การมาของ All-New Fronx ทำให้รถยนต์แบรนด์ Suzuki ได้รับความน่าสนใจมากขึ้นอีกครั้ง แต่ด้วยขนาดตัว และราคาที่ประกาศออกมา จึงทำให้เราพบว่ามันเองก็จะต้องมีคู่แข่งในตลาดเดียวกันอยู่ไม่น้อย และหนึ่งในนั้นคือ Honda WR-V
ทั้ง Suzuki Fronx และ Honda WR-V ต่างถูกจัดให้เป็นรถอเนกประสงค์ในกลุ่ม B-Segment เหมือนกันทั้งคู่ ด้วยขนาดตัวที่อยู่ในช่วงราวๆ 4,000 มิลลิเมตร บวกลบอีกเพียงนิดหน่อย เมื่อรวมกับราคาวางจำหน่ายที่ไม่หนีกันมากนัก โดยเฉพาะกับรุ่นบนสุดของ Fronx อย่างตัว GLX Plus ที่มีราคาเท่ากับตัวล่างของ WR-V รุ่น SV กับตัวเลข 799,000 บาท
แต่ ด้วยความที่ตัวรถ Honda WR-V รุ่น RS ก็มีราคาเพิ่มขึ้นจากตัว SV ไปอีกเพียงราวๆ 60,000 บาท เท่านั้น ดังนั้นเราจึงขอนำเอาสเป็คของตัวรถรุ่นนี้มาเทียบกับ Fronx GLX Plus ไปเลยจะดีกว่า เพื่อให้เหมาะสมกับแนวโน้มการเลือกซื้อของคนส่วนใหญ่ในความเป็นจริง
งานออกแบบตัวรถ
ในเรื่องของงานดีไซน์ตัวรถ ทั้ง WR-V และ Fronx ต่างก็ถูกออกแบบให้เป็นรถครอสโอเวอร์ที่เน้นงานเส้นสายด้านข้างให้มีความโป่งนูน เพื่อเสริมความบึกบึนให้กับตัวรถเหมือนกันทั้งคู่ และด้านหน้ารถเอง ก็ยังมีหน้าตัดที่ไม่ได้ยื่นยาวจากแนวล้อมากนัก เพื่อเพิ่มความคล่องตัวขณะใช้งาน โดยเฉพาะท้ายรถที่ต่างก็มีความเป็นรถท้ายตัดเหมือนกันทั้งคู่ยิ่งกว่าเดิมอีก
แต่อาจจะด้วยความที่ Fronx ได้ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มและงานออกแบบที่ใหม่กว่า ทำให้ด้านหน้าของมันมีการแบ่งตำแหน่งไฟหน้า ไฟ LED และ ไฟตัดหมอก ให้มีความเป็นสัดส่วนชัดเจนตามยุคสมัยใหม่มากกว่า และด้วยความพยายามในการใช้เส้นสายตัวรถแบบเว้าโค้ง จึงทำให้รถดูมีมิติชัดลึกตามจุดต่างๆมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นที่กันชนหน้า หรือซุ้มล้อทั้ง 4 แม้กระทั่งหลังคายังดูมีความลาดเอียงมากกว่า เพราะตัวรถถูกออกแบบให้มีความเป็นอเนกประสงค์หลังคาคูเป้โดยกำเนิดนั่นเอง
ขณะที่ WR-V ก็มีนิยามในการออกแบบที่เน้นความโฉบเฉี่ยว ดุดันเช่นกัน แต่จะเน้นเส้นสายที่มีความเหลี่ยมสันตัดเป็นสัดส่วนชัดเจน ตั้งแต่ กันชนหน้า กับสันไหล่ข้างตัวรถ ซึ่งทำให้รถดูดุดันมากกว่า และด้วยหลังคาซึ่งไม่ได้ตัดลาดลง กับโป่งข้างที่ไม่ได้ดูโหนกนูนจากแนวตัวถังมากนัก จึงทำให้รถดูผอมสูงกว่า
และในฝั่งภายในห้องโดยสาร เรากลับพบว่าพวกมันต่างมีงานดีไซน์ที่ดูอนุรักษ์นิยมเหมือนกันทั้งคู่ แม้กระทั่งหน้าจอมาตรวัดยังใช้แบบเข็มกว่า 2 วง พร้อมจอ MID ตรงกลางเหมือนกันทั้งคู่ และใช้พวงมาลัยแบบที่เราคุ้นเคยจากรถยุคปี 2010 ตอนปลาย เหมือนกันอีกต่างหาก
แต่ด้วยความที่ Fronx คือรถรุ่นใหม่กว่า ทำให้มันมีลูกเล่น และงานออกแบบบางจุดที่ดูทันสมัยกว่าอยู่พอสมควร ทั้งชุดพวงมาลัย ที่มีปุ่มมัลติฟังก์ชันที่หลากหลายกว่า รวมถึงปุ่มเปิดระบบฟังคำสั่งเสียงที่จะทำงานร่วมกับหน้าจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 9 นิ้ว ซึ่งติดตั้งแบบกึ่งลอยตัวตรงกลางคอนโซล ส่วน WR-V จะมีจออินโฟเทนเมนท์ติดตั้งไว้แบบฝังกลางคอนโซล แถมยังมีขนาดเล็กกว่าที่ 7 นิ้ว
