลุยน้ำ

พวงมาลัยไฟฟ้าค่อนข้างสุ่มเสี่ยงต่อความเสียหายได้ง่าย เนื่องจากใช้การทำงานของมอเตอร์ในการบังคับทิศทาง ทำให้เวลาเจอสิ่งสกปรกเป็นระยะเวลานานๆ มีสิทธิจะลากลับโรงงานก่อนพวงมาลัยไฮโดรลิก

แต่ก็ต้องยอมรับว่า แร๊คพวงมาลัยไฟฟ้ายุคใหม่ ทำซีลกันน้ำกันฝุ่นดีขึ้น ถ้าไม่ได้ใช้งานโหดแบบถึงพริกถึงขิง ชนิดดำฝุ่นโหดๆทุกวัน ก็น่าจะรอดได้สบายๆ

ค่าบำรุงสบายกระเป๋ากว่า

“กระบะ” ดั้งเดิมออกแบบมาเป็นรถเพื่อการใช้งานหนักโหดๆ นั่นคือสาเหตุสำคัญ ที่ค่ายญี่ปุ่น ยังตรึงไว้ที่ พวงมาลัยไฮโดรลิกมากกว่า สำหรับลูกค้าสายพาณิชย์

ถ้าเราเจาะลึกไปที่รายละเอียดทางเทคนิค พวงมาลัยไฟฟ้า จะใช้มอเตอร์ช่วยผ่อนแรงแทนการใช้แรงดันน้ำมัน ช่วยบังคับเลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง

พวงมาลัยไฟฟ้าจะมีทั้งกล่องสั่งการ ชุดแร็คและมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกัน มีชิ้นส่วนยิบย่อย

นำมาสู่ข้อเท็จจริงว่า พวงมาลัยไฟฟ้ามีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ถ้าต้องซ่อมบำรุงมีหลัก 2-3 หมื่นบาท

ผิดกับ พวงมาลัยพาวเวอร์เดิม ปั้มพาวเวอร์ หรือแร็คพัง อาจจ่ายงบหลักพัน

เหมาะต่อการใช้งานกว่า

ว่ากันตามตรง พวงมาลัยผ่อนแรงดั้งเดิม ในทางวิศวกรรมถือว่าเป็นพวงมาลัยที่เหมาะสมกับกระบะมากกว่า หลายประการ การผ่อนแรงจะมีค่าเดียวในทุกย่านความเร็ว

มันดีต่อการใช้งานบางมุม โดยเฉพาะเหมาะต่อการนำรถไปปรับแต่ง อาทิ ใส่ยางใหญ่พร้อมลุย จะรู้สึกว่าน้ำหนักพวงมาลัย เพิ่มขึ้นน้อยกว่าพวงมาลัยไฟฟ้า

และการปรับแต่งนี้แหละ คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตกังวลใจจนยังไม่รีบแนะนำออกมาเป็นมาตรฐาน เนื่องจากรถกระบะ มักถูกนำไปปรับแต่งเพื่อให้เหมาะต่อการใช้งานในด้านต่าง

พวงมาลัยไฟฟ้า มักจะมีการเซทค่ามาตรฐานจากโรงงาน ออกมา ตามสเป็คปกติของตัวรถ

เมื่อปรับแต่งรถ เช่นล้อและยาง หรือบรรทุกน้ำหนักเพิ่มขึ้น อาจรู้สึกว่าการตอบสนองพวงมาลัยแย่ลง ผิดกับไฮโดรลิกเราอาจรู้สึกไม่ต่างกันเท่าไร (อาจหนักมากช่วงความเร็วต่ำแต่ขับแล้วจะไม่ต่างกันมาก)

นิ่ง แน่น มั่นใจ ยังจำเป็น

ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่พวงมาลัยไฮดรอลิกยังทำได้ดีกว่า คือความมั่นใจในการควบคุมทิศทางอย่างแม่นยำ

แม้ว่า พวงมาลัยไฟฟ้า รุ่นใหม่ๆ จะมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น สามารถเซทค่าได้ละเอียดกว่ารุ่นก่อนๆ มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น

แต่ความรู้สึกเชื่อมต่อระหว่างพวงมาลัยกับการบังทิศทาง การตอบสนองตัวรถ กับถนน

พวงมาลัยไฮดรอลิกยังทำได้ดีกว่าเยอะมาก ต่อให้เป็นระบบช่วยผ่อนแรงสามารถแปรผันได้เมื่อขับด้วยความเร็ว บรรทุกของหนัก หรือลากจูง

การคุมทิศทางแม่นยำ อาจเปลี่ยนจากอุบัติเหตุเป็นรอดได้

มันคือความมั่นใจที่พวงมาลัยไฟฟ้าอาจทำได้ดีกับรถเก๋ง รถอเนกประสงค์ แต่กับรถกระบะ ที่อาจมีน้ำหนักบรรทุกเพิ่มขึ้นไม่แน่นอน มีการลากจูงด้วยในบางโอกาส

