Home » GWM เผยสเป็ค TANK 500 DIESEL ทางเลือก 3 รุ่นย่อย
รถใหม่ รถใหม่ในประเทศ

GWM เผยสเป็ค TANK 500 DIESEL ทางเลือก 3 รุ่นย่อย

ใกล้เข้าไปทุกทีสำหรับกำหนดการวางขายจริงของ GWM TANK 500 DIESEL ในประเทศไทย โดยหลังจากการปล่อยภาพตัวรถคันจริงไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทางค่ายต้องเผยสเป็คสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวรถออกมาบ้าง

GWM TANK 500 DIESEL ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานเดียวกันกับ TANK 500 HEV นั่นคือยังคงใช้ โครงสร้างแชสซีย์แบบตัวถังวางบนเฟรม (Body-on-Frame) ที่ออกแบบขึ้นเฉพาะสำหรับรถยนต์ในตระกูล GWM TANK มาพร้อมมิติตัวถังด้านกว้าง 1,934 มม, ด้านยาว 4,886 มม., และด้านสูง 1,905 มม., กับ ระยะฐานล้อ 2,850 มม. ตามด้วยระยะความสูงใต้ท้องรถ 224 มม., ขนาดความจุถังน้ำมัน 78 ลิตร

ระบบเบรกใช้แบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ตามด้วยระบบกันสะเทือน ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ (Double-Wishbone) มอบความแม่นยำในการควบคุมทิศทาง ส่วนด้านหลังใช้ช่วงล่างแบบมัลติลิงก์ ช่วยสร้างสมดุลระหว่างสมรรถนะการควบคุมและความนุ่มนวลในการขับขี่อย่างลงตัว และหากเป็นรุ่นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบพาร์ตไทม์ เสริมด้วยระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและหลังควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า เพิ่มขีดความสามารถในการลุยเส้นทางทุรกันดาร

ขณะที่ชุดล้อ หากเป็นรุ่น 2.4T PRO จะใช้ล้อขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง Westlake ขนาด 265/60 R18 ส่วนรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD ขนาด 20 นิ้ว พร้อมยาง Continental ขนาด 265/50 R20

ภายในของห้องโดยสาร โดดเด่นด้วยบรรยากาศอันโอ่อ่าและหรูหราภายใต้แนวคิด “ห้องโดยสารอัจฉริยะ” ผสานความล้ำสมัยเข้ากับความสบายอย่างลงตัว ด้วยวัสดุพรีเมียมและการออกแบบพื้นที่ที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้งานในชีวิตประจำวันและการเดินทางร่วมกับครอบครัว

โดยทุกรุ่นย่อยของ NEW GWM TANK 500 DIESEL มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐาน ดังนี้

  • หน้าจอคู่ ประกอบด้วยหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบดิจิทัล TFT (TFT Digital Driving Display) ขนาด 12.3 นิ้ว หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียขนาด 12.3 นิ้ว ในรุ่น 2.4T PRO และขนาด 14.6  นิ้ว ในรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD รองรับการเชื่อมต่อแอปพลิเคชัน การเล่นเพลง และแสดงผลแบบแยกหน้าจอได้

  • ระบบชาร์จไร้สาย 50W พร้อมพอร์ต Type-A/C ด้านหน้า และ Type-A ด้านหลัง รองรับการชาร์จอุปกรณ์หลายชิ้นอย่างรวดเร็ว

  • เบาะนั่งออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างเดินทางไกล รองรับสรีระผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างลงตัว

  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมระบบกรองอากาศ N95 เพื่อคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารที่ดีต่อสุขภาพ

  • พื้นที่เก็บสัมภาระแบบยืดหยุ่น เบาะหลังพับได้แบบ 50:50 รองรับปริมาณสัมภาระสูงสุด 795 ลิตร
  • แพดเดิลชิฟต์บนพวงมาลัย เพิ่มความคล่องตัวในการควบคุมเกียร์ รองรับการขับขี่ที่หลากหลาย

และหากเป็นรุ่น NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA ขึ้นไปจะมีการเพิ่มอุปกรณ์ดังต่อไปนี้

  • ตกแต่งด้วยหนัง Nappa ระดับพรีเมียม มาตรฐานเดียวกับรถยนต์หรู เพื่อความรู้สึกพรีเมียมทั้งภาพลักษณ์และการใช้งาน

