จะซื้อรถอเนกประสงค์เล็กสักคัน Honda HR-V เป็นรถที่ทุกคนมองหา ด้วยการทำตลาดมายาวนาน บวกกับความครบเครื่องน่าใช้
แม้ล่าสุด รถรุ่นนี้จะถูกบางเพจดูแคลนว่า HR-V = City ยกสูง แปะราคาแพงกว่า 3 แสน แต่รายงานยอดขายจากสื่อไทย กลับสะท้อนว่า สายแซะไม่เคยเป็นคนซื้อ ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา รถรุ่นนี้มียอดขายถึง 1,590 คัน รั้งอันดับที่ 2 ในตลาด
แม้จะไม่ใช่ผู้นำในเซกเม้นท์ B-SUV ทีมีคู่แข่งมากหน้าหลายตา แต่ HR-V เป็นรถรุ่นหนึ่ง ที่คนนึกถึงเสมอ เมื่อจะซื้อรถกลุ่มนี้
ความคิดตั้งต้น ไม่ใช่ City ยกสูง
ย้อนไป 10 กว่าปีก่อน, ในยุค SUV กำลังรีเทิร์นมาเป็นกระแสนิยม (หลังจากตายไปในปลายยุค90)
ผู้ผลิตรถยนต์หลายเจ้าต่างแสดงความสนใจเข้าทำตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มราคาจับต้องง่าย หรือ Sub compact SUV ที่ผู้เชี่ยวชาญทางวงการยานยนต์ จะเรียกว่า B-SUV เป็นกลุ่มที่เล็กที่สุดแล้วในช่วงเวลานั้น ขนาดตัวรถจะแนะนำกันที่ 4.2-4.3 เมตร เรียกว่า สุดเพดานของ B-SUV เท่าที่จะคลาสจะเอื้อ

รถกลุ่มนี้มีเป้าหมาย เจาะคนรุ่นใหม่ ยุคนั้น คือยุค Gen Y เริ่มทำงานสร้างชีวิต สร้างครอบครัว จากเด็กจบใหม่ สู่วันผู้ใหญ่จริงจัง
HR-V เลยถือกำเนิดขึ้น วางเป้าหมายเป็นรถสากลขายทั่วโลก แต่ไม่ได้เป็นรุ่นใหม่เสียทีเดียวอย่างที่บางคนอาจจะเข้าใจ
มันเป็นรถที่เคยปลุกปั้น จากการทดลองเอารถ Honda Logo มาลองปรับทรงเป็นอเนกประสงค์วางขายในบางตลาด ก่อนหายไปในปี 2006
เมื่อจะสร้างอเนกประสงค์เล็กคันใหม่ ทางฮอนด้าเลยตัดสินใจเสกรถแบบนี้กลับมาในชื่อเดิม HR-V
ชื่อ HR-V ย่อมาจาก Hi-rider Revolutionary Vehicle แปลตรงตัว ก็หมายถึง รถยกสูงรูปแบบใหม่
ในญี่ปุ่นหลายคนอาจเคยได้ยินว่ามันชื่อ Vezel ฟังเหมือนสัตว์จอมทะเล้น ในการ์ตูนดิสนี่ย คิงจูเลี่ยน สายเฮฮา จอมทะเล้น
แต่ความจริง มันมาจากคำว่า Bezel หมายถึง หัวแหวนของเครื่องประดับ แล้ว เติมคำว่า Vehicle ลงไป
ฮอนด้าต้องการสะท้อนว่ารถรุ่นนี้มีคุณค่ามากกว่า รถรุ่นไหน เหมือนสิ่งสำคัญที่สุด คือ สิ่งที่อยู่บนหัวแหวนนั่นเอง
แนวความคิดตั้งต้นฮอนด้าชัดเจน มันจะมาเป็นน้องชายสไตล์เฟี้ยว ทางเลือกคนรุ่นใหม่ เสียบใต้ Honda CR-V ที่ถูกใจสายป๋าขับสบาย เดินทางเป็นครอบครัว
เมื่อรถรุ่นนี้เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้บริหารฮอนด้า สั่งวิศวกรจับแพลทฟอร์ม Honda Global Small Platform แบบเดียวกับที่ใช้ใน Honda Jazz/ City มาต่อยอด
ด้วยความไม่รู้หลายคน คิดว่า แพลทฟอร์มเดียวกัน = รถมันแค่จับโป๊ะ ยกช่วงล่างวางขายแพงกว่า 3 แสนบาท รับโบนัสกันไป
ทั้งที่ความจริง ฮอนด้าตั้งใจมากในการพัฒนารถรุ่นนี้ตอบสนองต่อลูกค้าทั่วโลก อาจจะเรียกว่าเป็นรถ Global Model รุ่นล่าสุดของฮอนด้ามาจนวันนี้ในสายอเนกประสงค์
รถต้นแบบ ออกโชว์ตัวตั้งแต่ต้นปี 2013 ในงานแสดงรถยนต์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะแสดงคันจริงพร้อมขายในงาน Tokyo Auto Show ในปีเดียวกัน
มันมาพร้อมเรือนร่างที่มีความทันสมัย สปอร์ตมีการหยิบข้าวของพี่ใหญ่มาใช้ในหลายอย่าง และจับเอาข้อดี Ultra Seat ของ Honda Jazz ที่พับได้หลากหลายมาใช้
ด้วยความตั้งใจให้เป็นรถคนเมือง เลยติดตั้งเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร รหัส L15 ที่บ้านเราคุ้นเคยเข้าประจำการ
ขายในไทยมากกว่า 10 ปี
ในประเทศไทย Honda HR-V เข้ามาทำตลาดครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ตลาดรถอเนกประสงค์ยุคนั้นเริ่มวางจำหน่ายB-SUV อยู่บ้างเปิดตลาดด้วย Nissan Juke นำเสนอเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.6 ลิตร ตามาไล่ๆ กันด้วย Ford Eco Sport เปิดตัวด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร
ตลาดเคียงข้างกัน มี Subaru XV 2013 เปิดตัว จากโรงงานประกอบมาเลเซีย เป็นรถที่มีขนาดเล็กกว่า Honda CR-V แต่ขนาดใหญ่กว่าทั้ง Juke และ EcoSport

