หลังจากยุโรปและอเมริกาเปิดตัวรุ่นปรับโฉมสำหรับ Toyota Corolla Cross กันไปแล้วคราวนี้ถึงคิวของญี่ปุ่นที่ต้องเปิดตัว

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มไลน์อัพใหม่ Toyota Corolla Cross GR Sport เน้นความสปอร์ตเข้มคล้ายเวอร์ชันยุโรปและรุ่นปกติยกหน้าตาจากไทยมาทั้งหมด
เริ่มที่รุ่น GR Sport ผสมผสานความเป็น Toyota GR Corolla ด้วยหน้าเข้มตั้งแต่ไฟหน้าโคมใหม่ LED พร้อมไฟ Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding มีไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential บนขอบไฟหน้า
รับกับกระจังหน้า Hammerhead กริตเตอร์ขอบใหญ่ทึบสีดำดีไซน์เอกลักษณ์สีเดียวกับตัวรถ กันชนหน้าถอดแบบมาตจากรุ่น GR Corolla ออกแบบช่องระบายอากาศดีไซน์ใหม่ให้กรอบด้านข้างซ้าย-ขวาช่องใหญ่ขึ้นเป็นแนวตั้งถึงสองช่อง ช่องระบายอากาศส่วนกลางบนและล่างออกแบบหลอมรวมกับกรอบด้านข้างให้เป็นหนึ่งเดียว
หลังคารถและกระจกมองข้างทรงสปูนตกแต่งสีดำ ไฟท้าย LED รูปตัว C โคมใหม่ดูดุดันขึ้นและล้ออัลลอยลายทูโทนใหม่ ขนาด 19 นิ้ว สีทูโทนเทาดำ Storm Grey
รุ่นปกติปรับหล่อเช่นตั้งแต่ไฟหน้าแบบ LED ใหม่พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน Daytime Running Lights LED แบบ Light Guiding พร้อมไฟเลี้ยววิ่งแบบ Sequential บนขอบไฟหน้า กระจังหน้าตัวเด่นมีช่องระบายอากาศดีไซน์รังผึ้งพร้อมโลโก้สามห่วง สีเดียวกับตัวรถ พร้อมการตกแต่งกระจังหน้าแบบผสมกับสีตัวรถและโครเมียม รับกับกันชนหน้าสีทูโทนพร้อมไฟตัดหมอกหน้า LED อยู่ตำแหน่งเดียวกับช่องระบายอากาศ ไฟท้าย LED Light Guiding สีขาวแดงรูปตัว C โฉบเฉี่ยวกว่าไทยและล้ออัลลอยลายทูโทนใหม่ ขนาด 17 นิ้วและขนาด 18 นิ้ว
ภายในตกแต่งตามความแตกต่างของแต่ละรุ่นครบครันด้วยจอสัมผัสอินโฟเทนเมนต์ขนาด 10.5 นิ้ว รองรับการไร้สายทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto ช่องเสียบ USB Type C พร้อมลำโพง 6 จุด
มาตรวัดความเร็วแบบสี TFT ขนาดใหญ่เต็มจอ 12.3 นิ้ว สามารถปรับแต่งได้หลากหลายสไตล์ปรับได้ตามความชอบกับหน้าจอ 4 สไตล์ Casual, Smart, Tough, Sporty พร้อมไฟสร้างบรรยากาศภายใน Ambient Light อัปเกรดใหม่เพิ่มสีสันมากขึ้นรวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน 3 ก้าน
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone ปรับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา พร้อมช่องระบายอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ (Push Start) พร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Entry) เบรกมือไฟฟ้าพร้อม Auto Hold ที่วางแก้วน้ำ ช่องต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมหลังคาพาโนรามิกมูนรูฟกระจกแบบ Frameless พร้อมม่านเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
เบาะนั่งกึ่งหนังแท้สีดำ เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมระบบระบายอากาศคู่หน้า พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับเอนได้ 6 องศา เบาะนั่งด้านหลังแยกพับได้แบบ 60:40 พนักวางแขนด้านหลัง
รุ่น GR Sportตกแต่งแผงคอนโซลหน้าสีดำ Piano Black พวงมาลัย และเบาะหนังทรงสปอร์ตใหม่ทรงเดียวกับรุ่น GR Corolla หุ้มด้วยหนัง BRIN NAUB® และหนังสังเคราะห์ เดินตะเข็บด้ายสีขาว พนักพิงศีรษะ ฐานก้านพวงมาลัยตกแต่งด้วยโลโก้ GR และชุดคันเร่ง เบรก อะลูมิเนียมสีเงิน
มาครั้งนี้ขายฟูลไฮบริดตัดสันดาปล้วนออกจากสารระบบ ด้วยขนาด 2.0 ลิตร Dynamic Force Hybrid ภายใต้รหัส M20A-FXS ให้กำลัง 152 แรงม้า แรงบิด 188 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้า 1VM กำลัง 113 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตรและ มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหลัง 1WM ให้กำลังมากถึง 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตร ในรุ่น E-Four
ทำงานร่วมกันให้พลังมากสุด 200 แรงม้า ขณะที่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีขนาดความจุ 1.404 kWh (6.5Ah) เป็นระบบ Hybrid เจเนอเรชันที่ 5 พัฒนาใหม่ตัวแบตเตอรี่ให้มีน้ำหนักเบาและกะทัดรัดยิ่งขึ้น ติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งด้านหลังลดการเสียพื้นที่ของห้องโดยสารมาเฉพาะรุ่น GR Sport
และขุมพลังฟูลไฮบริด 1.8 ลิตร รหัส 2ZR-FXE 98 แรงม้า แรงบิด 142 นิวตันเมตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าล้อหน้ารุ่น 1VM 95 แรงม้า แรงบิด 185 นิวตันเมตร และหลังสำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ E-Four รุ่น 1WM 41 แรงม้า แรงบิด 84 นิวตันเมตร ได้แรงม้ารวม 140 แรงม้า พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 0.83 kWh
ทั้งคู่จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT พร้อม Paddle Shift เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four มีโหมดการขับขี่ทั้ง EV, POWER, NORMAL ECO MODE และเพิ่มโหมด Snow Extra สำหรับการขับขี่ในสภาพอากาศฤดูหนาวเฉพาะรุ่น E-Four
ช่วงล่างด้านหน้ามาแบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง คอยล์สปริง ช็อคแอบซอร์บเบอร์ทั้งหน้าและหลัง โดยรุ่น GR Sport ปรับช่วงล่างสปอร์ตให้ตัวรถโหลดเตี้ยลงอีก 10 มิลลิเมตร พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electric Power Steering) และ ช่วงล่างอิสระ 4 ล้อ ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ E-Four
พร้อมความปลอดภัยใหม่ระบบไฟเลี้ยวส่องพื้น Signal Road Projection (SRP) สำหรับเตือนคนเดินถนนให้มองรถอย่างปลอดภัย และ Toyota Safety Sense 3.0
Toyota Corolla Cross รุ่นปรับโฉมขายญี่ปุ่น 4 สิงหาคม ทั้งรุ่น G,S และ Z และ GR Sport 2.0 เริ่ม 2,760,000-3,895,000 YEN หรือราว 634,000-894,000 บาท