  • ระบบเสียงรอบทิศทางแบบพื้นฐาน จำนวน 12 ลำโพง ให้คุณภาพเสียงเหนือระดับ เสริมอรรถรสในการขับขี่

  • ระบบบันทึกตำแหน่งพร้อมระบบ Welcome seat ฟังก์ชันปรับเบาะไฟฟ้า 6 ทิศทาง พร้อม VIP สวิตช์ สำหรับเบาะผู้โดยสารด้านหน้า ช่วยให้ง่ายต่อการขึ้น-ลงรถ

  • ระบบเบาะนวดไฟฟ้า สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ลดความเมื่อยล้าระหว่างการขับขี่ พร้อมยกระดับความสบาย
  • หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา เพิ่มแสงธรรมชาติและมุมมองอันกว้างขวาง สร้างบรรยากาศโปร่งโล่งสบายภายในห้องโดยสาร

และท้ายสุด สำหรับ NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD ก็จะมีการเพิ่มระบบเบาะระบายอากาศ สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าและแถวสองเข้ามาเพื่อยกระดับความสบายของผู้โดยสารด้านหลังมากยิ่งขึ้น

นอกนั้น ตัวรถทั้ง 3 รุ่นย่อย มาพร้อมระบบอัจฉริยะที่ครอบคลุมทั้งด้านความบันเทิง ความปลอดภัย การขับขี่ และเทคโนโลยีล้ำสมัยต่าง ๆ อาทิ

  • ระบบอัปเกรดเฟิร์มแวร์แบบ FOTA (Firmware OvertheAir) รองรับการอัปเดตระบบเกียร์ อัตราเร่ง ระบบช่วยขับขี่ ความบันเทิง และการควบคุมภายในห้องโดยสารผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพโดยไม่ต้องเข้าศูนย์บริการ เช่น ปรับอัลกอริธึมโหมดออฟโรด และอัปเดตอินเทอร์เฟซของตัวรถ
  • ระบบสั่งการด้วยเสียง (Voice Interaction System) รองรับคำสั่งภาษาไทย และอังกฤษ สำหรับควบคุมเครื่องปรับอากาศ ซันรูฟ ระบบนำทาง และความบันเทิง
  • ระบบควบคุมรถจากระยะไกล (Remote Vehicle Control) ฟังก์ชันพื้นฐาน ได้แก่ สตาร์ทรถหรือดับเครื่อง จากระยะไกล, เปิด-ปิดแอร์, เปิด-ปิดประตู ปิดหน้าต่างและซันรูฟ, และตรวจสอบสถานะรถ เช่น แรงดันลมยาง และระดับน้ำมันเชื้อเพลิง
  • ฟังก์ชันด้านความปลอดภัย (Security Features) ประกอบด้วยระบบติดตามตำแหน่งรถ, การตั้งขอบเขตพื้นที่การใช้งาน (E-Fencing), และระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ (เช่น เช็กสถานะการเปิดประตู หรือหน้าต่าง)
  • ระบบอินเทอร์เฟซผู้ใช้งาน (HMI Interaction)
    • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA: จอคู่แบบอินเทอร์แอคทีฟ แสดงแผนที่แบบแบ่งหน้าจอ, การมิเรอร์สื่อมัลติมีเดีย, และข้อมูลโหมดออฟโรด
    • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD: หน้าจอ UI พิเศษสำหรับออฟโรด แสดงค่าความลาดเอียงภูมิประเทศ สถานะการล็อกดิฟเฟอเรนเชียล และโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการลุยเส้นทางสมบุกสมบัน

ระบบการช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบความปลอดภัยสำหรับการขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+

