ตั้งแต่กรมอุตุนิยมวิทยาบ้านเรา ประกาศว่าประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการ หลายคนก็คงเริ่มคิดว่า เราสมควรจะต้องดูแลรถยนต์ให้พร้อมใช้งานกับฝนที่ว่ากันว่า ปีนี้อาจจะหนักที่สุดปีหนึ่ง เห็นได้จากสภาพอากาศบ้านเราฝนพรำกันไม่เว้นแต่ละวัน แต่นอกจาก เบรก,โช๊ค,ช่วงล่าง และยางรถยนต์แล้ว ก็ไม่สมควรจะลืมสิ่งใกล้ตัวที่สุดในการขับขี่

อะไรที่ใช้บ่อยที่สุดในยามฝนตก คุณคงลืมคิดไปว่า  “ใบปัดน้ำฝน” เป็นเพื่อคู่ชีวิตยามฝนตกขณะขับรถไม่ว่าจะตกน้อย ตกมาก ใบปัดน้ำฝนนับเป็นเพื่อคู่ใจตลอดการเดินทาง หน้าที่ของมันคือการกวาดน้ำที่อยู่ตรงหน้ากระจกบังลมออกไปให้หมดออกไปเพิ่มทัศนวิสันในการขับขี่ แต่หลายคนก็มักจะละเลยมันไปเสียสนิท เพราะเห็นว่ายังใช้ได้จึงไม่อยากจะเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนกัน

 ที่จริงแล้วอายุการใช้งานของ “ใบปัดน้ำฝน” ถือเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีการเปลี่ยนปีต่อปีเลยก็ว่าได้ ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยขนาดนั้น เนื่องจาก ยางใบปัดน้ำฝนสัมผัสอยู่กับกระจกเสมอ สำหรับประเทศไทยที่เป็นเมืองร้อนยางใบปัดอาจจะเสื่อมสภาพรวดเร็ว เนื่องจากบ้านเราเป็นเมืองร้อน แต่ก็อาจจะมีอายุการใช้งานนานกว่านั้น

โดยวิธีการสังเกตว่า “ใบปัดน้ำฝน” ของคุณเริ่มด้อยคุณภาพหรือยังให้ดูคุณสมบัติในการปัด เช่น ปัดแล้วมีเสียงรูดกระจกน่ารำคาญ ใบปัดมีอาการสะดุดหรือเปล่าและที่สำคัญเลยคือมันปัดสะอาดหรือเปล่า

ใบปัดน้ำฝน

หากการปัดเป่าน้ำบนกระจกทำได้ไม่สมบูรณ์นัก ลองตรวจสอบใบปัดสักหน่อยว่า ยังอยู่ดีมีสุขหรือเปล่า

การดูสภาพใบปัดน้ำฝนว่ายังมีคุณภาพในการใช้งานหรือไม่ ให้ดูที่ตัดยางใบปัดว่า มีรอยแหว่ง ขาด หรือเปล่า จากนั้นจับดูยางครับว่า ยังยืดหยุ่นได้ดีหรือไม่ แห้งกรอบหรือเปล่า ถ้าไม่ก็แสดงว่าใบปัดยังดีอยู่ใช้งานได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แต่ถ้าลองปัดใบปัดน้ำฝนแล้วพบว่า ใบปัดน้ำฝน ยังมีอาการฝืด , สะดุด หรือกระโดดทำให้ปัดไม่สะอาด ปัญหาอาจจะมาจากหน้าผิวสัมผัสของกระจก ที่อาจจะมีความฝืดก็เป็นได้

 

กระจกฝืดอีกหัวใจใบปัดไม่สะอาด

วิธีการทดสอบว่ากระจกเราฝืดหรือไม่ง่ายมาก ให้คุณล้างทำความสะอาดกระจกจนแห้ง จากนั้นนำผ้าแห้งอาจจะเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์นี่แหละ วางบนกระจกว่า ตกลงมาอย่างรวดเร็วไหม ถ้าผ้าตกช้า หรือหนึบเป็นตุ๊กแกบนกระจก แสดงว่ากระจกเริ่มฝืด

ให้แก้ไขอาการกระจกฝืด โดยการใช้น้ำยาล้างจานมาเช้ดกระจกก่อนในขั้นแรก ที่ใช้น้ำยางล้างจานเพราะเป็นกรดอ่อนๆ ช่วยทำความสะอาดฝุ่นที่เราไม่สามารถเห็นด้วยตาเปล่า เมื่อทำความสะอาดเสร็จแล้ว ให้ใช้ยาขัดเคลือบสีรถ (ไม่ใช่แว็กซ์)  สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าอุปกรณ์ก่อสร้าง ไปบอกเขาว่า “เอายาขัดละเอียด” คุณน่าจะได้ยาขัด  Cana  มา มันเป็นยาขัดสีที่สามารถขัดคราสกปรกอื่นๆ เช่นยางมะตอยที่สีรถได้ด้วย 

ใบปัดน้ำฝน

เอาผ้าสะอาด (แนะนำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์) จัดอาการจิ้มยาขัดแล้วทาบนกระจกให้ทั่ว ปล่อยไว้สัก 3-5 นาที แล้วเอาผ้าสะอาด เช็ดออก โดยออกแรงเช็ดสักหน่อย ไม่ใช่แค่ลูบยาขัดออก เพียงเท่านี้กระจกจะใสสว่างมากขึ้น เมื่อใช้ใบปัดจะไม่ฝืดติดขัดอีกต่อไป  แต่ถ้าลองแล้วไม่หาย แสดงว่าเป็นที่ใบปัดน้ำฝนอย่างแน่นอน

เปลี่ยนใบปัดต้องรู้ แค่เปลี่ยนยางก็ได้

หลายคนไม่สนใจใบปัดน้ำฝนมากนัก แต่เมื่อเราบอกว่าเปลี่ยนเลยทุกปี เมื่อเห็นราคาขายใบปัดน้ำฝน ก็แทบจะลมใส่ ราคาใบปัดน้ำฝนนั้นก็ใช่ว่าจะถูก จะมาให้เปลี่ยนทุกปีได้อย่างไรกัน

อันที่จริงแล้ว มันมีทริคเล็กน้อยคือใบปัดน้ำฝนสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวก้าน แต่อยู่ที่ชุดใบปัดส่วนที่เป็นยาง ซึ่งเราสามารถหาเปลี่ยนได้ง่ายๆ เดี๋ยวนี้ริมทางก็มีขาย ราคาจะถูกกว่าการซื้อทั้งก้านใบปัดแบบครึ่งต่อครึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่ายางใบปัดเหล่านี้อาจจะโนเนม หากมันไม่ได้สำคัญที่ยี่ห้อ แต่อยู่ที่คุณสมบัติการใช้งานมากกว่า

เป็นอย่างไรบ้างครับเห็นไหมว่า เรื่องราวใกล้ตัวอย่างใบปัดน้ำฝนนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยใช้ไหม ของใกล้ตัวที่ต้องใช้ประจำแบบนี้ อย่าลืมใส่ใจฝนนี้จะได้ขับปลอดภัย เห็นทัศนวิสัยชัดเจน วันฝนพรำครับ   

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่