ไม่รู้อะไรดลใจผู้บริหารฮอนด้า ตัดสินใจคุยกับญี่ปุ่นเวอร์ชั่นขายไทย (และภายหลังในอีกหลายตลาดภูมิภาคใหม่) ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร ยกตรงจาก ฮอนด้า ซีวิคไปใส่ กลายเป็นรถ B-SUV ตัวเล็กเครืองใหญ่ มอบความสนุกสนานในการขับขี่
จนเป็นภาพลักษณ์ความเร็วแรงเร้าใจ มีชีวิตแบบนักกีฬา ทำอัตราประหยัดตอนเปิดตัวได้ 15 ก.ม./ลิตร
ภาพลักษณ์ Honda HR-V 2014 มุ่งเน้นตัวตนที่มีความสปอร์ต สนุกสนานในการขับขี่ด้วยการเป็นรถตัวเล็กเครื่องใหญ่

ส่งผลให้รถอเนกประสงค์ขนาดเล็กในไทยเป็นตลาดที่คลุมเครือที่สุดในภูมิภาค
B-SUV มีทั้งแก๊งเครื่องเล็กและเครื่องใหญ่ เลือกเอาตามใจชอบแต่ด้วยประเทศไทย รถอเนกประสงค์ คนมองว่าควรใช้เดินทาง ตลาดเทจึงมาทางเครื่องใหญ่มากกว่า
ทั้งที่ทั่วโลก B-SUV เน้นใช้ในเมืองขับเดินทางได้บ้างนิดหน่อย เลยมุ่งไปที่เครื่องยนต์เล็ก 1.5-1.6 ลิตรเกือบทุกยี่ห้อ
จุดเด่นของ HR-V ในตอนนั้น คือการได้รถที่มีความใหญ่นั่งสบาย พร้อมเดินทาง และเปี่ยมด้วยฟังชั่น ด้วยขนาดตัวรถที่ใหญ่กว่า Honda Jazz อย่างชัดเจน

