ในขณะที่ไทยเตรียมเปิดตัวและราคาของ CHERY V23 ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ แต่ในเมืองจีนก็เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ในตระกูล V23 กับ iCAR V23S
ด้วยหน้าตายังคล้ายกับ iCAR V23 แต่สิ่งที่เพิ่มเติมให้ต่างนั้นมีเพียงไม่กี่จุดตั้งแต่เติมสัญลักษณ์ S สีแดง บริเวณกระจังหน้า บังโคลนหน้าด้านข้าง และมุมล่างซ้ายบนฝาท้าย
นอกนั้นยกมาจาก V23 ทั้งไฟหน้า LED Matrix Adaptive ทรงกลมพร้อมไฟ DRL แบบ LED 2 เส้นในโคมเดียวกัน และเส้นแนวนอนขอบไฟหน้า พร้อมกระจังหน้าทรงทึบสีดำคาดเส้นแนวนอนสีเดียวกับตัวรถติดตรา iCAR กันชนหน้าแนวนอนกลมกลืนกับชุดบังโคลนหน้าพร้อมไฟเลี้ยว LED
ด้านข้างดีไซน์เสา A-D เน้นความเหลี่ยมและหนักแน่นสร้างความโดดเด่นและดุดันให้กับตัวรถทรงกล่องสุดเท่ด้วย ช่องระบายอากาศแนวตั้งสีดำติดที่บังโคลนหน้าซ้าย-ขวา กระจกมองข้างทรงตั้ง ที่เปิดประตูแบบยกก้าน คิ้วขอบล้อทรง 4 เหลี่ยมดุดัน และเสา C กับ D มาในทรงทึบไม่มีกระจก
ด้านท้ายมาพร้อมไฟท้าย LED ขนาดเล็กแนวนอน พร้อมฝาท้ายเปิดบานใหญ่แบบเปิดด้านข้างและปิดด้วยระบบดูดไฟฟ้า กันชนหลังใหม่สีเดียวกับตัวรถพร้อมไฟถอย LED พร้อมกล่องขนาดเล็กลงเก็บสัมภาระในตำแหน่งเดียวกับที่ห้อยยางอะไหล่และล้ออัลลอยขนาดใหญ่ 21 นิ้ว พร้อมยาง 265/45R21
ภายในเหมือน V23 เพิ่มจุดเด่นทั้ง เข็มขัดนิรภัยเส้นสีแดง ปุ่มทรงกลมโลโก้ S สีแดงที่แผงคอนโซลหน้าฝั่งคนนั่ง และปุ่ม BOOST ที่พวงมาลัย และมีมาตรวัดความเร็วจอสี LCD ขนาด 8.8 นิ้วแยกออกมาจากจอสัมผัส
นอกนั้นเดิมๆพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน เปลี่ยนมาใช้โลโก้ตัวอักษรแทนตัว i ออกแบบหนังสัมผัสใหม่รูปตัวยูที่แผงคอนโซลหน้าทรงถึกสี่เหลี่ยม จอสัมผัสขนาดใหญ่ 15.4 นิ้วชัดแบบ 2.5 K ประมวลแม่นยำด้วยชิฟ Qualcomm Snapdragon 8155 อัปเดททั้งเฟิร์มแวร์และซอฟต์แวร์อัตโนมัติผ่านระบบออนไลน์ (OTA-Over The Air) ช่วยให้มีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยตลอดเวลา และทำให้ผู้ขับได้ใช้สิ่งที่ใหม่และทันสมัยก่อนใคร เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้าฝั่งคนขับ 6 ทิศทาง และ คนนั่ง 4 ทิศทาง
พร้อมลำโพง 7 จุดรอบคัน กุญแจแบบบัตรอิเล็กทรอนิกส์ NFC (NFC Card) มีกล่องเก็บของด้านท้ายความจุ 90 ลิตร และเมื่อพับเบาะแบบ 50/50 มีพื้นที่ 744 ลิตร และโทนสีภายใน 2 สีทั้ง สีดำและสีขาว
ขุมพลังไฟฟ้า 3 ทางเลือกเริ่มที่มีรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว 2 รุ่นเริ่มที่รุ่น Standard Range ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 59.93 kWh ให้กำลัง 252 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 401 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 85 kW จาก 30%-80% ในเวลาเพียง 30 นาที และกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 7.1 วินาที
รุ่น Long Range ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 80.16 kWh ให้กำลัง 252 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 550 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 160 kW จาก 30%-80% ในเวลาเพียง 20 นาที และกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรทำได้ 7.4 วินาที
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ Performance AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับความจุแบตเตอรี่ 80.16 kWh เพิ่มมอเตอร์ล้อหน้าเข้ามา 204 แรงม้า แรงบิด 190 นิวตันเมตร ผสมกับมอเตอร์ล้อหลัง ให้กำลัง 252 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร เมื่อทำงานร่วมกันให้กำลัง 456 แรงม้า แรงบิด 490 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกลสุด 501 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน CLTC อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ 4.5 วินาที ชาร์จได้ทั้งแบบกระแสตรง DC รองรับการชาร์จสูงสุด 160 kW จาก 30%-80% ในเวลาเพียง 20 นาที และกระแสสลับ AC รองรับการชาร์จสูงสุด 6.6 kW
ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมโหมดการขับขี่ ECO, Normal, Sport ส่วนระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ iWD intelligent electric 4-wheel drive เพิ่มมาอีก 3 โหมดรวม 6 โหมดทั้ง Snow ,Mud, Sand
มีเทคโนโลยี Vehicle to Load (V2L) จ่ายกระแสไฟได้ ทำให้รถสามารถถ่ายโอนพลังงานไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆได้ 3.3 kW ระบบดึงพลังงานจากระบบเบรกกลับมาใช้ใหม่ (Regenerative Braking) ให้ความมั่นใจปีนป่ายเกาะถนนดีด้วยปีนป่าย ลุยน้ำได้สูงสุด 600 มิลลิเมตร พร้อมช่วงล่างหน้าอิสระ Front McPherson และช่วงล่างหลังอิสระ five-link
เปิดขายจีน 5 รุ่นย่อย ในราคา 122,800-174,800 YUAN หรือราว 559,000-789,000 บาท และมีสีภายนอก 9 สี ทั้ง สีม่วง สีเหลือง สีส้ม สีเงิน สีขาว สีดำ สีเทา สีฟ้า และสีเขียว