Home » GWM Hi4 ระบบขับสี่เสียบปลั้ก ของเล่นใหม่ GWM
ข่าวสารยานยนต์ ข่าวในประเทศ

GWM Hi4 ระบบขับสี่เสียบปลั้ก ของเล่นใหม่ GWM

ช่วงเดือนที่ผ่านมา เราอาจจะได้ยินว่าทางค่าย GWM นำเสนอเครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งแรกในประเทศไทย นับเป็นการเดินในทิศทางใหม่ หลังจากก่อนนหน้านี้เดินในทางของ xEV มาโดยตลอด

การปรับทิศทางใหม่ในไทยนั้น เพื่อให้ตรงกับตลาดที่มีการแข่งขันกันสูง GWM ต้องการสิ่งที่เข้ามาขายแล้วปัง เครื่องยนต์ดีเซลเป็นสิ่งที่ค่ายจีนรายอื่นยังไม่ทำออกมาขาย แต่ในงานเซี่ยงไฮ้มอเตอร์โชว์ ทางค่ายนี้ได้นำเสนอจุดยืนใหม่ และหนึ่งในเทคโนดลยีที่นำเสนอ ก็คือระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฮบริด

ระบบนี้ใช้ชื่อว่า Hi4 ย่อมาจากคำว่า Hybrid intelligent 4WD ซึ่งในตอนนี้ได้พัฒนาออกมาเป็นรุ่นที่สอง หลังจากเคยนำเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้

แนวคิดของ Hi4 ในเวลานี้มีความแตกต่างจากรุ่นเดิม ด้วยการเล็งเห็นจุดบอดในระบบเดิม ที่เคยนำเสนอตั้งเแต่ปี 2023 และทางค่ายได้วางแนวคิดนำเสนอจุดขายใหม่ วางมาตรฐานให้ในอนาคตรถยนต์ภายใต้แบรนด์ GWM จะมีจุดยืนสำคัญ 2 อย่าง คือ เป็นไฮบริดและขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ จะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่มุ่งสร้างความปลอดภัย และความมั่นใจในการขับขี่ ทำให้แนวทางของแบรนด์ในเวลานี้ค่อนมาทางแบรนด์ ญี่ปุ่นอย่างซูบารุ ที่วางทิศทางแบบนี้มานาน ตั้งแต่นำเสนอระบบขับเคลื่อนสี่ล้อในปี 1972 จนปัจจุบัน

อะไรคือจุดต่างของ Hi4 สิ่งสำคัญ คือ ทาง GWM วางหมากให้ระบบมีความสามารถ ตอบโจทย์ตามความต้องการใช้งานที่แตกต่างกัน โดยเอาพื้นที่ในการขับขี่มาใช้แบ่งการนำเสอนระบบขับเคลื่อน โดยแบ่งเป็น

ระบบ Hi4 สำหรับการใช้งานในเมือง หรือการใช้งานทั่วไป
ระบบ Hi4 สำหรับการใช้งานออฟโรดที่ไม่ได้โหดหินมากนัก
ระบบ Hi4 สำหรับการใช้งานออฟโรดสำหรับสายลุย ที่ต้องการอาวุธครบครัน

ระบบแต่ละแบบ ที่ออกแบบ จึงมีความแตกต่างกัน

ระบบแรก เราเรียกว่า Hi-4 ปกติ ระบบนี้จะนำเสอน สำหรับรถเน้นใช้งานในเมือง โดยติดตั้ง เครื่องยนต์แบบแนวขวาง หรือ Tranverse ร่วมกับมอเตอร์เสริมกำลังทางด้านหน้า และ ย้ายมอเตอร์ขับเคลื่อนตัวหลักมาไว้ทางด้านหลังอีกตำแหน่ง

จุดสำคัญ คือระบบขับเคลื่อน ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนได้โดยใช้การขับเคลื่อนจากมอเตอร์หลังเป็นหลัก และใช้ในการขับเคลื่อนแบบผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องยนต์ในรูปแบบคู่ขนานทางด้านหน้า รวมถึงใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนโดยตรงได้ด้วยในจังหวะที่ไฟฟ้าอยู่ในระดับต่ำ และ เพื่อความปลอดภัย ในกรณีเข้าโค้งหรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน ระบบจะสามารถสั่งให้มอเตอร์หลังทำงานร่วมด้วยได้ทันควัน

จากการใช้งานในเมือง มาสู่การใช้งานในแบบ ทางลุยนิดหน่อย ซึ่งทาง GWM เรียกระบบนี้ว่า Hi4-Z ยังไม่รู้ว่า Z ย่อมาจากอะไร แต่จุดเด่นของระบบนี้ คือมันเหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการลุยนิดหน่อย แต่เน้นใช้งานปกติในประจำวัน

