Audi คืออีกหนึ่งแบรนด์ที่ก่อนหน้านี้เคยมีการประกาศปณิธานว่าจะผันตัวเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนเท่านั้นในอนาคตอันใกล้ แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนไป ทำให้ล่าสุดพวกเขาเลือกกลับลำแผนใหม่ และยังเผยอีกว่า อนาคตของเครื่องยนต์สันดาปภายในของแบรนด์ คงมีให้เห็นกันอีกยาวๆ

ย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ Audi เคยประกาศว่าจะผันตัวเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วนเท่านั้น ภายในปี 2033 โดยรถยนต์สันดาปโมเดลสุดท้ายที่ทางค่ายจะทำออกมา คือตัวรถที่กำลังจะเปิดตัวภายในช่วงกลางเดือนมิถุนายน ปี 2025 นี้ และจะเริ่มแผนการเปิดตัวแต่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนของแบรนด์ออกมาเรื่อยๆนับตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป
อย่างไรก็ดี จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อ Autocar เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ของนาย Gernot Döllner ระบุว่าทางค่ายได้มีการปรับแผนใหม่ โดยจะทำตลาดรถยนต์สันดาปภายในต่อไปถึงปี 2035 และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะขายต่อไปเรื่อยๆตราบใดที่ลูกค้ายังมีความต้องการ หรือไม่โดนรัฐบาลสั่งแบนไปเสียก่อน
“หลังจากที่เราได้เห็นว่าตลาดมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร, เราก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าเราจะยืดการทำตลาด(รถขุมกำลังสันดาปภายใน)ออกไปมากกว่าที่เราเคยสื่อสารไว้ในอดีต”

โดยการประกาศผันตัวเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนเท่านั้นก่อนหน้านี้ เป็นนโยบายภายใต้การบริหารของ Markus Duesmann ผู้บริหารสูงสุดคนก่อน จนกระทั้ง Gernot Döllner ได้เข้ามารับตำแหน่งช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2023 ในช่วงเวลาที่ Audi Q8 E-Tron ต้องถูกประกาศยกเลิกแผนการทำตลาดไป พร้อมกับการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าลง เนื่องจากยอดขายหดตัวอย่างหนัก
ในขณะเดียวกัน สำหรับปี 2025 โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรกดูเหมือนพวกเขาจะสามารถทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของแบรนด์ได้ดีขึ้นเป็น 46,371 โดยทำตัวเลขดีกว่ายอดของปี 2024 ในช่วงเวลาเดียวกันถึง 30.1% และทางค่ายยังมีแผนจะลุยตลาดต่อด้วยรถยนต์ไฟฟ้าล้วนไซส์เดียวกับ Audi A3 ในปีหน้า โดยที่ในปีนี้ก็มีการปรับลดราคาของ Q4 E-Tron ลง เพื่อดึงดูดใจลูกค้าให้มาจับจองรถของตนเองเพิ่มขึ้นอีก
ส่วนรถยนต์สันดาปภายในเอง ก็พึ่งมีการเปิดตัวโฉมปรับใหม่ไปหลากหลายโมเดลด้วยกัน ไม่ว่าจะ A5, A6 หรือล่าสุด Q3 ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีแนวโน้มสูงว่าจะถูกทำตลาดต่อเนื่องไปจนถึงปี 2030 เป็นอย่างน้อย และทั้งหมดก็จะมีรหัสตัวแรง S และ RS ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อดังเดิม
ส่วน Audi จะปรับตัว รับมือกับมาตราการห้ามใช้ ห้ามขายรถยนต์ขุมกำลังสันดาปภายใน ในปี 2035 ของสหภาพยุโรปอย่างไร ก็ยังไม่มีใครทราบ
แต่หากมองจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ก็มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะเลือกใช้วิธีค่อยๆลดปริมาณการผลิต และการทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้ลงไปทีละนิดๆ โดยอาจจะยังคงทำตลาดรถยนต์กลุ่มนี้ในประเทศที่ไม่ได้ใช้เงื่อนไขด้านมลพิษแบบเดียวกับสหภาพยุโรปต่อไปจนกว่าจะไม่มีใครต้องการจริงๆ และไม่ได้รีบร้อนตัดสินใจ ตัดจบเหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา
โดยในปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าผู้ผลิตยุโรปหลายแบรนด์ ที่เคยมีการประกาศผันตัวเป็นผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าล้วนเท่านั้น ในระหว่างปี 2027-2030 ณ เวลานี้พวกเขาก็เลือกปรับแผนการใหม่กันหลายค่าย เพื่อให้สอดรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นว่าสุดท้ายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็ไม่ได้เติบโตเร็วอย่างที่คิด
และเทคโนโลยีทั้งที่เกี่ยวข้องกับตัวรถเอง หรือระบบสาธธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆประเทศก็ไม่ได้ขยายตัวจนเอื้อต่อการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าต่อผู้คนได้แพร่หลาย ง่ายดายรวดเร็วอย่างที่คาดการณ์เอาไว้
เว้นก็เพียง BMW ที่ไม่เคยประกาศตัวว่าจะยกเลิกการทำตลาดรถยนต์สันดาปภายในเมื่อไหร่ จึงทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียหน้าอะไร แม้ว่าในตอนนี้พวกเขาจะเป็นแบรนด์ที่ขายรถยนต์ไฟฟ้าได้ดีที่สุดในหมู่แบรนด์ผู้ผลิตจากสัญชาติยุโรปก็ตาม