ผ่านไปกว่า 3 ปี นับตั้งแต่ Hyundai RN22e ได้เผยโฉมออกมาในฐานะรถต้นแบบ ในที่สุดตัวรถร่างขายจริงของมัน ก็พร้อมแล้วสำหรับการเผยโฉมร่างขายจริง และนั่นคือ Hyundai Ioniq 6 N ที่ทุกท่านกำลังเห็นกันอยู่ในตอนนี้

Hyundai Ioniq 6 N ถูกเปิดตัวครั้งแรกในงาน Good Wood Festival 2025 ท่ามกลางผู้คนที่ต้องการจะยลโฉมยานพาหนะโมเดลใหม่ รถต้นแบบ และอื่นๆอีกมากมาย เพื่อให้สมศักดิ์ศรี ของการเป็นรถยนต์ซีดานไฟฟ้าตัวแรงรุ่นเรือธงคันใหม่ที่ขายคู่ขนานกันไปกับรถแฮชท์แบ็คไฟฟ้าตัวซิ่งอย่าง Ioniq 5 N
โดยแม้เราจะเกริ่นถึง Hyundai RN22e แต่ตัวรถ Ioniq 6 N กลับเหมือนจะมีแค่เพียงคอนเซปท์การพัฒนาเท่านั้นที่เหมือนกันตรงๆ นั่นคือการทำให้รถซีดานไฟฟ้าสไตล์บ้านๆ Ioniq 6 มีความดุดันเกรี้ยวกราดในแบบฉบับของรถตระกูล N
เริ่มตั้งแต่การที่มันได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของ Ioniq 6 รุ่น Minor Change ที่พึ่งเปิดตัวเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้า ที่ให้เราจะเห็นได้ว่ามันไม่ได้มาพร้อมกับไฟหน้าดวงใหญ่ แต่เปลี่ยนไปเป็นแถบไฟ DRL เหนือแนวกันชนหน้า โดยดวงไฟหลักจริงๆจะถูกดีไซน์ให้ซ้อนเอาไว้ในกรอบช่องดักลมชิ้นใหญ่อีกที โดยเจ้ากรอบที่ว่านี้ ก็จะมีครีบขนาดใหญ่คอยเรียงอากาศ เช่นเดียวกับชิ้นสปลิตเตอร์หน้าขนาดใหญ่ขอบแดง และมีวิงเล็ทขนาบด้านข้าง เพื่อรีดอากาศตัดหน้าซุ้มล้ออีก
ขณะที่ด้านข้างรถไม่ได้มีลูกเล่นหวือวามากนัก นอกจากชายล่างสีดำคาดชายด้วยแถบสีแดง กับโป่งซุ้มล้อที่กว้างขึ้นนิดหน่อย เพื่อการรองรับชุดล้ออัลลอยด์ฟอร์จที่รัดด้วยยาง Pirelli P Zero 5 ขนาด 275/35 R20 ทางด้านหลังก็จะมีการออกแบบชุดกันชนท้ายใหม่ ให้มีครีบรีดอากาศขนาดใหญ่ทางด้านข้าง ช่องดิฟฟิวเซอร์ตรงกลาง และสปอยเลอร์หลังทรงคอห่านตามสมัยนิยม รวมถึงช่วยเสริมแรงกดหลัก 100 กิโลกรัม ที่ความเร็วระดับ 240 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไปด้วย
ภายในห้องโดยสาร ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดการตกแต่งมากนัก เมื่อเทียบกับ Ioniq 6 รุ่นปกติ นอกไปเสียจากโทนสี ที่เน้นคุมความดำ สลับฟ้า เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังกลับอัลคันทาร่า พวงมาลัยแบบใหม่ สไตล์รถยนต์ตระกูล N และยังมีจุดยึดกล้อง GoPro ใต้หลังคามาให้ด้วยสำหรับสายคอนเทนท์