ข้อดีของระบบใหม่นี้คือ ตัดการจ่ายกำลังด้วยชุดเพลากลาง แล้วแทนที่ด้วยการวางตำแหน่งมอเตอร์หลังขนาดใหญ่ ให้กำลังขับและแรงบิดสูงสุดแทน ทำให้ตัวรถมีความสามารถในการขับขี่มากขึ้น และยังสามารถลุยได้

จุดแตกต่างคือการหันมาพึ่งแบตเตอร์รี่ขนาดใหญ่รวมกับเครื่องยนต์ขนาดกลาง 2.0 ลิตรเทอร์โบ และสามารถขยายได้ถึง 3.0 ลิตร V6 ถ้าต้องการ

อีกประการ เครื่องยนต์จะขับลงล้อหน้าผสมกับแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าผ่านเกียร์ที่มีอัตราทด 3 สปีด ส่วนมอเตอร์หลังจะทำหน้าที่ช่วยขับเคลื่อนเมื่อจำเป็น และทำงานในแบบขับเคลื่อนไฟฟ้าล้วนได้เมื่อมีความต้องการ

ที่สำคัญสามารถขับไฟฟ้าล้วนได้ไกลมาก อย่าง Tank 500 Hi-4 Z สามารถขับไฟฟ้าไกลตามการเคลม 201 ก.ม. ในการใช้งานจริงอาจจะอยุ่ที่ 100 กว่าๆ ก.ม. นับเป็นทางเลือกชาญแลาด วันทำงานขับไฟฟ้าวันลุยเป็นไฮบริด

GWM บอกว่า ระบบนี้ใช้งานในการลุยได้จริงแต่ตะลุยในแบบไม่สมบุกสมบันมากนัก โดยจากการทดสอบ รถอย่าง Tank 500 Hi4-Z ที่มีกำลังถึง 863 แรงม้า และแรงบิด 1100 กว่า นิวตันเมตร เมื่อทำกำลังขับรวม จะมีอัตราประหยัดอยู่ที่ 8.6 ลิตร /100 กม. เมื่อ ไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่อยู่ในระดับต่ำสุด

แล้วถ้าอยากลุยจริงจังล่ะ ทางค่ายเผยว่า ต้องนี่เลย Hi4-T โดยตัว T มาจาก คำว่า Tank หรือระบบไฮบริดที่ออกแบบมาเพื่อการลุยโดยเฉพาะ

ข้อดีของระบบนี้คือ เป็นระบบที่ใช้งานสมบุกสมบันได้จริง และยังเป็นแบบ PHEV ที่มุ่งเน้นในการใช้งานอย่างถึงพริกถึงขิงด้วย โดยมีการลดปัจจัยเสี่ยงเช่น นำแบตเตอร์รี่มาติดตั้งในห้องโดยสาร แต่ขนาดแบตจะเล็กกว่าเหลือเพียง 37.1 Kw เท่านั้น จาก 59 KW ในรุ่น Hi4-Z ทำให้ ขับไฟฟ้าได้เพียง 105 กม. เท่านั้น

แต่ตัวระบบไฮบริดจะเน้นที่การขับด้วยพลังงานแบบคู่ขนานเพื่อให้แบตเตอร์รี่สามารถขับได้นานๆ และมีระยะทางยาว ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในยามจำเป็น และจับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 163 แรงม้า และ แรงบิด 400 นิวตันเมตรยัดในชุดเกียร์ 9 สปีด

ทำให้การลุยเป็นไปได้ และการตัดต่อทั้งหมด อยุ่ในชุดเกียร์ โดยยังมาพร้อม ดิฟล็อคไฟฟ้า 3 จุด ทั้งที่เพลาหน้า, เพลากลาง, และเพลาท้าย ที่ทำให้การถ่ายกำลังมีประสิทธิภาพ ลุยได้จริงประหยัดด้วย

และจากผลการทดสอบ ใน Tank 400 Hi4-T มันทำอัตราประหยัดที่ 8.8 บิตร /100 กม.​ ในการวัดในค่าระดับไฟฟ้าต่ำสุด รวมถึง ทำกำลังขับรวมสูงถึง 407 แรงม้า และแรงบิด 750 นิวตันเมตร ตัวเลขนี้ก็เทียบเท่ากับ ใน Tank300 Hi4-T เช่นกัน

โดยรวมระบบ Hi4 เป็นระบบที่น่าสนใจ ซึ่งแม้วันนี้มันอาจจะยังไม่มาไทย แต่วันหน้ามันมาแน่ และ มันทั้งทรงพลังและประหยัด จนเราอยากฝากให้ ทาง GWM ช่วยพิจารณา มานำขายในไทย

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่

Comments are closed.