นอกนั้นในส่วนเบาะนั่งต่างเป็นเบาะหุ้มหนังสลับผ้าเหมือนกันทั้งคู่ และไม่ได้มีการปรับตำแหน่งด้วยมือล้วนเหมือนกันอีก ไม่ว่าจะรุ่นล่าง หรือรุ่นบนสุดก็ตาม
มิติตัวรถ
Suzuki Fronx GLX Plus | Honda WR-V RS | |
ความยาว | 3,995 มิลลิเมตร | 4,060 มิลลิเมตร |
ความกว้าง | 1,765 มิลลิเมตร | 1,780 มิลลิเมตร |
ความสูง | 1,550 มิลลิเมตร | 1,608 มิลลิเมตร |
ความสูงใต้ท้องรถ | 170 มิลลิเมตร | 220 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ | 2,520 มิลลิเมตร | 2,481 มิลลิเมตร |
ความกว้างช่วงล้อคู่หน้า | 1,520 มิลลิเมตร | 1,548 มิลลิเมตร |
ความกว้างช่วงล้อคู่หลัง | 1,530 มิลลิเมตร | 1,540 มิลลิเมตร |
น้ำหนักตัวรถ | 1,055 กิโลกรัม | 1,143 กิโลกรัม |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด | 4.8 เมตร | 5.0 เมตร |
แม้ในเรื่องงานดีไซน์ เราอาจรู้สึกว่า Suzuki Fronx มีมิติที่ดูใหญ่โตกว่า แต่เมื่อมองจากตัวเลขจริงๆ เราจะพบว่า WR-V กลับมีสัดส่วนที่ใหญ่กว่าแทบทุกจุด โดยเฉพาะเรื่องของความสูง ทั้งตัวรถ และใต้ท้องรถ ที่จะช่วยให้เราสามารถเห็นทัศนวิสัยต่างๆบนทางข้างหน้าได้ดีกว่า และยังไม่ต้องกังวลเรื่องการเจอหลุมบ่อต่างๆมากนักในระดับที่รถ PPV ไปได้ เจ้านี่ก็ไม่ต้องห่วงเช่นกัน
ถึงกระนั้น สิ่งที่ดูจะเป็นภาษีดีกว่าในฝั่ง Fronx ก็คือ แม้ตัวรถภายนอกจะสั้นกว่า แต่ระยะฐานล้อของมันกลับยาวกว่าคู่แข่งถึง 39 มิลลิเมตรด้วยกัน ทำให้มันจะส่งผลถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารระหว่างผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลังที่เหลือเฟือต่างกันมาก ซึ่งจากการที่ผู้เขียนได้เคยสัมผัสมาก็พบว่ามันเป็นเช่นนั้นจริง
และในเรื่องความกว้างของห้องโดยสาร เราอาจเห็นว่า WR-V มีเลขด้านกว้างมากกว่า ทว่ามันอาจมาจากความยื่นของคิ้วซุ้มล้อที่มากกว่า ตามระยะฐานล้อซ้าย-ขวา แต่การนั่งภายในห้องโดยสารฝั่ง Fronx กลับรู้สึกกว้างกว่าเล็กน้อย โดยส่วนหนึ่งอาจมาจากแผงประตูด้านข้างที่ดูบางกว่าเล็กน้อยด้วยก็เป็นได้
ขุมกำลัง ระบบขับเคลื่อน
Suzuki Fronx GLX Plus | Honda WR-V RS | |
รูปแบบขุมกำลัง | เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบไมล์-ไฮบริด | เบนซิน 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมระบบ i-VTEC |
ความจุ | 1,462 | 1,498cc |
ระบบขับเคลื่อน | เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมแป้น Paddle Shift | เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมระบบ Shifting Control of Cornering Gravity & G Design Shift |
แรงม้าสูงสุดเครื่องยนต์ | 101 PS ที่ 6,000 รอบ/นาที | 121 PS ที่ 6,600 รอบ/นาที |
แรงบิดสูงสุดเครื่องยนต์ | 135 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที | 145 นิวตันเมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที |
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง | 37 ลิตร | 35 ลิตร |
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง (Eco Sticker) | 19.23 กิโลเมตร/ลิตร | 16.67 กิโลเมตร/ลิตร |