  • การขับขี่อัตโนมัติระดับ L2+ (Level L2+ Automated Driving) มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ช่วยเสริมความปลอดภัยและลดภาระผู้ขับขี่ในหลากหลายสถานการณ์ ได้แก่
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Full-speed Range ACC): รองรับความเร็ว 0–150 กม./ชม. คงระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันหน้า ช่วยลดความเหนื่อยล้าในการขับขี่และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานระบบช่วยเปลี่ยนเลน (LCA – Lane Change Assist): ตรวจจับรถที่อยู่ในจุดบอดของกระจกข้าง หรือรถที่วิ่งมาเร็วจากเลนข้างเคียง พร้อมแสดงไฟเตือนฝั่งที่มีความเสี่ยง เพื่อช่วยหลีกเลี่ยงการชนจากการเปลี่ยนเลน (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ ULTRA 4WD)ระบบเตือนการชนด้านหน้า (FCW – Forward Collision Warning): ช่วยลดความเสี่ยงจากการเบรกไม่ทัน เพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าระบบช่วยควบคุมให้อยู่ในเลน (LKA – Lane Keeping Assist): ช่วยปรับพวงมาลัยอัตโนมัติหากรถเบี่ยงออกนอกเลน เพื่อให้รถคงอยู่ในเส้นทางที่ปลอดภัย
    • ระบบควบคุมอัจฉริยะบนทางด่วน / ระบบช่วยในสภาพการจราจรติดขัด (HWA/TJA – Highway Assist / Traffic Jam Assist): ช่วยควบคุมรถทั้งในช่วงขับขี่ทางตรงยาวนานหรือในสภาพรถติด โดยรักษารถให้อยู่กลางเลน และตามความเร็วหรือระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างแม่นยำ ลดภาระผู้ขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยบนทางด่วน
  • ระบบความปลอดภัยเชิงรุก (Active Safety)
    • LDW (Lane Departure Warning): ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยตรวจจับเส้นจราจรผ่านกล้องแบบเรียลไทม์ หากรถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป และเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ระบบจะแจ้งเตือนผ่านเสียง ภาพ และการสั่นภายใน 0.5 วินาทีHSA (Hill Start Assist): ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ป้องกันรถไหลถอยหลังELK (Emergency Lane Keeping): ระบบช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่ามีรถใกล้เคียงในระหว่างเปลี่ยนเลน เพื่อหลีกเลี่ยงการชน เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในเมืองRCTA (Rear Cross-Traffic Alert): ระบบเตือนรถสัญจรขณะถอยหลัง โดยตรวจจับรถที่เคลื่อนที่จากด้านข้าง (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)RCTB (Rear Cross-Traffic Braking): ระบบเบรกฉุกเฉินขณะถอยหลัง หากผู้ขับไม่ตอบสนองต่อการเตือน ระบบจะเบรกอัตโนมัติเพื่อลดความเสี่ยงในการชน (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)MEB (Mild Off-Road Braking): ระบบเบรกอัตโนมัติในความเร็วต่ำ (≤8 กม./ชม.) ขณะลุยทางออฟโรด หากตรวจพบสิ่งกีดขวางด้านข้าง ระบบจะเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงการชน เหมาะกับสถานการณ์ลุยสุดขีดHDC (Hill Descent Control): ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ช่วยให้รถลงทางชันหรือพื้นที่ลื่นได้อย่างมั่นคง ลดภาระผู้ขับขี่EBD (Electronic Brake-force Distribution): ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ ตรวจสอบสภาพล้อแบบเรียลไทม์ เพื่อปรับแรงเบรกอย่างเหมาะสม เพิ่มความมั่นคงขณะเบรกBAS (Brake Assist System): ระบบเสริมแรงเบรกอัตโนมัติเมื่อผู้ขับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน เพื่อลดระยะเบรกและลดความเสี่ยงจากการชนRMI (Roll Movement Intervention): ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ โดยตรวจสอบท่าทางของรถอย่างต่อเนื่อง และลดแรงบิดรวมถึงเบรกอัตโนมัติเพื่อรักษาสมดุลTCS (Traction Control System): ระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อ โดยตรวจจับความเร็วของล้อขับเคลื่อน หากล้อหมุนฟรี ระบบจะปรับแรงบิดให้เหมาะสม เพื่อให้รถมีแรงยึดเกาะที่ดีขึ้นเซนเซอร์จอดด้านหน้า 6 จุด / ด้านหลัง 6 จุด: ตรวจจับสิ่งกีดขวางรอบคัน ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ระหว่างจอดรถ (เฉพาะรุ่น 2.4T ULTRA และ 2.4T ULTRA 4WD)ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 540°: ความละเอียดระดับเมกะพิกเซล แสดงภาพรอบคันแบบเรียลไทม์ เพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่และจอดรถ
    • TPMS (Tire Pressure Monitoring System): ระบบตรวจสอบแรงดันลมยางแบบเรียลไทม์ แสดงข้อมูลแรงดันและอุณหภูมิของยางแต่ละเส้น พร้อมแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติ
  • ระบบความปลอดภัยเชิงรับ (Passive Safety)
    • โครงสร้างตัวถังออกแบบในรูปแบบโครงนิรภัย (CageType) เพื่อสร้างช่องทางการถ่ายเทแรงกระแทกรอบทิศทาง ช่วยกระจายแรงปะทะได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริเวณโครงสร้างรับแรงหลักใช้เหล็กกล้าแรงดึงสูงพิเศษ (Ultra-High Strength Steel) ที่มีค่าความเค้นสูงสุด(Yield Strength) เกิน 1,500 MPa เพื่อลดการยุบตัวของหลังคาในกรณีเกิดแรงกระแทก
    • โครงสร้างหลังคาสามารถรองรับแรงกดได้สูงถึง 96.58 กิโลนิวตัน ขณะที่ตัวถังมีความแข็งแรงต่อแรงบิด (Torsional Stiffness) สูงถึง 23,076 นิวตันเมตร และความแข็งแรงต่อการดัดงอ (Bending Stiffness) 5,602 นิวตันเมตร ซึ่งสามารถทนต่อแรงกดบนหลังคาได้มากกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า
    • แชสซีแบบตัวถังบนเฟรมที่ใช้เหล็กกล้าแรงสูงเป็นพิเศษ ช่วยลดการยุบตัวของห้องโดยสารขณะเกิดการชน เสริมความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้โดยสาร
    • คอพวงมาลัยแบบยุบตัวดูดซับแรงกระแทกได้ (Crushable EnergyAbsorbing Steering Column) ช่วยลดแรงที่ส่งถึงคนขับเมื่อเกิดการชน ปกป้องความปลอดภัยของผู้ขับขี่อย่างมีประสิทธิภาพ
    • มาพร้อมถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย) โดยม่านนิรภัยใช้กระบวนการขึ้นรูปแบบ OPW (One-Piece Woven) เพื่อรักษาความดันลมอย่างมั่นคงและเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้อง
    • เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ 1 จุด (Dual Pretensioners) ช่วยรัดบริเวณเชิงกรานและหน้าอกของผู้โดยสารทันทีในช่วงเริ่มต้นของการชน ลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ
    • ฟังก์ชันปลดล็อกประตูอัตโนมัติและตัดระบบจ่ายน้ำมันเมื่อเกิดการชน: รถจะทำการปลดล็อกประตูโดยอัตโนมัติ เปิดไฟฉุกเฉินและไฟเบรก พร้อมตัดวงจรปั๊มน้ำมันทันที เพื่อหยุดการทำงานของเครื่องยนต์และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

