LEXUS ส่งรถใหม่มาขายไทยถึง 2 รุ่น โดยหนึ่งในนั้นมี LEXUS LX ที่กลับมาขายไทยอีกครั้งหลังหางหายไปจากตลาดมานาน
โดยมาในร่างเจนที่ 4 พื้นฐานเดียวกับ Toyota Land Cruiser 300 แม้จะมาไทยช้ากว่าทั่วโลกไป 4 ปีก็ตาม
หรูด้วยกระจังหน้า Spindle Grille ขนาดใหญ่ รับกับชุดไฟหน้า LED และไฟ LED Daylight รูปทรงตัว L แบบสามมิติ ฝากระโปรงดีไซน์ด้วยเส้นสายที่ดูดุดัน มีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ที่กันชนหน้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์นอกจากนั้นในส่วนของเสา A ดีไซน์ให้เอนไปทางด้านหลัง
ชุดไฟท้ายรูปตัว L ที่เชื่อมต่อยาวถึงกัน คั่นกลางด้วยตัวอักษร LEXUS ตรงกลาง กันชนท้ายสีดำเติมความสปอร์ตด้วย Diffuser (แผ่นกันรอยกันชนหลัง) ขนาดใหญ่ ปิดท้ายด้วย Spoiler หลังที่มากับไฟเบรกดวงที่ 3 ซุ้มล้อออกแบบให้เป็นทรงเหลี่ยม ส่วนล้ออัลลอยจะมีขนาดตั้งแต่ 20 และ 22 นิ้ว
ภายในตกแต่งหรูด้วยวัสดุจากหนังและโลหะ แผงแดชบอร์ดติดตั้งหน้าจอสัมผัส 2 ชั้น ด้านบนมีขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบรองรับการสั่งการด้วยเสียง Voice Assistant และเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay หรือ Android Auto นอกจากนั้นยังทำหน้าที่เป็นจอแสดงภาพจากกล้องมองรอบคัน แผนที่นำทาง ส่วนจอด้านล่างมีขนาด 7 นิ้ว จะทำหน้าที่ระบบควบคุมภายในรถ ระบบปรับอากาศ
ด้านจอมาตรวัดเป็นดิจิทัล TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ส่วนระบบเครื่องเสียงติดตั้งชุดเครื่องเสียงระดับพรีเมียม มากับลำโพงของ Mark Levinson ที่มีมากถึง 25 ตำแหน่งทั่วทั้งห้องโดยสาร
ห้องโดยสารมาเบาะที่นั่งแบบ 2 ตอน 5 ที่นั่ง และ 3 ตอน 7 ที่นั่ง พร้อมช่อง Cool Box (กล่องรักษาอุณหภูมิ) ขนาดใหญ่ พร้อมเพิ่มความบันเทิงตลอดการเดินทางให้กับผู้โดยสารด้วยจอ multimedia ที่ติดตั้งไว้อยู่ที่หลังเบาะคู่หน้า ที่พักเท้าใต้เบาะ
ช่องเสียบ USB ปลั๊กไฟ DC ช่องสัญญาณ AUX ม่านบังแดด ที่วางแก้วน้ำ โคมไฟสำหรับส่องอ่านหนังสือแบบส่วนตัว อำนวยความสะดวกอีกขั้นด้วยประตูแบบ Soft Close (ระบบปิดแบบนุ่มนวล) พร้อมด้วยประตูฝาท้ายไฟฟ้า
ขุมพลังมีมากมายทั้งเบนซินเทอร์โบคู่ ไฮบริด แต่ทางไทยเลือกที่จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลดีเซลเทอร์โบคู่ 3.3 ลิตร V6 309 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด Direct Shift-10AT
พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD ปรับรูปแบบการทำงานได้ 6 รูปแบบ ผ่านระบบ Multi-Terrain Select system มีทั้ง Auto, Dirt, Sand, Mud, Deep Snow และ Rock นอกจากนี้ยังมีระบบ Crawl Control ควบคุมความเร็วอัตโนมัติบนเส้นทางโหด
บนพื้นฐานช่วงล่างอิสระ 4 ล้อด้วยแมคเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงและด้านหลังแบบมัลติลิงก์ กันโคลงหน้าหลังแบบแอคทีฟ และ Electronic Kinetic Dynamic Suspension System (E-KDSS) ลุยน้ำได้สูงสุด 700 มิลลิเมตร
ระบบปรับความสูงตัวรถ Active Height Control พร้อมระบบล็อกเฟืองท้าย Differential Locks พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าและความปลอดภัย LEXUS Safety System+ โดยเปิดตัวและขายในไทยที่งาน Motor Expo 2025 พฤศจิกายนนี้ด้วย LEXUS LX 500d พร้อมการกลับมาของอีวีเด่น LEXUS RZ