โหมดการขับขี่ | – | Normal, Econ |
ด้านขุมกำลังของรถทั้งสองรุ่น แม้จะอยู่ในพิกัด 1.5 ลิตร ใกล้ๆกัน ทว่าฝั่ง WR-V จะได้เครื่องยนต์ที่ถูกปรับจูนให้มีสมรรถนะที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทั้ง แรงม้าที่เยอะกว่ากัน 20 ตัว และแรงบิดสูงสุดที่เยอะกว่ากัน 10 นิวตันเมตร ซึ่งก็น่าจะส่งผลถึงการเรียกความเร็วในช่วงรอบปลายที่ดีกว่าพอสมควร
แต่ฝั่ง Fronx เอง แม้เครื่องยนต์จะมีกำลังน้อยกว่า ทว่ามันก็มีมอเตอร์เสริมแรงขับเคลื่อนในลักษณะของระบบ Mild Hybrid ที่จะช่วยผ่อนภาระเครื่องยนต์ในช่วงของการออกตัวและการเร่งแซงช่วงความเร็วต่ำ-กลาง ได้ดี และทำให้เครื่องยนต์ของมันมีอัตราสิ้นเปลืองที่ดีกว่าคู่แข่งพอสมควร
นอกจากนี้ มันยังได้ชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งอาจไม่ได้ฟังดูตรงยุคแบบรถเกียร์ CVT ทว่าหากมองในมุมความสบายใจในการใช้งาน ลูกค้าหลายคนอาจยังมั่นใจในการใช้เกียร์แบบดั้งเดิมมากกว่า และมันยังมีระบบแป้นแพดเดิ้ลชิฟท์ให้ผู้ขับสามารถเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์สนุกๆขณะใช้งานได้อีก
ดังนั้นในจุดนี้จึงอาจจะถือว่าได้เปรียบเสียเปรียบกันคนละจุด เพราะฝั่ง WR-V อาจมีเครื่องยนต์ที่รีดเค้นเรี่ยวแรงได้ดีกว่า แต่ฝั่ง Fronx ก็มีลูกเล่นระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลังที่ดูจะมอบความสนุกสนานในการใช้งานได้ดี แถมยังมีอัตราสิ้นเปลือง(ตามเคลม)ที่ดีกว่า
ระบบกันสะเทือน และระบบบังคับเลี้ยว
Suzuki Fronx GLX Plus | Honda WR-V RS | |
ระบบพวงมาลัย | แร็คแอนด์พิเนียน เพาเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า (EPS) | แร็คแอนด์พิเนียน เพาเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า (EPS) |
ระบบบกันสะเทือนด้านหน้า | อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง | อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง |
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง | ทอร์ชันบีม | ทอร์ชันบีม |
ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน | ดิสก์เบรกแบบมีครีบระบายความร้อน |
ระบบเบรกด้านหลัง | ดรัมเบรก | ดรัมเบรก |
ขนาดวงล้อ | 16 นิ้ว | 17 นิ้ว |
ขนาดยาง | 195/60 R16 | 215/55 R17 |
หากว่ากันที่ระบบกันสะเทือน ระบบบังคับเลี้ยว และระบบเบรก ด้วยความเป็นรถครอสโอเวอร์ระดับ B-Segment กลุ่มล่าง เหมือนกันทั้งคู่ ดังนั้นพวกมันจึงมีรูปแบบกลไกต่างๆเหล่านี้ที่ไม่ต่างกันมากนัก หากอิงตามสเป็คในโบรชัวร์ เว้นเพียงชุดล้อที่จะให้ขนาดต่างกัน เพราะ WR-V จะให้ล้อขนาด 17 นิ้ว ซึ่งในบางครั้งอาจส่งผลถึงเรื่องการซับแรงจากผิวถนนที่มีความตึงตังกว่านิดหน่อย
ขณะที่การทำงานของระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวฝั่ง WR-V จะเน้นไปที่ความคล่องตัว และความจิกของหน้ารถพอประมาณ โดยที่ตัวโช้คอัพทั้ง 4 ของรถ จะมีช่วงยุบค่อนข้างเยอะ และสามารถให้ตัวได้มากพอสมควร ซึ่งข้อดีคือมันสามารถซับแรงจากหลุมลึกๆ หรือร่องยาวๆได้สบาย แต่อาจจะแลกกับท้ายรถที่โคลงตัวได้เยอะหน่อย ซึ่งยังดีที่มันจะโยกเพียงจังหวะเดียวตามการส่งแรงจากคันเร่งและพวงมาลัยของผู้ขับเท่านั้น ไม่ได้โคลงยวบยาบจนน่ากังวลใจอะไรนัก
