Home » MG Maxus 9 Plus ไลน์อัพใหม่พรีเมียมเอ็มพีวีไฟฟ้า ราคา 1,799,000 บาท
รถใหม่ รถใหม่ในประเทศ ราคารถใหม่

MG Maxus 9 Plus ไลน์อัพใหม่พรีเมียมเอ็มพีวีไฟฟ้า ราคา 1,799,000 บาท

หลังประสบความสำเร็จกับ MG Maxus 9 รุ่น X และ รุ่น V รวมถึงยังมีการอัดโปรโมชันส่วนลดราคาพิเศษอย่างต่อเนื่อง แต่ดูเหมือนว่านั่นจะยังไม่พอและทำให้ทางค่ายเลือกเปิดไลน์อัพใหม่ที่จับต้องได้ง่ายกว่าเดิมออกมาเพิ่ม นั่นคือรุ่น Plus

MG Maxus 9 Plus ถูกจัดให้เป็นไลน์อัพเริ่มต้นของ MG Maxus 9 ที่ก่อนหน้านี้ มีเพยีงรุ่น X และรุ่น V เท่านั้นให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ โดยมันมาพร้อมกับจุดเด่นในด้านต่างๆทั้ง ชุดแถบไฟ Daytime Running Light พาดยาวเชื่อมไฟหน้าทั้ง 2 ข้าง, ล้ออัลลอยด์ ขนาด 19 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ Multi-Spoke, หลังคา Sunroof ถูกเปลี่ยนให้เป็นแบบมีเฉพาะสำหรับผู้นั่งด้านหน้าสุดเท่านั้น, มีม่านบังแดดประตูสไลด์ด้านข้าง สำหรับผู้โดยสารแถวที่ 2

และเบาะนั่งแถวที่ 2 แบบ Captain Seat VIP มีการปรับดีไซน์ใหม่ให้เหมาะสำหรับการใช้งานมากขึ้น พร้อมระบบจดจำตำแหน่งการนั่ง (Memory Seats) ระบบนวด และระบบปรับอุณหภูมิ โดยควบคุมผ่านหน้าจอ Touch Screen บริเวณที่วางแขน พร้อมช่องวางโทรศัพท์ โต๊ะอเนกประสงค์ และที่วางแก้ว ดังเดิม

ลดจำนวนลำโพงภายในห้องโดยสารลงเหลือ 8 ตำแหน่ง, หน้าจอแสดงผลอินโฟเทนเมนท์ 12.3 นิ้ว ยังคงเดิม แต่เพิ่มเติมความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย Wireless และจะเป็นมาตรฐานให้กับทุกรุ่นย่อย เช่นเดียวกับ ระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอกแบบ V2L ที่มีการเพิ่งกำลังการจ่ายไฟสูงสุดเป็น 6.6 kW

นอกนั้นในด้านรายละเอียดตัวรถอื่นๆยังคงเดิม ด้วย มิติตัวถัง 5,270 x 2,000 x 1,840 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง), ระยะความยาวฐานล้อ 3,200 มิลลิเมตร, ระยะต่ำสุดจากพื้น 140 มิลลิเมตร, ขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์ หรือ 245 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร

ทำงานร่วมแบตเตอรี่แบบ Lithium-ion จัดวางแบบ Cell To Pack ขนาดความจุ 90 kWh มาพร้อมระบบระบายความร้อน สามารถขับขี่ระยะทางสูงสุด 540 กม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC รองรับการชาร์จแบบเร็ว DC Quick Charge กำลังไฟสูงสุด 120 kW ช่วยให้การชาร์จไฟฟ้าจาก 30% – 80% ใช้เวลาประมาณ 30 นาที และในส่วนของการชาร์จแบบธรรมดาหรือ Normal Charge ด้วยกำลังไฟสูงสุดที่ 11 kW ก็จะทำให้การชาร์จไฟฟ้าจาก 5% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที

และยังคงมีระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System) 3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย, ระบบพวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS), รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 6.4 เมตร, ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง, ระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และระบบช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระมัลติลิงค์

ขณะที่ในส่วนของระบบความปลอดภัยต่างๆยังคงจัดมาให้ครบครันดังเดิม ทั้ง

  • ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame)
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
  • ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
  • ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake force Distribution)
  • ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
  • ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
  • ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
  • ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
  • ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light)
  • ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
  • ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS (Driver Monitor System)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning) และ ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane keep Assist)
  • ระบบช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (LCA/ BSD/ RCTA/ DOW)
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX บริเวณที่นั่งแถว 2 และ 3
  • เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ
  • ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
  • กล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ
  • สัญญาณเตือนระยะเดินหน้าและถอยหลัง

โดย MG Maxus 9 Plus มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาวหลังคาดำ (Pearl White / Black Top) สีดำ (Black Knight) สีเทาหลังคาดำ (Granite Grey / Black Top) และพร้อมให้ลูกค้าที่สนใจได้จับจองกันแล้วในวันนี้ ที่ศูนย์บริการและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ MG ทั่วประเทศ พร้อมข้อเสนอพิเศษมากมาย ตั้งแต่ 9 กรกฎาคม ถึง 31 กรกฎาคม 2568 ไม่ว่าจะเป็น

  • ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. 1 ปี
  • รับประกันคุณภาพตัวรถ 5 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
  • ฟรี MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด
  • ฟรี ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER
  • รับประกันแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ตลอดอายุการใช้งาน (LIFETIME WARRANTY)
  • ฟรี ชุดพรมปูพื้น

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.