Volvo “Cross Country” ถือเป็นรหัสคลาสสิคที่สาวกค่ายสวีเดนรู้จักกันดี ในฐานะที่มันช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่แตกต่างออกไปจากรถโมเดลปกติของแบรนด์ได้อย่างน่าจดจำ และตอนนี้ทางค่ายก็ได้นำมันไปใช้กับรถไฟฟ้าน้องเล็กอย่าง Volvo EX30 ด้วย

Volvo EX30 Cross Country มาพร้อมการตกแต่งที่เน้นเสริมภาพลักษณ์ความลุยเข้าไป ในฉบับเดียวกับรุ่นพี่ตระกูล Cross Country ทั้งหลาย เช่น V40 Cross Country, V60 Cross Country, V70 Cross Country, และ V90 Cross Country
ซึ่งดั้งเดิมจะเห็นได้ว่า มันล้วนใช้กับ รถสันดาปตัวถังวากอน ไม่ก็แฮชท์แบ็ก หรือ ซีดาน เช่น S60 Cross Country
ดังนั้น นี่จึงถือเป็นการนำชื่อนี้มาใช้กับรถยนต์ทรงครอสโอเวอร์ แถมยังมาพร้อมกับขุมกำลังมอเตอร์ไฟฟ้า เป็นครั้งแรกของแบรนด์อีกด้วย
เช่นเดียวกับพี่ๆ วิธีการปรับแต่งหรือตกแต่งตัวรถ ก็จะเน้นไปที่การปรับงานออกแบบภายนอกตัวรถใหม่แบบรถลุยๆใหม่เล็กน้อยเข้าไป ทั้ง การติดตั้งขอบคิ้วซุ้มล้อพลาสติกสีดำกันกระแทกเข้ามา, เปลี่ยนแผ่นปิดกระจังหน้าจากแบบพลาสติกสีเดียวกับตัวถัง เป็นพลาสติกดำด้านกันกระแทก ซึ่งจะมีการทำลวดลายให้เป็นลักษณะของแผนที่เทือกเขา Kebnekaise (เคบเนไคยซะ) เพื่อความสวยงาม
และเพื่อไม่ให้รถดูกลืนเกินไป ทางค่ายจตึงมีการปรับงานออกแบบชายล่างกันชนหน้าใหม่เล็กน้อย โดยให้มีแถบคาดสีเดียวกับตัวถังติดตั้งในบริเวณดังกล่าว นอกนั้นก็จะเป็นการเปลี่ยนแผ่นปิดฝาท้าย ในลักษณะเดียวกันกับแผ่นปิดที่กันชนหน้า
โดยหากลูกค้าเลือกซื้อรถด้วยแพ็คเกจ Cross Country Experience ก็จะได้รับการติดตั้งชุดแร็คหลังคาเข้าไป ตามด้วยชุดล้อ 18 นิ้ว ลายใหม่ พร้อมรัดด้วยยางกึ่งลุยจะเป็นของติดรถมาแน่นอน และยังมีแผ่นปิดใต้ท้องรถเสริมเข้ามาอีก เนื่องจากใต้ท้องรถอาจไม่ได้ถูกยกสูงจากเดิมมากนัก
ด้านรายละเอียดทางเทคนิคอื่นๆของตัวรถ เบื้องต้นแล้ว มันจะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 69 kWh ซึ่งมีการเคลมระยะทางในการวิ่งสูงสุด 427 กิโลเมตร/ชาร์จ จับคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ด้วยมอเตอร์คู่ พละกำลังรวม 428 PS ซึ่งให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ในเวลา 3.7 วินาที
โดยตัวเลขนี้ จะคล้ายกับตัวรถ EX30 รุ่น Ultra ต่างกันแค่ตรงที่ตัวรถรุ่นใหม่นี้ มีระยะทางในการใช้งานน้อยกว่าราว 23 กิโลเมตร/ชาร์จ และมีอัตราเร่งที่ช้ากว่า 0.1 วินาที ซึ่งเข้าใจได้ว่าเกิดจากชุดแต่งต่างๆที่ถูกใส่เข้ามานั่นเอง
ส่วนราคาสำหรับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ณ ตอนนี้ ก็ได้มีการเปิดตัวเลขสำหรับการวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรที่ 42,350 ปอนด์ หรือราวๆ 1.78 ล้านบาท ขณะที่การวางจำหน่ายในประเทศไทยเอง ยังไม่มีการเปิดเผยตัวเลขออกมา แต่ก็คาดว่าจะตามมาในเร็วๆนี้เช่นกัน