ส่วนที่เหลือเราอาจจะต้องลองขับใช้งานจริงกันดูอีกครั้ง ว่าทาง Suzuki จะมีการเซ็ทอัพช่วงล่างของ Fronx ไว้ในลักษณะไหน แต่คงไม่ใช่แบบ Suzuki Swift ยกสูงอย่างที่ใครหลายคนคาดคิดแน่นอน
ออพชันและลูกเล่นที่น่าสนใจ
Suzuki Fronx GLX Plus | Honda WR-V RS | |
เบาะนั่งภายในห้องโดยสาร | เบาะหนังสังเคราะห์ สลับผ้า โทนสีแดง-ดำ | เบาะหนังสังเคราะห์ สลับผ้า โทนสีแดง-ดำ |
เบาะโดยสารตอนหลัง | พับราบ 60:40 พร้อมที่วางแขน | พับราบ 60:40 พร้อมที่วางแขน |
งานตกแต่งชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร | หนังสังเคราะห์สีน้ำตาลแดง/พลาสติกสีดำ | หนังสังเคราะห์สีแดง/พลาสติกสีดำ |
พวงมาลัย | มัลติฟังก์ชัน หุ้มหนัง 3 ก้าน ปรับได้ 4 ทิศทาง | มัลติฟังก์ชัน หุ้มหนัง 3 ก้าน ปรับได้ 2 ทิศทาง |
มาตรวัด | เข็มกวาด บอกความเร็ว และวัดรอบเครื่องยนต์ พร้อมจอ MID คั่นกลาง | เข็มกวาด บอกความเร็ว และวัดรอบเครื่องยนต์ พร้อมจอ MID คั่นกลาง |
หน้าจอ HUD | มี | ไม่มี |
ระบบปลดล็อค และสตาร์ทเครื่องยนต์ | กุญแจ Keyless + พร้อมปุ่ม Push Start | กุญแจ Keyless + พร้อมปุ่ม Push Start |
หน้าจออินโฟเทนเมนท์ | ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay ไร้สาย และ Android Auto | ขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto |
ลำโพง | 6 จุด | 6 จุด |
ระบบปรับอากาศ | อัตโนมัติ พร้อมแอร์หลังสำหรับที่นั่งแถว 2 | อัตโนมัติ |
เบรกมือ | คันชักปกติ | คันชักปกติ |
พอร์ทชาร์จไฟ | USB-A 2 จุด, USB-C 1 จุด | USB-A, USB-C อย่างละ 1 ตำแหน่ง |
ช่องเก็บของกลางระหว่างเบาะคู่หน้า | มี | มี |
หากว่ากันตามรายละเอียดข้างต้น เราจะพบว่ารถทั้งสองรุ่นต่างให้ออพชันมาในระดับที่เกือบจะใกล้เคียงกัน เว้นก็แต่ด้วยความที่ Fronx ดั้งเดิมแล้วเกิดขึ้นมาเพื่อตีตลาดประเทศอินเดียซึ่งมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้มันได้รับการติดตั้งชุดหน้าจออินโฟเทนเมนท์ที่มีขนาดใหญ่กว่ากันถึง 2 นิ้ว เป็น 9 นิ้ว แถมยังรองรับระบบการเชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย กับรองรับระบบสั่งการด้วยเสียงอีก ซึ่งจะเห็นได้ว่าในส่วนนี้ WR-V ถือว่าเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ลูกเล่นระบบความปลอดภัย
Suzuki Fronx GLX Plus | Honda WR-V RS | |
กล้องมองรอบคัน | มี | มีเฉพาะกล้องมองหลัง |
ระบบป้องกันล้อล็อค | มี | มี |
ระบบกระจายแรงเบรก | มี | มี |
ระบบควบคุมการทรงตัว | มี | มี |
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี | มี | มี |
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน | มี | มี |
ระบบช่วยเหลือในการควบคุมตัวรถ | ระบบเพิ่มความคล่องตัวขณะขับขี่ (AHA) | ควบคุมการขับเคลื่อน และสมดุลขณะเข้าโค้ง (AYC) |
ถุงลมนิรภัย | 6 จุด | 6 จุด |
ระบบความปลอดภัยขั้นสูง (ADAS)
