หลังการประกาศหาผู้ร่วมสนับสนุนด้านเงินทุนมานานนับครึ่งปี จนตอนนี้กลับยังไม่มีใครเลยที่จะเป็นผู้ยื่นมือช่วยตัวจริง และทำให้ Nissan ต้องดิ้นรนกู้สถานการณ์วิกฤตด้านการเงินของตนเองให้ได้ ซึ่งล่าสุดก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการลงทุนขายตึกสำนักงานใหญ่เพื่อระดมทุน

จากข้อมูลโดยสื่อญี่ปุ่น Nikkei Asia ระบุว่าในเอกสารทรัพสินย์ที่ทาง Nissan ขึ้นรายการปล่อยขายเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หนึ่งในนั้นมีการระบุชื่อตึกสำนักงานใหญ่ของ Nissan ที่ตั้งอยู่ในเมืองโยโกฮาม่า ใกล้กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นด้วย และล่าสุดทาง Ivan Espinosa ผู้บริหารคนใหม่ล่าสุดของบริษัทก็ได้ประกาศขายมันอย่างเป็นทางการแล้ว

โดยแม้จะเป็นการประกาศ ที่ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะชนมากนัก แต่ก็มีข้อมูลระบุว่า บริษัท Nippon Hoso Kyokai ซึ่งก็คือบริษัทช่องโทรทัศน์แห่งประเทศญี่ปุ่น กำลังให้ความสนใจในตึกของ Nissan ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 2009 ตั้งอยู่บนถนน มินาโตะ-มิราอิ 21 เมืองโยโกฮาม่า ไม่ไกลจากโตเกี่ยวมากนัก และมีราคาอยู่ที่มากกว่า 100,000 ล้านเยน หรือราวๆ 23,000 ล้านบาท แห่งนี้อยู่

แต่ถึงทาง Nissan จะขายตึกสำนักงานใหญ่ไป ทว่าพวกเขาอาจจะยังคงตั้งสำนักงานอยู่ในตึกดังกล่าวดังเดิม โดยทำสัญญาเช่าใช้กับเจ้าจองตึกใหม่แทน เพื่อให้บริษัทไม่เกิดการสะดุดในการบริหารงาน และพนักงานก็ไม่ต้องเดือดร้อนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากไปกว่านี้

และเหตุการณ์ในลักษณะนี้ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งกับ McLaren ที่เคยประสบปัญหาด้านเงินทุนหนักเหมือนกัน จนต้องขายตึกสำนักงานใหญ่ที่กำลังสร้าง เพื่อลดภาระหนี้สิน แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังคงตั้งสำนักงานใหญ่แห่งดังกล่าว โดยจ่ายเงินค่าเช่าให้กับเจ้าของใหม่ไปด้วยนั่นเอง

โดยการประกาศขายตึกสำนักงานใหญ่ ยังไมใช่แค่การบ่งบอกถึงระดับความเสียหายด้านวิกฤตการเงินที่หนักหนาสาหัสของ Nissan เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พวกเขายังประกาศปิดโรงงานของตนเองถึง 7 แห่งด้วยกัน โดย 2 แห่งในนั้นคือโรงงานในประเทศญี่ปุ่นเอง นั่นคือโรงงานในเมือง โอปปามะ และ โชนัน ซึ่งการปิดโรงงานทั้งหมดนี้ จะทำให้มีพนักงานกว่า 20,000 ตำแหน่งต้องถูกปลดภายในสิ้นปีนี้

นอกนั้นทาง Nissan ยังได้ทำการปรับแผนงานธุรกิจใหม่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น การพักแผนพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์โมเดลใหม่ถึง 6 แพลตฟอร์ม, เลิกแผนการพัฒนารถยนต์โมเดลใหม่ 7 รุ่น, ลดความซับซ้อนในการผลิตและการบริหาร 70%

ยังไม่นับรวมการที่หลังๆมานี้ ทางค่ายเลือกที่จะนำเอารถของบริษัทคู่ค้าอย่าง Renault มาตัดแปะชิ้นส่วน ปรับงานดีไซน์แล้วใส่โลโก้แบรนด์เข้าไป เพื่อลดต้นทุนในการสร้างรถโมเดลใหม่ให้น้อยลงไปอีก และยังมีการจับมือกับบริษัทคู่ค้าในจีน ให้ช่วยพัฒนารถอย่าง Nissan N7 และ Nissan Frontier Pro ร่วมกันโดยที่บริษัทจีนอย่าง Dongfeng มีส่วนร่วมในการใช้เทคโนโลยีของพวกเขามาทำรถยนต์ 2 โมเดลใหม่นี้มากขึ้นอีก

ทั้งหมดนี้ก็ยิ่งเป็นการบ่งบอกได้ดีว่าทาง Nissan กำลังทำงานอย่างหนักเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงานต่างๆลงและรักษาบริษัทด้วยตัวเองให้ได้ หลังจากที่ไม่สามารถปิดดีลกับ Honda และต้องล้มเลิกแผนงานกันไปอย่างไม่มีทางหวนคืน