10 กว่าปีทีผ่านมากระแสความนิยมรถยนต์ประเภทรถอเนกประสงค์ หรือ SUV ไม่ได้เสื่อมถอยลงไปตาม่ี่หลายคนคาดคิด แถมในโลกยุคใหม่ มันยิ่งได้รับความสนใจ จากระบบขับเคลื่อนใหม่ๆไฮบริด รวมถึงไฟฟ้า ด้วย
ทุกครั้งที่เราจะซื้อรถสักคัน มั่นใจว่า ต้องมีสักครั้งที่คุณอาจจะคิดว่ าเราควรซื้อ SUV , รถอเนกประสงค์ดูคุ้มทีุ่สดเหมาะที่สุด ทั้งลุยได้ คันใหญ่ นั่งสบาย มีความทันสมัย เดี่ยวนี้ก็มีทั้งทรงสปอร์ตทรงหรู ขับไปไหน ก็ดูอินเทรนด์ เมินรถเก๋งที่เคยเป็นพระเอกในวันวาน
รถยนต์อเนกประสงค์ กลายเป็นตัวเลือกคุ้มที่สุดทันที เมื่อมองรถใหม่ นั่นก็ไม่แปลก แต่ถ้าเราหยุดเอาอารณ์และความอยากได้มาเป็นที่ตั้งในการซื้อรถคันใหม่สักครู่ แล้วสำรวจความต้องการของเราจริงๆ และกับคำถามว่าทำไมเราซื้อรถใหม่ คุรอาจจะได้คำตอบที่ค่างออกไปว่า ซื้อรถทั้งทีไม่ต้อง SUV ก็ได้
SUV คันเดียวครบ จบได้
หลายครั้งที่มีคนมาปรึกษาว่า จะซื้อรถคันใหม่เป็นรถอเนกประสงค์ ผมเข้าใจพวกเขาทันที หลายคนโดยเฉพาะคนไทยมองว่า เหลือดีกว่า มีไว้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี
รถ SUV มีเรื่องแบบนี้อยู่มาก ซึ่งคำว่า SUV หรือ “Sport Ultility Vehicle” ดั้งเดิมหมายถึงรถที่พร้อมลุยอยู่แล้ว จนกระทั้งมันแตกไลน์มาเป็นโครงสร้างแบบเก๋ง จุดเด่นทางด้านความสามารถในการลุยก็ยังอยู่
ยิ่งเมื่อไทย เดี๋ยวดีเดี่ยวร้าย เผลอแวบเดียวฝนตกน้ำท่วมสูง รถเก๋งลุยก็เสี่ยงกว่า คนจำนวนไม่น้อยจึงมองว่า รถแบบนี้แหละเวิร์คเลย
อีกข้อที่เรามักได้ยินบ่อยๆ เหมือนกัน คือมันซับแรงกระแทกจากถนนได้ดีกว่า นั่นมาจากตัวรถที่ออกแบบมาให้สมบุกสมบัน ในพื้นฐานเดียวกับเก๋ง พอเปลี่ยนมาเป็น SUV จะมีการเปลี่ยนโช๊คอีพ ละชุดช่วงล่างที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้การซับแรงดีกว่ามาก
สำคัญกว่านั้น ในสายตาคนรุ่นใหม่ รถแบบนี้มันค่อนข้างดูดี แถมมีตัวเลือกมากมาย จะไปสายไหนก็มีให้ดน ทั้งสายสปอร์ต, สายบู้ , สายหรู รถแบบนี้ปัจจุบันมีตอบโจทย์ทุกความต้องการ หลายขนาด และช่วงราคาตามกำลังงบประมาณ ผิดกับเก๋งที่กำลังโรยรา มีตัวเลือกน้อยไปนิด เมื่อเทียบกับรถที่มีวางจำหน่ายในตลาดปัจจุบัน
นี่เองเป็นเหตุผลหลักๆที่ทำให้ รถอเนกประสงค์ยังคงอยุ่ได้ และติดลมบนเอาง่ายๆ ถ้าทำสเป็คออกมาถูกใจ อย่างที่เกิดขึ้นกับ Tank 300 ดีเซล เดิมทีคนชอบทรงละ แต่ยังขัดใจว่าเป็นไฮบริดที่ไม่ประหยัด
พอมีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลออกมา ขายจนผลิตแทบไม่ทัน ทำเอาคนจีนงง เอ้าขายมาตั้งนาน มาโป๊ะแตกเพราะรถน้ำแกงตอนนี้มันถูกจริตกับความคุ้มชินคนไทยเสียแบบนั้น
แล้วข้อไม่ดีล่ะ?
