แม้จะไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการทำตลาด Porsche Macan EV แต่ทางแบรนด์ยังคงเดิมหน้าเต็มที่ในการทำตลาดรถอเนกประสงค์ไฟฟ้าและลุยต่อกับรุ่นใหญ่ Porsche Cayenne Electric ซึ่งมาพร้อมขุมกำลังบ้าระห่ำระดับ “พันม้า” ในรุ่น Turbo อีกด้วย

เช่นเดียวกับ Macan EV ฝั่ง Porsche Cayenne Electric เองก็ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของร่างสันดาป เพราะจะถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าโดยเพาะ อย่างแพลตฟอร์ม PPE Architecture และจะมีการเพิ่มระยะฐานล้อให้ยาวขึ้นกว่า Macan EV อีก 130 มิลลิเมตร เป็น 3,020 มิลลิเมตร ซึ่งก็ถือเป็นตัวเลขที่ยาวกว่า Cayenne ร่างสันดาปด้วย ทำให้มันจะมาพร้อมกับพื้นที่วางขาภายในห้องโดยสารที่มากกว่าด้วยเช่นกัน

ส่วนขุมกำลังตัวรถ จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ระดับ ได้แก่ รุ่นเริ่มต้น ซึ่งจะใช้มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อนชุดล้อทั้ง 4 ให้กำลังรวมสูงสุด 408 PS ในยามปกติ และสามารถขยับขึ้นเป็น 441 PS เมื่อเปิดระบบ Launch Control ส่วนแรงบิดสูดงสุดจะมีตัวเลขรวมที่ 834 นิวตันเมตร ช่วยให้รถสามารถเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.5 วินาที และมีการจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 143 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนรุ่นตัวแรงรหัส Turbo ก็จะได้มอเตอร์ไฟฟ้าแบบคู่ที่มีพละกำลังรวม 857 PS ในยามปกติ และสามารถเปิดโหมดบูสท์เพื่อเค้นกำลังเพิ่มได้อีก 177 PS เป็นระยะเวลา 10 วินาที หรือหากคุณเปิดระบบ Launch Control พละกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าก็จะยิ่งกระโดดขึ้นไปอีกเป็น 1,155 PS และแรงบิดสูงสุดเอง ก็จะเขยิบเป็น 1,500 นิวตันเมตรอีกเช่นกัน

จากตัวเลขพละกำลังข้างต้นทำให้รถสามารถเรียกอัตราเร่งจาก 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในระยะเวลาเพียง 2.4 วินาที และสามารถทำเวลาจากหยุดนิ่งถึงระยะ 402 เมตร ได้ภายในระยะเวลา 9.9 วินาที รวมถึงสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 260 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ด้วยพละกำลังในระดับข้างต้น ทำให้ทาง Porsche ต้องออกแบบให้มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถสร้างแรงหน่วงขณะผ่อนคันเร่งได้มากถึง 600 kW ซึ่งทางผู้บริหารก็ระบุว่าด้วยแรงหน่วงในระดับนี้ จึงทำให้กว่า 97% ของการหยุดชะลอรถในสภาวะปกติ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการอาศัยแรงเสียดทาน หรือการทำงานของปั๊มเบรก เพราะแรงหน่วงจากมอเตอร์ไฟฟ้าก็ถือว่าเพียงพอแล้วที่จะหยุดชะลอตัวรถ แต่หากคุณไม่สบายใจ ก็สามารถซื้อออพชันจานเบรกคาร์บอนเซรามิคได้ในภายหลัง

ระบบกันสะเทือนที่ให้มา ก็จะเป็นระบบกันสะเทือนถุงลมไฟฟ้า Porsche Active Suspension Management เหมือนกันหมดทั้งรุ่นบนและรุ่นล่าง แต่ที่ต่างกันคือ รุ่นบนจะได้รับการติดตั้งระบบคุมการกระจายแรงบิดแบบพิเศษที่ล้อหลังเพิ่มมาด้วย และยังมีออพชันระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง, ระบบ Porsche Active Ride, ระบบ Active Anti-Roll Bars มาให้เป็นออพชันเสริมให้อีก

