Home » 10 อันดับ รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลก ปี 2024
ข่าวต่างประเทศ ข่าวสารยานยนต์

10 อันดับ รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลก ปี 2024

การทำตลาดรถยนต์สักรุ่นหนึ่ง สิ่งที่จะสามารถบ่งบอกได้ดีที่สุดว่าค่ายประสบความสำเร็จในการ ทำตลาดรถโมเดลนั้นๆหรือไม่ ก็คือเรื่องของ “ยอดขาย” แล้วในปี 2024 ที่ผ่านมา 10 อันดับรถยนต์ที่สามารถทำยอดขายได้เยอะที่สุด คือรุ่นใดกันบ้าง ?

จากการรวบรวมข้อมูลโดย Car Industry Analysis ระบุว่าแม้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รถยนต์ไฟฟ้าจะมีกระแสตอบรับในหมู่ผู้ใช้รถยนต์ทั่วโลกมากขึ้น แต่ในภาพรวมแล้วรถยนต์ที่ยังคงใช้ขุมกำลังสันดาปภายใน ไม่ว่าจะแบบ 100% หรือแบบลูกผสมไฮบริด ก็ยังคงเป็นรถที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกใช้ดังเดิมอยู่ เนื่องด้วยเงื่อนไขในชีวิตประจำวันที่อาจจะยังไม่เหมาะกับการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือความสบายใจในการใช้งานที่หลายคนอาจยังลังเลอยู่

และในขณะที่หลายคนอาจมองว่าแบรนด์ยัษ์ใหญ่อย่าง Toyota กำลังล้าหลัง เพราะไม่ยอมเน้นการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามากเท่าที่ควร แต่เมื่อมองจาก 10 อันดับรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในโลก กลับกลายเป็นว่ารถยนต์จากแบรนด์นี้ ยังคงสามารถทำยอดขายได้ดีจนติดเข้ามาหลายอันดับ แถมส่วนใหญ่ยังเป็นรุ่นที่ใช้ขุมกำลังไฮบริดทั้งนั้นอีกด้วย ซึ่งก็จะค่อนข้างสอดคล้องกับรถยนต์โมเดลอื่นๆที่ติดอันดับมา โดยเริ่มจาก

10. BYD Qin (BYD ฉิน)

รถซีดานขนาด D-Segment ที่มีจุดเด่นทั้งในเรื่องของขนาดตัวถังที่ใหญ่โต ออพชันภายในห้องโดยสารที่เน้นความสะดวกสบายเต็มรูปแบบ และทางเลือกขุมกำลังที่หลากหลาย ไม่ว่าจะทั้ง ขุมกำลังแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด DM-i 177-194 แรงม้า หรือขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วน 148-215 แรงม้า วิ่งไกล 470-545 กิโลเมตร/ชาร์จ

จนทำให้รถสามารถทำยอดขายได้ถึงราวๆ 502,000 คัน ในปี 2024 ที่ผ่านมา แม้จะมีเพียงราวๆ 2,000 คันที่เป็นยอดขายในต่างประเทศ และกว่า 500,000 คัน คือยอดขายจากลูกค้าในประเทศจีนเท่านั้นก็ตาม

9. Tesla Model 3

รถซีดานไฟฟ้ายอดนิยมที่ใครหลายคนซึ่งอยากใช้รถไฟฟ้าต้องมีเจ้ารถคันนี้เป็นหนึ่งในตัวเลือก โดยหลังการปรับโฉมแบบ Big Minor Change ไปเมื่อปลายปี 2023 ทั้งการปรับเปลี่ยนงานดีไซน์ภายนอกภายในใหม่ ปรับเซ็ทมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่ ปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ รวมถึงการปรับเซ็ทเฟิร์มแวร์ระบบการขับขี่ต่างๆใหม่ ก็ช่วยให้ตัวรถยิ่งน่าใช้มากขึ้นไปอีกในสายตาชาวโลก

นั่นจึงส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา ตัวรถ Model 3 สามารถกวาดยอดขายไปได้กว่า 560,000 คัน ซึ่งถือว่าเป็นยอดที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน +10% และยังทำให้มันมีอันดับยอดขายดีขึ้นอีกด้วย จากที่ในปี 2023 ตัวรถได้เคยครองอันดับที่ 10 มาแล้ว

8. Toyota Camry

รถซีดาน D-Segment อีกหนึ่งรุ่นที่ชาวไทยหลายคนรู้จักกันดี ทั้งจากความหล่อเหลา และภาพลักษณ์ที่ดูหรูหรา โดยแม้ว่าตัวรถจะพึ่งมีการปรับโฉมใหม่แบบ Full-Model Change ไป โดยปรับใหญ่ทั้งหน้าตา, ช่วงล่าง, และระบบขับเคลื่อน