แน่นอนว่า ทุกอย่างมีมุมมอง 2 ด้านครับ ในด้านที่ต้องพิจารณารถยนต์อเนกประสงค์ มีหลายหัวข้อ แต่ทุกคนมักจะรู้ไม่เท่าทัน หรือกว่าจะรู้ก็คือใช้รถจนต้องดูแลรักษาจริงๆจัง ยามรถอายุอานามมากขึ้น
ประเด็นแรก คือ ด้วยตัวรถออกแบบมาก้ำกึ่งทรงลุย หรือบางรุ่นอาจลุยจ๋าๆ ค่าใช้จ่ายในการดูลแจะค่อนข้างสูงกว่ารถเก๋งและ MPV อย่างชัดเจน โดยเฉพาะสิง่ที่เราต้องเปลี่ยนประจำ อย่างยางรถยนต์นี่แหละครับ ตัวดีเลย เปลี่ยนยางเก๋งในขนาดล้อเท่ากัน อาจ 4 เส้น 10,000-14,000 บาท คุณได้ยางดีมีชาติสกุลไว้ใช้
กลับกันพอเป็น SUV ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบราคายางมักจะพุ่งเป็นจรวดทันที เปลี่ยนที มีกำเงินไว้ตั้งแต่หมื่นกงางไปจนถึง 20,000 บาท สำหรับยางแบรนด์ชั้นนำ
เรื่องต่อมา ที่ต้องบอกตรงนี้เลย คืออย่างหวังว่ามันจะขับดีแบบรถเก๋ง
ยิ่งหลายคน ก่อนมาซื้อ SUV อาจผ่านมือ Eco car มาก่อน แม้เครื่องจะไม่แรง แต่รถเก๋งทั้งหมดมักจะเป็นรถที่ขับแล้วมั่นใจ บางยิ่งยี่ห้อ ขับแล้วโคตรดูดถนน เพราะ ความสูงของรถจากถนนไม่มากมายนัก ทำให้เวลาเราขับ โดยเฉพาะใครที่เป็นสายใช้ความเร้ว จะรู้สึกว่า มันเกาะถนนดีมาก และยิ่งเห้นผลชัดเวลาเข้าโค้ง
กลับมาที่รถอเนกประสงค์ แม้มันจะไมีความสูงเพิ่มจากเก๋งราวๆ50-60 มม. แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อ ฟังดูไม่ได้มากมายอะไร เมือนับถึงความสูงจากพื้นถึงท้องรถ ทว่าด้วยโครงสรา้งรถที่ออกแบบมาเป็นรถที่เน้นในความสบายในห้องโดยสารเป็นหลัก
โครงสร้าวตัวถังส่วนใหญ่จึงมักออกแบบมาให้มีความโปร่งกว่ารถเก๋ง จะมีเพียงไม่กี่รุ่นที่อาจจะจับโครงสร้างรถเก๋งมำทำ หรือ แชร์พื้นฐานมาใช้ร่วมกัน อาทิเช่น Subaru XV
ดังนั้นเมื่อเราขึ้นขับรถเก๋ง เราจะพบได้ในทันที ว่า มันมั่นใจ พอย้ายตัวเองมาขับรถยนต์อเนกประสงค์ เราจะค้นพบว่า มันกลับทำได้ดีไม่เท่า ยิ่งพวกรถแบบ Body On Frame จำพวกรถ PPV ขับแล้วโย่งและรถค่อนข้างเหวี่ยงกว่า เวลาแซง หรือเข้าโค้ง
ไม่เพียงเท่านี้ นอกจากปัจจัยทางด้านความสูงแล้ว น้ำหนักตัวรถ ก็มีผลมหาศาลกับการขับขี่ แม้ว่า หลายคนอาจจะมองว่า รถมันเครื่องเดียวกัน แค่ล้อใหญ่ยางสูงไม่มีผลอะไรรึเปล่า