บวกกับการตบแต่งที่มีความพรีเมี่ยม ราคาที่ลดหลั่นกว่าซีวิคพอตัว จบที่ราวๆ ล้านบาทต้นๆ และมีฟังชั่นไฮโซที่รถในยุคนั้นไม่มีอาทิ หลังคาซันรูฟบานใหญ่ มีเบรกมือไฟฟ้า
ราคาก็ถูกกว่าซีวิคในระดับที่น่าพอใจ เครือง 1.8 เองก็มีความทรหดอดทนอยู่พอสมควร
กลายเป็นรถขายดีอีกรุ่นฮอนด้า อีกรุ่นสืบตำนานต่อทันที
โฉม 2 สู่เรื่องจริงไฮบริดเน้นประหยัด
ปี พ.ศ. 2564 Honda HR-V กลับมาอีกครั้ง ส่งท้ายปี ภายใต้โครงสร้างพื้นฐานเดิม Honda Global Small Car platform ที่มีการอัพเกรดหลายอย่างเพิ่มเติม พร้อมแนวคิดพื้นฐานในการสร้างรถใหม่

แต่ทันที่ที่เปิดตัว รุ่นนี้ลูกค้าเดิมหลายคนกังขาว่า จุดเด่นเครื่องใหญ่จากซีวิคหายไป ฮอนด้าแทนที่มันด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร E:hev เข้ามา เน้นความประหยัด
เดินหมากตามเกมของภาครัฐมุ่งเน้นลดการปล่อยไอเสียจากต้นทาง จึงออกกฏจัดเก็บภาษีสรรสามิตรภาษีตามการปล่อยไอเสีย หรือภาษี Co2
ทางด้านตัวรถ ฮอนด้า ยกระดับงานออกแบบให้ความพรีเมี่ยมมากขึ้น ภายในนั่งแล้วสบายกว่าเดิม อาทิติดตั้งระบบกระจายแรงลมแอร์ทำให้สบาย โดยลมไม่ปะทะตัวโดยตรง

ยังคงมุ่งเน้นในการเป็นรถที่มีความสปอร์ตมากขึ้น งวดนี้เพิ่มรุ่น RS ทั้งตบแต่งพิเศษ และมีข้าวของที่เราไม่เคยเห้นมาก่อน เช่นระบบพวงมาลัยเฉพาะรุ่น เซทติ้งช่วงล่างที่ออกมาหนึบแน่นกว่าปกติ
กลายเป็นรถที่มีบุคลิก 2 ในไลน์อัพ อยากสปอร์ตเร้าใจ เลือกเบอร์ตอง เอ้ย ตัวท๊อป มีของดีซุกซ่อน เช่น เซทติ้งช่วงล่าง ล้อใหญ่กว่า แร็คพวงมาลัย VGR มี 2 อัตราทด ตอบสนองการขับขี่
ส่วนใครใช้งานทั่วไปสายนุ่ม ก็ใช้ตัวปกติ ความประหยัดดีขึ้นมากมายก่ายกอง ด้วยตัวเลข 25.6 ก.ม./ลิตร
จุดที่ทำให้คนคิดว่า HR-V คือ City ยกสูง
แต่ไม่นานหลังจาก HR-V ออกมาวางขาย ฮอนด้าตัดสินใจเร็วในการทำตลาด Honda City e:hev พกเครื่องไฮบริด 1.5 ลิตรเข้าทำตลาด กลายเป็นสร้างความรู้สึกด้อยค่าอเนกประสงค์ลงไป


แม้ว่าในความจริง รถทั้ง 2 รุ่น มีการปรับจูนบางอย่าง ไม่เหมือนกัน
ทว่าคนที่กำลังตัดสินใจ อาจรับทราบข้อมูล และหรือ ไม่เข้าใจข้อเท็จจริงว่า การวิศวกรรมรถยนต์มีกระบวนการซับซ้อนกว่านั้นมาก
เมื่อมองตามรายละเอียดทางเทคนิค เครื่องยนต์เหมือนกับ ระบบช่วงล่างเหมือนกัน ประกอบกับข้อมูลหลายแหล่ง อย่างที่เราบอกไปขั้นต้น มันพัฒนาจาก Honda Globall small Car เหมือนใน Honda City