Suzuki Fronx GLX Plus Honda WR-V RS ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ – AHB มี มี ระบบล็อกความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ มี
มีระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา มี ไม่มี ระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน มี พร้อมระบบช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) มีพร้อมระบบช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบเตือนด้านหลังขณะถอยออกจากช่องจอด มี ไม่มี ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ ไม่มี
มี
เช่นเดียวกับภายในห้องโดยสาร ด้วยความที่ Fronx ต้องเจอกับการแข่งขันที่สูงในอินเดีย ส่วน WR-V กลับถูกจำกัดแนวคิดการใส่ออพชันของความเป็น “Honda Sensing” ที่ยังคงไม่ให้กล้องรอบคัน และไม่มีระบบแจ้งเตือนมุมอับ
จึงทำให้เราจะเห็นได้ว่านั่นคือจุดบอดสำคัญอีกครั้ง ที่ทำให้ Fronx ดูมีลูกเล่นระบบความปลอดภัยขั้นสูงที่ครบครันกว่า ทั้งระบบกล้องมองรอบคัน 360 องศา และมีระบบแจ้งเตือนรถในมุมอับมาให้ครบๆ
ถึงกระนั้น ในด้านระบบความปลอดภัยที่จำเป็นของรถทั้งสองคัน ก็ไม่ได้มีใครขาดตกบกพร่องใดๆ
สรุปความแตกต่างหลักๆ และสิ่งที่ควรตัดสินใจเลือกซื้อ Suzuki Fronx GLX Plus VS Honda WR-V RS
จากการไล่เรียงข้อมูลข้างต้น เชื่อว่าหลายคนคงมองว่า Suzuki Fronx GLX Plus มีลูกเล่นและออพชันต่างๆที่ดูจะคุ้มค่ามากกว่าเป็นไหนๆ โดยเฉพาะกับการได้กล้อง 360 องศา และระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา ในส่วนต่างราคาที่ถูกกว่า WR-V RS อยู่ราวๆ 70,000 บาท
เมื่อบวกกับความเป็นรถจากแบรนด์ Suzuki และการใช้ลูกเล่นบางอย่างที่ดูจะสามารถมอบความทนทานในการใช้งานได้ดีกว่า อย่างชุดเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และในขณะเดียวกันยังมีลูกเล่นเสริมความประหยัดของเครื่องยนต์อย่างระบบ Mild Hybrid เข้ามาอีก จึงทำให้สาวกที่ถือแต้มฝั่ง Fronx มากกว่า ยิ่งไม่ลังเลที่จะเลือกรถตามเสียงในหัวของตนเองในท้ายที่สุด
ถึงกระนั่นฝั่ง WR-V RS ก็ยังมีจุดเด่นบางประการที่หลายคนอาจยังเชื่อใจและให้ความสนใจในตัวรถรุ่นนี้มากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะการเซ็ทอัพช่วงตัวรถต่างๆ ที่ทำให้รถสามารถนำไปใช้งานในสถานการณ์ต่างๆได้หลากหลายกว่าจริงๆ เช่นเรื่องความสูงใต้ท้องรถที่ทำให้คุณหายห่วงได้แน่นอนว่าอย่างน้อยมันก็เอาไปลุยน้ำท่วมได้ดีกว่า หรือปีนร่องหลุมต่างๆได้สบายใจกว่า
และแม้ผู้เขียนจะยังไม่เคยสัมผัส Fronx จริงๆจังๆ แต่บุคลิคช่วงล่างและการบังคับเลี้ยวของ Honda WR-V RS ก็มีเสน่ห์ที่สามารถมอบความสนุกและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวพอสมควร และทำให้ผู้ใช้รถสายขับชื่นชอบในตัวรถรุ่นนี้มาแล้วหลายต่อหลายคน
และด้วยเครื่องยนต์ที่มีใช้มานานในรถยนต์ของ Honda และยังคงไม่มีระบบใดๆมาเสริมความจุกจิกให้วุ่นวายใจ บวกกับศูนย์บริการที่ทั่วถึงกว่า ทำให้ลูกค้าย่อมสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจไม่แพ้ Fronx แน่นอน ขึ้นอยู่กับคุณแล้วล่ะครับ ว่าจะให้ความสำคัญกับเรื่องใดมากกว่ากัน