นับเป็นเอสยูวีรุ่นใหม่ที่ชาวไทยอยากให้นำมาขายในไทยเสียทีกับ MG HS เอสยูวีเจนที่ 2 ล่าสุดเปิดราคารุ่นฟูลไฮบริดหลังรุ่นปลั๊กอินไฮบริดในชื่อ MG HS Hybrid+

MG HS Hybrid+ หน้าตาไม่ต่างจากเวอร์ชันสันดาปรวมถึงปลั๊กอินไฮบริด เริ่มที่ไฟหน้า LED ทรงสปอร์ตด้านหน้าด้วยช่องระบายอากาศทรงรังผึ้งขนาดใหญ่ พร้อมโลโก้ MG ติดบนกระจังหน้าทรงทึบประกบไฟหน้า LED ทรงสปอร์ต และไฟตัดหมอกหน้า LED ด้านข้างกลมกลืนด้วยเส้นสายลงตัว พร้อมราวหลังคาทรงบิ๊วอินน์ ไฟท้าย LED แนวยาวครอบทับด้วยเส้นแนว สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 LED ฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้ามีฟังก์ชั่นปรับระดับสูง-ต่ำ พร้อมสั่งการผ่านทางรีโมทคอนโทรล กันชนหลังโดดเด่นเสริมสปอร์ตด้วยดิฟิวเซอร์สีดและท่อไอเสียคู่ และล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว ลาย diamond cut
แผงคอนโซลหน้าติดตั้งจอคู่รวบรวมการทำงานของแสดงผลอัจฉริยะ Full Virtual Dashboard 12.3 นิ้วและจอสัมผัสระบบความบันเทิงขนาด 12.3 นิ้ว คมชัดแบบ HD สามารถเลื่อนจอไปยังตรงกลางหรือเข้าหาฝั่งคนขับ รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple Car Play และ Android Auto ปรับแสงจดมีทั้งแบบ สว่างและมืด และ 3 โหมดทั้ง แผนที่, ดิจิตอล, ADAS พร้อมลำโพง 6 กับ 8 จุดที่ชาร์จมือถือไร้สาย Wireless Charging
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้านทรงท้ายตัด D-shape มีช่องแอร์เชื่อมต่อกับชุดคอนโซลหน้าอย่างลงตัว พร้อมหัวเกียร์หุ้มหนัง ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกรองอากาศ PM 2.5 กระจกมองหลังตัดแสงแบบอัตโนมัติ ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start เบรกมือไฟฟ้า และ AUTO HOLD หลังคา Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ NVH Luxury Silence Space และแผ่นซับเสียงภายในห้องโดยสาร
เบาะนั่งทรงสปอร์ตหุ้มหนังปรับด้วยระบบไฟฟ้าฝั่งคนขับ 6 ทิศทางพร้อมดันหลังและบันทึกความจำตำแหน่งเบาะ คนนั่งปรับได้ไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมอุ่นเบาะ 3 ระดับ เบาะหลังพับได้แบบ 60/40 มีพื้นที่สัมภาระตอนพับเบาะมากถึง 1,484 ลิตร แต่ถ้าไม่พับเบาะมีพื้นที่ 507 ลิตร ไฟสร้างบรรยากาศ Ambient Light 64 เฉดสี
ขุมพลังเป็นแบบฟูลไฮบริดด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร รหัสใหม่ GS6 พัฒนากำลังสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 143 แรงม้า แรงบิด 230 นิวตันเมตรจับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 199 แรงม้า แรงบิด 340 นิวตันเมตร และขนาดความจุแบตเตอรี่ Lithium-Ion ขนาดความจุ 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันได้แรงม้ารวมสูงสุด 224 แรงม้า แรงบิดรวม 340 นิวตันเมตร ประหยัดถึง 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร
คู่กับเกียร์อัตโนมัติ Three-speed พร้อมการขับขี่ที่สามารถเลือกโหมดได้สามโหมด Eco, Standard และ Sport สามารถวิ่งในโหมดไฟฟ้าเพียวๆคาด 80 กิโลเมตร และยังมีโหมดการขับขี่พิเศษ Hybrid+ เลือกได้แบบอัตโนมัติทั้ง EV, Series, Series and Charge, Drive and Charge และ Parallel ระบบชาร์จในระหว่างขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) หรือ KERS (Kinetic Energy Recovery System) สามารถสามารถเลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ
ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง และระบบช่วงล่างหลังแบบ Multi-link พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งหน้าและหลัง ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลังและติดตั้งระบบ MG PILOT ที่เป็นเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS)
MG HS Hybrid+ เปิดตัวออสเตรเลีย 2 รุ่นย่อยทั้งรุ่น Excite และ Essence โดยรถมาถึงโชว์รูมออสเตรเลียกันยายน ในราคารวมค่าจดทะเบียนและภาษีถนน On-Road (Drive-Away) ของออสเตรเลียเริ่ม $42,990-$46,990 หรือราว 919,000-1,004,000 บาท