ขณะที่ Isuzu D-Max EV ถูกยืนยันว่าจะมีการเปิดไลน์ผลิตในโรงงานที่ไทยช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ แต่จุดหมายปลางทางรถล็อตแรกๆของมันกลับเป็นทวีปยุโรป ซึ่งตอนนี้ทางบริษัทก็ได้มีการเผยราคาสำหรับการวางจำหน่ายให้ลูกค้าที่สนใจได้เตรียมจับจองกันแล้ว

Isuzu D-Max EV ถูกประกาศอย่างเป็นทางการโดย Isuzu Europe ว่า มันจะเป็น รถกระบะพลังงานไฟฟ้าล้วนคันแรก ที่มีการวางจำหน่ายในทวีปยุโรป โดยเป็นการเปิดฉากเพื่อดักรอ Toyota Hilux โฉมใหม่ ที่จะมีรุ่นขุมกำลังพลังงานไฟฟ้าล้วนตามมาในอีกไม่ช้าเช่นกัน

โดย D-Max EV จะยังคงใช้พื้นฐานร่วมกันกับรุ่นขุมกำลังสันดาปภายใน และในขณะที่หลายคนเคยเห็นร่างต้นแบบของมันมาแล้วหลายครั้ง แต่ร่างขายจริงกลับไม่ได้มีหน้าตาที่ดูล้ำขนาดนั้น และมันยังคงใช้กระจังหน้าแบบมีช่องดักอากาศเหมือนรถที่ใช้เครื่องยนต์ดังเดิม แต่เปลี่ยนโทนสีแถบกระจังหน้าใหม่ เป็นสีน้ำเงินดำ กับแถบสีน้ำเงินใต้แนวไฟ DRL เพื่อบ่งบอกถึงขุมกำลังรักษ์โลกที่อยู่ภายในก็เท่านั้น

รวมถึงภายในห้องโดยสารเองก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการตกแต่งมากนัก แค่ปรับรูปแบบการแสดงผลบนหน้าจอมาตรวัด กับหน้าจอระบบอินโฟเทนเมนท์ใหม่เล็กน้อย ที่เหลือยังคงใช้งานตกแต่งเหมือนเดิมทุกอย่าง คาดว่าเพื่อประหยัดต้นทุน เพื่อการทำราคาให้เป็นมิตรกับลูกค้ามากที่สุด เพราะแม้แค่คันเกียร์ก็ยังคงมีให้เหมือนเดิม ทั้งๆที่หากเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่นๆ ก็จะต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นสวิทช์ หรือลูกบิดไปแล้ว

ขุมกำลังของตัวรถ จะมีเพียงแบบเดียว คือแบบมอเตอร์คู่ สำหรับช่วยกันขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้าและคู่หลัง แบบ Full-Time 4WD ให้กำลังรวมสูงสุด 190 แรงม้า PS และแรงบิดสูงสุด 325 นิวตันเมตร และยังคงมี Rough Terrain Mode เผื่อสำหรับการลุยมาให้เช่นเดียวกับรุ่นที่ใช้ขุมกำลังดีเซลอยู่

ด้านขีดความสามารถในการทำงาน ตัวรถจะสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 10.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดเพียง 129 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่านั้น แต่มันจะยังคงรองรับน้ำหนักในการบรรทุกได้สูงสุด 1,000 กิโลกรัม เท่าเดิม แม้จะมีการเปลี่ยนรูปแบบช่วงล่างใหม่เล็กน้อย จากแบบสปริงแหนบ เป็นแบบ De-Dion และจะยังคงสามารถรองรับน้ำหนักในการลากจูงได้สูงสุดที่ 3.5 ตัน เทียบเท่ากับรุ่นขุมกำลังดีเซลดังเดิม เช่นเดียวกับความสามารถในการลุยน้ำลึกระดับ 600 มิลลิเมตร และความสูงใต้ท้องรถในระดับ 210 มิลลิเมตร

แบตเตอรี่ติดรถที่ให้มา เป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 66.9 kWh รองรับระยะทางในการใช้งานสูงสุด 263 กิโลเมตร/ชาร์จ บนมาตรฐาน WLTP ซึ่งอาจจะดูน้อยไปมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานของรถยนต์ไฟฟ้ายุคปัจจุบัน แต่นั่นก้เพราะตัวรถต้องแบกตัวถังที่ค่อนข้างหนัก และขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่ ส่วนความสามารถในการชาร์จไฟด้วยโหมด DC ก็จะรองรับกำลังไฟในการชาร์จเพียง 50 kW ซึ่งทำให้ต้องใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงจะสามารถชาร์จไฟจาก 20% ไปถึง 80% ได้

และสุดท้ายคือตัวรถจะมีการรับประกันคุณภาพแบตเตอรี่ที่ 8 ปี หรือ 160,900 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน

โดย D-Max EV จะมีเฉดสีให้เลือกที่หลากหลาย ทั้ง Splash White, Mercury Silver Metallic, Obsidian Grey Mica, Onyx Black Mica, Biarritz Blue Metallic, และ Dolomite White Pearl

ขณะที่ราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวรถ ตอนนี้ได้มีการประกาศเอาไว้แล้วในสหราชอาณาจัก ซึ่งจะแบ่งตาม 3 รุ่นย่อย นั่นคือ

• รุ่น eDL40 ตัวถังตอนครึ่ง : 59,995 ปอนด์ หรือราวๆ 2,609,000 บาท
• รุ่น eDL40 ตัวถัง 2 ตอน 4 ประตู : 60,995 ปอนด์ หรือราวๆ 2,653,000 บาท
• รุ่น eV-Cross ตัวถัง 2 ตอน 4 ประตู : 60,995 ปอนด์ หรือราวๆ 2,718,000 บาท

ซึ่งหากว่ากันตามตรง ราคาของตัวรถที่เห็นกันอยู่นี้ ถือว่าแพงกว่ารุ่นที่ใช้ขุมกำลังสันดาปภายในถึงราวๆ 1 ล้านกว่าบาท เลยทีเดียว