ไฮไลท์สำคัญของ GWM TANK 500 DIESEL คือ เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร พ่วงเทอร์โบแปรผัน (VGT) เจนเนอเรชันใหม่ล่าสุด ทำงานร่วมกับชุดเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด (9AT) ให้กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร รองรับการเดินทางไกลด้วยระยะทางขับขี่รวมมากกว่า 1,000 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง

และยังมีโหมดการขับขี่สูงสุดถึง 8 โหมด นั่นคือ

  • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T PRO และ 2.4T ULTRA มาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ ได้แก่ โหมดปกติ, โหมดสปอร์ต และโหมดประหยัด
  • NEW GWM TANK 500 DIESEL รุ่น 2.4T ULTRA 4WD มาพร้อม 8 โหมดการขับขี่ ได้แก่
    • โหมด 2H, โหมด 4H, โหมด 4L, โหมดพื้นหิมะ, โหมดพื้นโคลน, โหมดพื้นทราย, โหมดพื้นหิน และโหมดผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรองรับทุกสภาพเส้นทางทั้งบนถนนและออฟโรดอย่างมั่นใจ
    • นอกจากนี้ รุ่น 2.4T ULTRA 4WD ยังยกระดับความคล่องตัวและความมั่นใจในการขับขี่ด้วยฟีเจอร์ล้ำสมัย อาทิ ระบบช่วยกลับรถในพื้นที่แคบ (Tank Turn), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติสำหรับทางออฟโรด (Off-road Cruise Control) ระบบล็อกเฟืองด้านหน้าและด้านหลัง (Front and Rear Differential Lock)

สิ่งสุดท้ายที่ต้องลุ้นกันต่อ คือเรื่องของราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ว่ามันจะต้องถูกวางจำหน่ายด้วยราคาที่ถูกกว่า GWM TANK 500 HEV แน่นอน เนื่องจากมันจะถูกยกขึ้นเป็นรุ่นท็อปสุด และมีเพียงรุ่น Ultra เท่านั้นให้ลูกค้าได้เลือกซื้อ

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.