แต่ยอดขายในปี 2024 จะลงลงจากปี 2023 อยู่ -8% จนทำให้อันดับยอดขายของมันร่วงลงมาจากที่ 6 แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ยังคงอยู่ในหลักราวๆ 593,000 คัน ซึ่งก็ถือว่ามากอยู่ดี และกลายเป็นรถยนต์จาก Toyota โมเดลแรกที่ติดอันดับยอดขาย Top 10 ในปีที่ผ่านมา

7. Ford F-150

รถกระบะระดับ Full-Size Truck ที่ชาวไทยมีโอกาสจับต้องได้ยากมาก เพราะ Ford ไม่มีแผนนำมันเข้ามาวางจำหน่าย และดูเหมือนว่ามันเอง ก็มีไว้สำหรับวางขายแค่ในไม่กี่ประเทศเท่านั้น เช่นในสหรัฐอเมริกา, แคนาดา, และออสเตรเลียเป็นต้น

ดังนั้นเราจึงจะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว จำนวนตลาดที่รถกระบะรุ่นนี้ถูกส่งไปลุย ยังมีจำนวนค่อนข้างน้อย แต่ด้วยสมรรถนะของตัวรถที่น่าสนใจ และเป็นที่ยอมรับอย่างดี ในตลาดที่มันทำตลาดอยู่ จึงทำให้มันสามมารถทำยอดขายได้มากถึง 595,000 คัน และครองอันดับ 7 ได้อย่างเหนียวแน่น แม้ตัวเลขยอดอขายที่ว่า จะลดลงจากปี 2023 อยู่ -2% ก็ตาม

6. Toyota Hilux

กระบะระดับ Pick-Up Truck ยอดนิยมที่ขาวไทยรู้จักกันดี และแม้มันจะไม่ได้มีไว้ทำขายในสหรัฐอเมริกา เพราะ Toyota Tacoma ลุยแทนอยู่ แต่เจ้ากระบะคันนี้ก็มีตลาดเป้าหมายในหลายๆแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นโซนอเมริกาใต้, แอฟริกาใต้, ยุโรป, ตะวันออกกลาง, เอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไทยเราก็อยู่ในกลุ่มนี้

โดยจุดขายสำคัญของรถรุ่นนี้ ก็คือภาพลักษณ์ด้านความทนทาน และความน่าเชื่อถือจากแบรนด์ Toyota ทำให้หลายคนที่ต้องการรถกระบะสักคัน มักมองหา Hilux เป็นตัวเลือกแรกๆ โดยแม้ในปี 2024 มันจะมียอดขายที่ลดลงราวๆ -15% เพราะอยู่ในช่วงปลายอายุตัวถัง แต่ก็ยังมียอดสะสมที่เพียงพอจะอยู่ในอันดับ 6 ด้วยตัวเลขที่ 617,000 คัน

5. Toyota Corolla

รถ C-Segment ที่มียอดขายสะสมนับตั้งแต่เปิดไลน์ผลิตมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก ด้วยจุดขายในเรื่องของความทนทาน และความน่าเชื่อถือของตัวรถที่มีมาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด แถมปัจจุบัน ก็ยังคงมีทางเลือกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะทั้งจากรูปแบบตัวถัง และขุมกำลังทั้งแบบเบนซินล้วน หรือขุมกำลังไฮบริดอีก

แต่เช่นเดียวกันกับกระบะร่วมค่าย ด้วยอายุการตลาดที่อยู่ในช่วงปลายของตัวถังปัจจุบัน ทำให้ในปี 2024 ที่ผ่านมา ตัวรถสามารถทำยอดขายทั่วโลกไปได้ทั้งสิ้น 697,000 คัน ซึ่งหดตัวลงไปจากปี 2023 อยู่ราวๆ -11%

4. Honda CR-V

อเนกประสงค์รุ่นยอดนิยมที่ไม่ได้ขายดีแค่เฉพาะในประเทศไทย แต่ยังขายดีในหลายๆประเทศทั่วโลก โดยแม้ตัวรถจะถูกรุกหนักโดยคู่แข่งหน้าใหม่ ที่ทยอยเปิดตัวออกมาสู้อยู่เรื่อยๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าตัวรถ CR-V โฉมล่าสุด ได้ถูกพัฒนามาอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะทั้งในเรื่องของงานดีไซน์, ออพชันความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร, และยังมีเรื่องของขุมกำลัง e:HEV ที่ใช้งานได้ดีทั้งในเรื่องของพละกำลังและความประหยัดอีก