เลยมีบางเพจจับจุดนี้ ไปเรียกแขกสนุกปากว่า “ซิตี้ยกสูงในราคาแพงกว่า”
ทั้งที่ขับจริงจะทราบเลยว่า ไม่ได้เป็นแบบนั้น รถอาจจะมีข้าวของเหมือนกัน แต่ขับต่างกันคนละเรือง
จนมีคนจำนวนจดจำ และเข้าใจสาระสำคัญของ Honda HR-V ผิดๆ จนกลายเป็นชุดความคิดที่ทำให้สังคมสับสน และปั่นป่วน
คู่แข่ง ประกบข้าง มูฟยากขึ้น
ไขเวลามาปัจจุบัน Honda HR-V ถูกท้าทายมากขึ้น จากคู่แข่ง ที่เริ่มเข้ามาตีกินขนาบข้างเบียดรัศมีหลายรุ่น
เริ่มจาก Toyota CH-R เข้ามาในปี 2015 แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรนัก จนโตโยต้าตัดสินใจพัฒนา Toyota Corolla Cross ออกจำหน่ายเป็นครั้งแรกในโลกที่ประเทศไทย เป็นรถที่มีขนาดใหญ่กว่าใช้เครื่องยนต์ใหญ่กว่า เป็นจุดเดิมที่ HR-V เคยครองใจลูกค้า จนทำให้ลูกค้าที่มองหารถเดินทางตัวจริง มูฟไปหา ซาโยนาระฮอนด้า

ก่อนตามมาด้วย Nissan kick e-Power กลับมาลงตลาดกลุ่มนี้ด้วยเครื่องไฮบริด 1.5 ลิตร
พอ HR-Vใหม่ เปิดตัวมาในปี 2021 ด้วยเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร อาจจะเบียดนิสสันมาได้บ้าง ตามสถานการณ์
จนโตโยต้า ส่ง Toyota Yaris Cross รถอเนประสงค์ขนาดเล็ก ออพชั่นแน่ราคาถูกกว่า จากผลงานของแบรนด์ลูกที่มาซ่อนแอบในไทย แต่ตัวเล็กกว่าอย่างชัดเจน
ล่าสุด มิตซูบิชิ มอเตอร์ ตามมาแจม ด้วย Mitsubishi X-Force HEV
พูดได้เต็มปากว่าตลาดนี้ยืนแน่นเบียดเสียดเป็นปลากระป๋องแค่ในค่ายญี่ปุ่นด้วยกันเอง แถมเกมปัจุบัน มีค่ายจีนลงทำตลาดกลุ่มนี้อีก โดยเฉพาะแก๊งค์รถยนต์ไฟฟ้า
Honda HR-V 2025 คันนี้ยังขวัญใจมหาชน
ถึงนี่อาจจะเป็นช่วงท้าทายที่สุดของ Honda HR-V แต่ทุกครั้งที่มีใครปรึกษาจะซื้อรถกลุ่มนี้ HR-V อยู่ในใจใครหลายคนเป็นตัวเลือกแรกๆ

นั่นเพราะ ตัวรถที่มีความคุ้มค่าในเชิงคุณค่าต่อการใช้งานตอบโจทย์จริงๆ แม้จุดเด่นบางอย่างในอดีตอาจจะหายไปแต่ก็ทดแทนด้วยความประหยัดที่เพิ่มขึ้น
แม้จะเป็นความจริงว่าการตั้งราคารถรุ่นนี้ จะค่อนข้างสูงไปเล็กน้อย เทียบกับ B SUV ด้วยกัน จนตัวท๊อปแทบจะกระโดดกอด ฮอนด้าซีวิคไฮบริด ราคาของมันอาจควรถูกกว่านี้
แต่ความเข้าใจผิดในวงสังคม ณ เวลานี้ ที่มองเพียงรายละเอียดทางเทคนิค ราคาขาย แล้วตัดสินว่ามันคือ ซิตี้ยกสูง ในราคาแพงกว่า 3 แสนบาท
ผู้เขียนว่าก็แลจะดูถูกวิศวกร ที่มีความตั้งใจในการทำงานไปหน่อย เราควรจะแยกระหว่าง ความคุ้มไม่คุ้ม ซึ่งเป็นเรื่องของการตลาดกับ ความไม่ตั้งใจในการทำงานของทีมพัฒนา มันคนละเรื่องกัน
HR-V รุ่นปัจจุบัน อาจต่างจากที่เรารู้จักในอดีต มันเป็นรถที่เติบโตขึ้นตามข้อเท็จจริงคนรุ่นใหม่และยุคสมัย ที่กำลังมองหารถสักคันมาตอบโจทย์ชีวิตรอบด้าน
มันอาจเป็นเหตุผลจริงๆว่า ทำไมคนยังชอบและเลือกรถรุ่นนี้ จนยอดขายยังอยู่ในโพเดี้ยม B-SUV ถึงไม่ใช่ผู้นำ แต่ก็ไม่ได้ไก่กา
ข้อมูลบางส่วนจาก WikiPedia
