Suzuki Alto คือหนึ่งในรถเคคาร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างดีในประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเพื่อให้กระแสยังคงอยู่กับรถอย่างต่อเนื่อง มันจึงได้รับการปรับโฉมอีกครั้งในปี 2025
2025 Suzuki Alto มาพร้อมกับการปรับโฉมใหม่ในระดับ Minor Change ด้วยการปรับดีไซน์กันชนหน้าใหม่ ให้กระจังหน้ามีช่องดักลมใหญ่ขึ้น และขยับมาอยู่ในแนวใต้ขอบฝากระโปรงหน้า โดยยังมีช่องดักลมทางด้านล่างแบบเดิมอยู่ และปรับดีไซน์ช่องดักลมใหม่ให้ดูสวยงามแบบมินิมอลมากขึ้น, และมีการติดตั้งสปอยเลอร์หลังเพื่อเพิ่มความโฉบเฉี่ยวเข้ามา
โดยแม้ตัวรถจะมีการแต่งหน้าทาปากใหม่เพียงเล็กน้อย แต่ Suuzki ระบุว่ามันก็ช่วยในเรื่องของการลดแรงต้านอากาศได้เป็นอย่างดี ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับรถที่มีขนาดเครื่องยนต์เพียง 660cc เช่นนี้ และแน่นอนว่ามันจะลดอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้ด้วย
จนทำให้รถสามารถเคลมอัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน WLTC ได้สูงถึง 28.2 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งต้องไม่ลืมว่านี่คือเลขจากรถที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินเพียวๆ และเต็มที่ก็มีแค่เพียงมอเตอร์มาช่วยแบ่งเบาภาระในแบบ Mild Hybrid เท่านั้น จนกลายเป็นรถเคคาร์(ไมล์)ไฮบริดที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่สุดในตลาด ณ เวลานี้
นอกจากการแต่งหน้าทาปากใหม่ ตัวถังที่มีความยาวเพียง 3,395 มิลลิเมตร ของมันยังมีออพชันเฉดสีตัวถังใหม่ Terracotta Pink Metallic เข้ามาเพิ่ม และยังมีตัวถังสีทูโทน Foggy Blue Pearl Metallic , Chiffon Ivory Metallic, และ Nocturne Blue Pearl ที่จะได้หลังคาสีดำ หรือ ขาว เพื่อตัดโทนอีก
ภายในห้องโดยสารยังคงมีเบาะนั่ง 4 ตำแหน่ง แต่ตัวจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาด 7 นิ้ว จะได้รับการอัพเดทฟีเจอร์ระดับ Suzuki Connect เข้าไป เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งสตาร์ทรถ หรือเปิดแอร์จากแอพพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทางได้
โดยสำหรับตัวรถรุ่น Hybrid X ที่เป็นตัวท็อป ยังจะมาพร้อมกับพวงมาลัยหุ้มหนัง และมือเปิดประตูโครเมียม ซึ่งอาจจะดูไม่เยอะ แต่ก็ถือว่าแตกต่างจากรุ่นล่างสุดที่ยังได้ใช้เพียงล้อกระทะเหล็ก และไม่มีจออินโฟเทนเมนท์ตรงกลางมาให้ใดๆทั้งสิ้น
ด้านระบบความปลอดภัย ก็ให้มาเพียงพอใช้งาน ด้วยระบบช่วยเบรกแบบ Dual Sensor II, ระบบป้องกันการออกนอกเลน, และระบบจับสัญญาณไฟจราจร
Suzuki Alto เวอร์ชันใหม่ล่าสุดนี้ ถูกวางจำหน่ายด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1,142,000 เยน หรือราวๆ 257,000 บาท ซึ่งเป็นรุ่นออพชันโล้น ได้เครื่องยนต์ไร้ระบบไฮบริดมาช่วยเสริม ขับเคลื่อนล้อหน้า ไปจนถึงราคา 1,639,000 เยน หรือราวๆ 370,000 บาท ซึ่งใช้เครื่องยนต์ระบบไมล์ไฮบริด และมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เผื่อในยามที่ต้องขับฝ่าฝนหรือหิมะได้อีกด้วย
