ขณะที่ยอดขายของ Tesla Model S และ Tesla Model X มีตัวเลขรวมกันไม่ถึง 5% จากทั้งหมดของแบรนด์ในปีที่ผ่านมา แต่แทนที่พวกเขาจะเลือกปรับโฉมรถครั้งใหญ่ เพื่อให้มันน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น กลายเป็นว่าทางแบรนด์เลือกที่จะปรับรภแบบเล็กๆน้อยๆต่อไปในปี 2026 แทน แม้ว่าอายุตัวถังของพวกมันจะเกิน 10 ปี เข้าไปแล้วก็ตาม

Tesla Model S ถึงเผยโฉมครั้งแรกเมื่อปี 2012 และ Tesla Model X ก็ถูกเปิดตัวตามมาในปี 2015 ซึ่งแม้ว่าพวกมันจะได้รับการปรับโฉมเล็กๆน้อยๆมาเรื่อยๆ แต่หากนับเวลากันในวันนี้ พวกมันก็มีอายุอานามทางการตลาดที่มากถึง 13 ปี และ 10 ปี เข้าไปแล้ว

โดยแทนที่ตัวรถโฉมปี 2026 ที่เห็นกันอยู่นี้ ทางค่ายจะเลือกปรับโฉมมันครั้งใหญ่ หรืออย่างน้อยก็ในระดับ Big Minor Change เหมือน Tesla Model Y หรือ Tesla Model 3

พวกเขากลับปรับโฉมตัวรถแบบเปลี่ยนเปลือกใหม่เล็กๆน้อยๆเข้าไปเหมือนเดิมแทน นั่นคือการปรับเปลี่ยนงานดีไซน์กันชนหน้าใหม่ เพื่อให้รถดูมีความดุดันมากยิ่งขึ้น และมีการปรับลายล้อขนาด 20-22 นิ้ว ใน Model X กับล้อขนาด 19-21 นิ้ว ใน Model Y ใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น ซึ่งทั้งหมดไม่ได้มอบแค่ความหล่อเหลาที่เห็นได้ด้วยตา แต่ยังเพิ่มสเถียรภาพในการขับขี่ใช้งานช่วงความเร็วสูงได้ดีขึ้นอีก

จากนั้นก็ตามด้วยการปรับปรุงกล้องตรวจจับวัตถุด้านหน้าที่กันชนหน้าใหม่ ให้มีความคมชัดมากขึ้น เพิ่มระบบ Adaptive หรือระบบตัดแสงอัตโนมัติ ให้กับไฟหน้า แล้วเพิ่มทางเลือกสีตัวถัง Frost Blue ใหม่เข้ามา ก็เท่านั้น

ภายในห้องโดยสาร ยังคงอิงงานออกแบบคอนโซลเหมือนรุ่นปีก่อนหน้า แต่มีการเพิ่มแถบไฟแวดล้อมเข้ามาที่คอนโซลหน้ากับแผงประตูซ้ายขวา พร้อมเพิ่มกราฟฟิกเปิดระบบรถเข้ามา ซึ่งเป็นของเล่นที่ไม่เคยมีมาก่อนในรุ่นน้องอย่าง Model 3 และ Model Y

ท้ายสุด คือการปรับเซ็ทช่วงล่างใหม่ เพื่อการขับขี่ใช้งานที่ดีกว่าเดิม ด้วยการเปลี่ยนยางเบ้าโช้ก และบูชปีกนกต่างๆใหม่ เพื่อให้ช่วงล่างมีความกระชับ มั่นคงมากกว่าเดิม และยังมีการปรับปรุงเรื่องของการจัดการเสียงรบกวนใหม่ ด้วยระบบ Active Noise Cancellation ที่ทำงานได้ดีกว่าเดิม

โดยแม้การปรับปรุงตัวรถข้างต้น จะดูไม่ได้มีอะไรใหม่ๆมากมายนัก แต่ราคาวางจำหน่ายของตัวรถในสหรัฐอเมริกา กลับถูกปรับเพิ่มขึ้นมาจากตัวรถรุ่นปีก่อนอยู่พอสมควร เช่น Tesla Model X ที่มีราคาวางจำหน่ายเริ่มต้น 89,990 ดอลล่าร์ (ราวๆ 2.92 ล้านบาท) ในรุ่น Long Range กับ 104,990 ดอลล่าร์ (ราวๆ 3.4 ล้านบาท) ในรุ่น Plaid ซึ่งมีส่วนต่างจากรุ่นก่อนเพิ่มขึ้นมา 5,000 ดอลล่าร์ หรือราวๆ 162,000 บาท

ส่วนตัวรถ Model S รุ่น Long Range ก็สนนราคาวางจำหน่าย 84,990 ดอลล่าร์ (ราวๆ 2.76 ล้านบาท) และ Plaid ก็สนนราคา 99,990 ดอลล่าร์ (ราวๆ 3.24 ล้านบาท) ซึ่งก็ขยับขึ้นในเรทเดียวกับ Model X เช่นกัน