ส่วนแบตเตอรี่ที่ให้มาจะมีขนาดใหญ่ถึง 113 kWh ซึ่งมากกว่า Macan Electric อยู่ 13 kWh และมีการอัพเกรดระบบหล่อเย็นใหม่ จึงทำให้แบตเตอรี่สามารถรองรับกระแสไฟในการชาร์จด้วยโหมด DC Charge ได้สูงสุดถึง 400 kW และสามารถชาร์จไฟจาก 10-80% ได้ภายในเวลาเพียง 16 นาที

ในด้านงานออกแบบตัวรถ แม้ Cayenne Electric จะไม่ได้ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับ Cayenne ร่างสันดาป แต่ทาง Porsche กลับเลือกปรับหน้าตาภายนอกรถให้มีความใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะไฟหน้าแบบ Matrix LED 4 ดวง และทรวดทรงรถในองค์รวม

ขณะเดียวกันตัวรถกลับมีรายละเอียดงานออกแบบที่ถูกทำให้ดูโฉบเฉี่ยวกว่า ทั้งกันชนหน้าที่จะไม่มีการทำช่องกระจังหน้าขนาดใหญ่ และมีพื้นที่เปิดเฉพาะครึ่งล่างไว้ดักลมเป่าแบตเตอรี่ กับเป่าชุดเบรกเท่านั้น ฝากระโปรงหน้าเอง ก็มีการเว้าลงตรงกลาง เพื่อลดการต้านอากาศ ทำเส้นสันล่างประตูให้ชัดเจนขึ้น

และยังมีการทำท้ายรถให้ยาวกว่าเดิม เพื่อสอดรับกับระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น และช่วยเพิ่มพื้นที่ในห้องโดยสารด้วยในเวลาเดียวกัน ตามด้วยการเปลี่ยนดีไซน์ไฟท้ายใหม่ พร้อมการเล่นวิธีฉายไฟแบบ 3D-Effect โดยเหมือนจะเป็นการเอาไอเดียมาจากไฟท้ายของ 911 โฉมล่าสุดมาใช้

และท้ายสุดคือการใส่ชุดล้อที่มีความเป็นก้านตันมากขึ้นในรุ่นล่าง เพื่อช่วยลดแรงต้านอากาศ เมื่อรวมกับครีบรีดอากาศด้านหน้า สปอยเลอร์หลังไฟฟ้า จึงทำให้ตัวรถรุ่นนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานที่ต่ำเพียง 0.25 Cd เท่านั้น หรือหากคุณอยากจะเอารถไปลุย ทาง Porsche ก็มีชุดบอดี้พาร์ทสำหรับสายลุย ซึ่งจะได้กันชนหน้า-หลังที่มีมุมปะทะและมุมจากดีขึ้นเหมาะสำหรับการปีนป่ายนั่นเอง

ภายในห้องโดยสารนอกจากพื้นที่วางขาที่มากขึ้น และพื้นที่ห้องโดยสารที่มากกว่าเดิม นอกนั้นตัวรถยังได้รับการออกแบบคอนโซลหน้าใหม่เพื่อให้รองรับกับจอกลางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และหมายความว่าปุ่มกดลูกเล่นต่างๆที่เคยอยู่ตรงคอนโซลกลาง ก็จะถูกควบรวมไปไว้ในจอกลางนี้เช่นกัน

นอกนั้นตัวรถจะยังคงมีชุดจอสำหรับผู้โดยสาร และมีจอแสดงผลข้อมูลตัวรถอีกชุด โดยยังมีจอ HUD ขนาด 87 นิ้วมาให้อีก และระบบการทำงานของลูกเล่นภายในห้องโดยสารทั้งหมด ก็จะทำงานร่วมกับระบบ AI ซึ่งรองรับคำสั่งเสียง เพื่อสั่งการปรับตำแหน่งเบาะไฟฟ้า เปิด-ปิดไฟภายในห้องโดยสาร ปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร หรือจะเปิดแอพพลิเคชันสตรีมมิ่ง เล่นเกม ก็ยังได้

ด้านกำหนดการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของตัวรถ ทาง Porsche ระบุว่าพวกเขาจะพร้อมวางจำหน่าย Cayenne Electric ในโซนยุโรป และอเมริกาเหนือราวๆไตรมาสแรกของปี 2026 ส่วนในไทยเองก็คาดว่าจะมีการประกาศราคาและการรับจองหลังจากนั้นไม่นานนัก