นอกจากอารมณ์ภายในห้องโดยสาร ทาง Hyundai ยังใส่ออพชันเสริมอารมณ์ร่วมในการใช้งานเข้าไปเพิ่มอีก ทั้งระบบ N Active Sound + ซึ่งเป็นระบบจำลองทั้งเสียงเครื่องยนต์ เสียงเกียร์ รวมถึงคุมจังหวะมอเตอร์ให้เปรียบเสมือนกับว่ารถมีเกียร์ให้ทดขึ้น-ลง เหมือนกับระบบ N e-Shift ใน Ioniq 5 N เพียงแค่ระบบนี้เป็นเวอร์ชันอัพเกรดให้ทำงานได้สมจริงกว่า สะใจกว่า เช่นเดียวกับระบบ N Ambient Shift Light หรือก็คือไฟแจ้งจังหวะการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งปกติจะมีให้เห็นเฉพาะบนหน้าจอ แต่ตอนนี้จะเล่นกับแถบไฟแวดล้อมที่คอนโซลหน้ากันเลย
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีระบบ N Drift Optimizer, N Torque Distribution กับ N Battery เพื่อการควบคุมประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ และคุมอัตราการจ่ายแรงบิดของมอเตอร์ไฟฟ้าหน้า-หลัง ให้ผู้ขับสามารถวาดลวดลายรถได้ดั่งใจ ทั้ง จะขับแบบเน้นการยึดเกาะเต็มรูปแบบ หรือจะเน้นการสไลด์ตูด ดริฟท์ไปมาก็ยังได้
ขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า ถูกยกมาจาก Ioniq 5 N ตั้งแต่ มอเตอร์ไฟฟ้า 225.7 PS สำหรับขับเคลื่อนล้อหน้า และ 405.2 PS สำหรับขับเคลื่อนล้อหลัง ช่วยให้รถสามารถทำกำลังสูงสุดได้ 609.1 PS ในการขับปกติ และเพิ่มขึ้นเป็น 650 PS เมื่อเปิดระบบ N Grin Boost โดยที่แรงบิดสูงสุดก็มีตัวเลขที่ 770 นิวตันเมตร
ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา ทำให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 3.2 วินาที และมีความเร็วสูงสุดที่ 257 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขณะที่แบตเตอรี่ ซึ่งมีขนาดความจุ 84 kWh ก็มาพร้อมสถาปัตยกรรมการจ่ายไฟ 800 โวลท์ และรองรับกระแสไฟมากสุด 350 kW ช่วยให้รถสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ในเวลาเพียง 18 นาที
และด้วยพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่มากขึ้น ทาง Hyundai จึงทำการเสริมความแข็งแรงของตัวถัง ทั้งบริเวณซุ้มล้อ ตัวถังด้านหน้า แพช่วงล่าง ลูกยางปีกนก พร้อมปรับสัดส่วนปีกนกใหม่ ให้รถมีจุดศูนย์กลางการหมุน หรือโคลงตัวที่ต่ำลง เพื่อเพิ่มความนิ่งของตัวรถขณะเข้าโค้ง และยังปรับเซ็ทช่วงล่างไฟฟ้าใหม่ ให้สามารถทำงานตามสภาวะการเข้าโค้งที่มีสเถียรภาพมากยิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการอัพเกรดจานเบรกกับปั๊มเบรกใหม่ให้ใหญ่ขึ้น โดยยังมีการเสริมสมรรถนะด้านการเบรกให้มากขึ้นอีก ด้วยระบบ Regenerative ใหม่ ที่ช่วยเสริมแรงหน่วงของรถได้มากสุดถึง 0.6g ขณะผู้ใช้กดเบรกหนักๆ
ด้านราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ทาง Hyundai ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา เนื่องจากกำหนดการขายจริง คาดว่าจะเริ่มขึ้นอีกครั้งภายในช่วงไม่เกินสิ้นปีนี้ ส่วนในไทย จะมีการเปิดให้ผู้ที่สนใจให้จับจองกันเมื่อไหร่ ก็ยังต้องรอการอัพเดทข้อมูลกันต่อไป