ดังนั้น ในปี 2024 ที่ผ่านมา ตัวรถจึงสามารถทำยอดขายสะสมทั่วโลกไปได้มากถึง 854,000 คัน ซึ่งถือว่าเติบโตจากปีก่อนหน้าอยู่ราวๆ +1% (อาจจะเติบโตไม่เยอะ แต่ถ้าเทียบกับรถในอันดับต่ำกว่าลงไป การที่ยอดขายของ CR-V ไม่ได้หดตัวตามก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว)

3. Toyota Corolla Cross

รถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์ ที่มีตำแหน่งการตลาดใกล้เคียงกับ Honda CR-V ในอันดับก่อนหน้า ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ผู้ใช้หลายคนทั่วโลกให้ความสนใจ เพราะตัวรถค่อนข้างมีความอเนกประสงค์ในการใช้งาน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับร่างต้นอย่าง Toyota Corolla

เมื่อประกอบกับทางเลือกขุมกำลังไฮบริด ที่ดูเหมือนจะถูกเซ็ทมาอย่างลงตัว ทำให้แม้ตัวรถจะมีอายุการตลาดที่นานพอสมควร แต่มันก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2024 มียอดขายสะสมทั่วโลกมากถึง 859,000 คัน ซึ่งคิดอัตราเติบโตจากปีก่อนได้มากถึง 18% กันเลยทีเดียว

2. Tesla Model Y

อเนกประสงค์จาก Tesla ที่หลายคนต่างมองหาเมื่อยากได้รถยนต์ไฟฟ้าสักคัน โดยแม้ในปี 2024 หลายคนจะเคยได้ยินข่าวคราวว่าตัวรถกำลังจะถูกปรับโฉมครั้งใหญ่ และมันก็เกิดขึ้นจริงในช่วงต้นปี 2025 แต่ด้วยความน่าเชื่อถือของแบรนด์ และการอัพเกรดลูกเล่นระบบความปลอดภัย และงานตกแต่งภายในห้องโดยสารที่ทันสมัย ตรงใจผู้ใช้มากขึ้น โดยเฉพาะกับกลุ่มลูกค้าในประเทศจีน

ทำให้ Model Y ยังคงได้รับความนิยมจากหมู่ผู้ใช้ โดยแม้ยอดขายจะหดตัวจากไปก่อนไปบ้าง ที่ -3% แต่ยอดขายสะสมทั่วโลก ก็ยังสูงถึง 1,185,000 คัน อยู่ดี

    1. Toyota RAV4

    อีกหนึ่งรถอเนกประสงค์ ที่แม้จะไม่ได้ถูกนำมาทำตลาดในไทย เพราะขนาดค่อนข้างใกล้กับ Toyota Fortuner แต่นั่นก็หมายความว่าในหลายๆประเทศ ตัวรถรุ่นนี้ก็ได้รับความนิยมสูงเป็นอย่างมาก เพราะมีขนาดตัวที่กำลังเหมาะสมสำหรับการใช้งานในกลุ่มคนหมู่มาก งานดีไซน์ที่ดูหล่อเท่ แถมยังมีทางเลือกขุมกำลังที่หลากหลาย ตั้งแต่ไฮบริด ไปจนถึงปลั๊กอินไฮบริด

    จึงทำให้แม้แต่ชาวจีนเอง ยังเลือกซื้อรถรุ่นนี้ในปี 2024 ที่ผ่านมา มากถึง 330,800 คัน และส่งผลให้ยอดขายในภาพรวมทั่วโลก เพิ่มขึ้นอีก 11% เป็น 1,187,000 คัน

    Tesla Model Y L

    อย่างไรก็ดี จากตัวเลขข้างต้น จะเห็นได้ว่ายอดขายสะสมของ Tesla Model Y และ Toyota RAV4 นั้นค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก เมื่อประกอบกับการที่ในปีนี้ ทาง Tesla พยายามรุกหนักด้วย Model Y ที่ถูกปรับโฉมใหม่ ใส่ลูกเล่นความทันสมัยเข้าไป แล้วยังมีรุ่นฐานล้อยาวมาตอบโจทย์ผู้ใช้สายครอบครัวมากขึ้นไปอีก

    จึงทำให้รถ Tesla Model Y มีแนวโน้มที่จะสามารถทำยอดอขายสะสมในปี 2025 นี้ได้เยอะขึ้นไปอีก จนกลายเป็นรถที่ขายดีที่สุดในโลกไปเลยก็ได้ เว้นเสียแต่ว่า Toyota จะสามารถหาวิธีรับมือ และจูงใจลูกค้าให้หันมาซื้อรถ RAV4 ได้มากพอและครองตำแหน่งอันดับหนึ่งต่อไปได้ เหมือนอย่างที่เคยเป็นในช่วงหลายปีมานี้

    แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

    Comments are closed.