คิดผิดให้คิดใหม่ครับ ทั้งหมดมันอยู่ที่โครงสรา้งตัวถังเหมือนเดิมเลย ตัวถังใหญ่ขึ้นแม้จะเล็กน้อย สูงขึ้นเล็กน้อย = ใช้เหล็กเพิ่มขึ้น และคือมวลมากขึ้น
ยิ่งกับรถประเภทมีโครงสรา้งบอดี้แชสซีแยกหัน แบบพวก PPV นั้น ยิ่งไปอีกขั้นเลยครับ หลายคันน้ำหนักจ่อจะทะลุ 2 ตัน บางรุ่นทะลุไปแล้ว ทำให้รถมีความหนัก ผู้ขับสามารถรู้สึกได้ถึงความอุ้ยอ้ายของมัน ในเวลาขับขี่ และแน่นอนมีผลต่ออัตราประหยัดด้วย
ถ้าจะพูดกันตามจริง อัตราประหยัดไม่ได้มีในแง่ของน้ำหนักเท่านั้น ที่มีผล ความสูงของรถก็เช่นกัน ยิ่งสูงมากยิ่งลมปะทะเยอะ เวลาขับขี่ = มีความต้านลม ต้องยิ่งออกแรง หรือเหยียบคันเร่งมากขึ้นตามลำดับเป็นเงาตามตัวครับ
ส่วนสุดท้าย คือ สิ่งที่อยากฝากไว้ให้คิด ก็คืด ชีวิตจริงเราใช้ศักยภาพมันแค่ไหน
ด้วยประโยคที่ผมบอกว่า “มีไว้ใช้ไม่ได้ใช้ ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี” รถ SUV ภาพลักษณ์ของมันที่จริงคือการลุย ฝ่าฟันอุปสรรคได้ดีกว่ารถเก๋ง และรถแบบอื่นที่มีในท้องตลาด
คุณรู้สึกยิ้มกริ่มเวลาขับรถแล้วเจอน้ำท่วมขัง เวลาไปบ้านต่างจังหวัด แล้วผ่านทางลูกรังแบบไม่รู้สึกว่า กำลังทรมาณรถ
แต่ถ้าสารบบชีวิตคุณ 70-80% อยู่ในเมือง ไม่ได้ออกเดินทางบ่อยครั้ง หรือไปเที่ยวก็นัั่งเครื่องบินไป ถ้าแบบนี้รถอเนกประสงค์ จะให้ประโยชร์ได้แค่หน้าฝน ฝนตกน้ำท่วมเท่านั้นมันผ่านไปได้กว่ารถเก๋ง เท่านั้น คิดดูแล้วก็ไม่คุ้มค่า
ยิ่งท่าผู้อ่านคนไหน ชีวิตยังโสด มีแฟนไม่มีลูก อาจมีพ่อแม่ไปเที่ยวด้วยบ้างเป็นครั้งคราว และมองว่า ซื้อรถคันหนึ่งใหญ่ๆให้ผู้ใหญ่นั่งโดยสารไปด้วยดีกว่า มันต้อง รถอเนกประสงค์ สิจะได้นั่งสบาย
บอกเลยครับ รถอเนกประสงค์ส่วนใหญ่ ด้วยรากแก่นมันมาจากคำว่า “สปอร์ต” ช่วงล่างมันไม่สบายเท่าเก๋ง อาจมีบางรุ่นที่เขาเซทมาทางเฟิร์มนุ่ม เน้นความมั่นใจในการขับขี่ แต่ถ้าเอานั่งสบายจริงๆ รถเก๋ง ทำได้ดีกว่า เอาเน้นนั่งจริงๆ ขับไม่เร็วมาก รถแบบ MPV พวกทรงกล่องทรงตู้ดีกว่า