ความรู้สึกที่นั่งหลังพวงมาลัย สายขับส่วนใหญ่จะชอบการผ่อนแรงดั้งเดิมมากกว่า เพราะทุกครั้งที่คุณหักเลี้ยวไป มันไปบังคับล้อทันทีจริงๆ ไม่ใช่หักไปส่งสัญญาณก่อนแล้วเลี้ยว ทุกเสี้ยววินาทีมีความหมายกับ รถที่มีน้ำหนักเยอะ โดยเฉพาะเมื่อบรรทุกหรือลากจูง

แล้วพวงมาลัยไฟฟ้าดีอย่างไร

ข้อแรก, พวงมาลัยไฟฟ้าสามารถแปรผัน การผ่อนแรงได้ โดยเฉพาะใครขับกระบะในเมืองเป็นประจำ นับว่า เป็นของต้องมี มันช่วยลดความเมื่อยวงแขนได้ดี น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นแปรผันตามความเร็ว ตามที่วิศวกรเซทค่าเอาไว้

ความเร็วต่ำจะเบา ให้ความรู้สึกรถคล่องตัว ยิ่งเห็นผลชัดมากตอนขึ้นลานจอดรถ เข้าออกช่องซองจอดรถ หรือต้องควบคุมรถคันโตในที่แคบ ช่วยลดความเครียดได้พอสมควร

พอขับใช้ความเร็ว มั่นใจมากขึ้น มีน้ำหนักกำลังเหมาะสมต่อการบังคับการขับขี่

ประการต่อมา, ระบบสามารถปรับการตอบสนองตามแต่ละโหมดได้ เดิมทีพวงมาลัยไฟฟ้าแค่ผ่อนแรงแปรผันตามความเร็วเท่านั้น

ปัจจุบันสามารถปรับค่าได้ตามโหมดการขับขี่ ทั้งน้ำหนักพวงมาลัย ความกระชับในการบังคับเลี้ยว เช่น คุณใช้โหมดปกติขับขี่มันต่างจากความรู้สึกสัมผัสในโหมดสปอร์ตอย่างชัดเจน ทำให้พวงมาลัยแต่ละโหมดมีบุคคลิกต่างกันไป

ผู้ใช้จะรู้สึกไม่จำเจ กับฟีลเดียว แบบรถพวงมาลัยไฮดรอลิกดั้งเดิม

และท้ายสุด ไม่ได้บรรทุกหนัก หรือลากจูงบ่อย ส่วนใหญ่ขับรถตัวเปล่ามากกว่า

พวงมาลัยไฟฟ้า คือ มิตรแท้ตัวจริง ในการใช้งานในแง่ความสบาย ขับทางไกลไม่เหนื่อย ไม่ปวดแขนลดความล้าในการขับขี่

นอกจากนี้ ลูกค้ายังได้ประโยชน์ทางด้านความประหยัดน้ำมัน เนื่องจากพวงมาลัยไฟฟ้า ไม่ใช่ปั้มพาวเวอร์ ที่ต้องใช้แรงจากเครื่องยนต์ไปปั่นตลอดเวลา แต่ใช้การสั่งการด้วยระบบไฟฟ้าในรถ ทำให้เครื่องตัวเดิมอาจรู้สึกมีพลังขับมากขึ้น

แถม การติดตั้งพวงมาลัยแบบนี้ ยังช่วยในการตอบสนองรองรับการทำงาน ระบบความปลอดภัยขั้นสูง สามารถเพิ่มฟังชั่น ช่วยควบคุมรถกลางเลน , ป้องกันการออกนอกเลน ลูกค้าได้รับความปลอดภัยมากกว่าเดิม

พวงมาลัยไฟฟ้า เหมาะกับกระบะไหม

บทสรุปตรงนี้ , ถ้าคุณใช้งานรถกระบะเชิงไลฟสไตล์ ขับทั่วไป บรรทุกหนักนับครั้งได้ ลากจูงมีบ้างแต่ไม่บ่อย อยากได้กระบะขับสบายรู้สึกเหมือนรถอเนกประสงค์

มันเป็นออพชั่นที่ดี และควรมีในกระบะคู่ใจคันใหม่

กลับกัน ถ้าคุณใช้กระบะอย่างหฤโหด บรรทุกหนักประจำเป็นรถใช้ทำงานมากกว่า มันต้องทนทานตายยาก ค่าดูแลต่ำ ไม่พร้อมจะดูแลในระยะยาว

พวงมาลัยผ่อนแรงไฮโดรลิกย่อมเป็นทางเลือกดีกว่า อาจแพ้เรื่องความสบาย แต่มั่นใจได้ในทุกเส้นทางและการใช้งาน

การพัฒนากระบะสู่ยุคพวงมาลัยไฟฟ้า กลายเป็นปลายทางใหม่ เมื่อเจ้าตลาดปลดล็อคสร้างมาตรฐาน อนาคตกระบะสายไลฟ์สไตล์

แต่เราก็ ยอมรับตามตรงว่า ถ้ามันพังอาจต้องจ่ายแพง เป็นหนทางที่ไม่สามารถเลี่ยงได้เลย