แถมรถอเนกประสงค์ทำให้ต้องจ่ายแพงกว่า โดยไม่จำเป็น และ เมื่อเทียบกับพื้นที่ในการโดยสาร ค่อนข้างน้อยกว่า MPV พอสมควร แม้มันจะใหญ่กว่ารถเก๋ง ซึ่งถ้าเทียบ อย่างสมมุติ เดิมใช้ Honda City จะซื้อคันใหม่ คุณชายตาไปยัง Honda CR-V รถมันคนละคลาส มันก็ย่อมใหญ่กว่าอยู่แล้ว
ถ้าเทียบในคลาสใกล้เคียงกัน อาทิ Honda City Vs Honda HR-V มันแทบไม่ต่างกันเลย แค่คุณจ่ายต่างกันราวๆ แสนกว่าบาท เมื่อเทียบกับ รุ่นไฮบริดธรรมดาเปรียบเทียบกัน
นั่นนำมาซึ่งค่าผ่อน , การวางเงินดาวน์ และอีกมากมาย อาทิ ค่าดูแลรักษา นั่นยังรวมถึงค่าน้ำมันในแต่ละเดือนที่คุณต้องจ่ายไปด้วย อย่างในกรณี City e:HEV vs HR-V e:HEV แม้จะเป้นเครื่องยนต์เดียวกันและยังประหยัด แต่ถ้าเรามาวัดกันจริงๆ จะพบว่า อัตราประหยัด รถอเนกประสงค์ จะกินกว่าอยู่ราวๆ1-2 ก.ม./ลิตร ฟังดูไม่ใช่เยอะมากก็จริง แต่อาจเป็นเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกราวๆ 1,000 บาทต่อเดือนโดยไม่รู้ตัว
ที่สำคัญ คนไทยจำนวนมากเลือกซื้อรถอย่าง Corolla Cross, HR-V, H6 เพราะเชื่อว่านี่คือคำตอบที่คุ้ม แต่หลายครั้งการเลือกแบบนี้เป็นเพราะความเคยชินทางตลาดมากกว่าการวิเคราะห์ต้นทุนแท้จริง
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะ สบถระหว่างอ่านบทความว่า “ก็เงินของฉันมายุ่งอะไร” บทความนี้ และสิ่งที่ผมเล่า อยากให้ทุกคนลองฉุกคิด ชั่งใจรถคันใหม่ที่จะซื้อ กับวิธีการใช้ชีวิตของตัวเองว่า มันตอบสนองต่อความต้องการเราจริงๆ หรือไม่เท่านั้น ครับ
ไม่ใช่ว่า จะซื้อรถใหม่ ด้วยกระแสสังคมรถคันต่อไปฉันต้องซื้อ “รถอเนกประสงค์” อย่างเดียว บางทีชีวิตเราแค่เก๋งก็พอ หรือ มองไปมองมาจริง MPV อาจจะตอบโจทย์กว่า ก็ได้ ครับ อย่าไปปิดกันความคิดตัวเอง หรือพุ่งเป้าไป
ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจไม่สู้ดีแบบนี้ เลือกรถที่คุ้มค่าใช้ได้ยาวๆ จะดีที่สุด คุณอาจเปลี่ยนรถอีกทีในยุคหน้าที่รถยนต์ไฟฟ้าตอบสนองได้ดีแล้ว
“แล้วคุณล่ะคิดว่า SUV คุ้มสุดจริงไหม?
หรือแค่ถูกโฆษณาหรือ โซเชี้ยลพาคุณให้เชื่ออย่างนั้น?”
บทความนี้เป็นการนำเสนอในเชิงวิเคราะห ช่วยคิด และตัดสินใจ เท่านั้น ทุกการตัดสินใจของคุณในการซื้อควรอยู่บนพื้นฐานที่เข้าใจในสิ่งที่ตัดสินใจดีที่สุด
เรื่องโดย ณัฐพิพัฒน์ วรโชติโกศล