เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการแล้วในที่สุด สำหรับรถอเนกประสงค์ Isuzu MU-X ใหม่ เจ้า อเนกประสงค์จากกระบะหรือ PPV ร่นล่าสุด กลับมาอีกครั้ง หลังจากอำลารุ่นปัจจุบัน เมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา
การกลับมาในรุ่นใหม่ ต้องยอมรับว่า ตัวรถมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเยอะมาก และเช่นเดิมเป็นธรรมเนียมที่เราทำมาโดยตลอด เมื่อเปิดตัวรถใหม่ เราจะคุณๆ ไปส่อง ว่ารุ่นไหนคุ้มค่าที่สุด
ตัวรถ Isuzu Mu-X ใหม่ มี 4 รุ่นย่อย ได้แก่ Active – Luxury – Elegant และ Ultimate มีรุ่นต่างๆ 7 รุ่น แล้วรุ่นไหน คุ้มค่าที่สุด เราไปชมรายละเอียดแต่ละรุ่นพร้อมกัน
***หมายเหตุ รูปประกอบบทความทั้งหมด เป็นรุ่น Ultimate
Isuzu Mu-X Active
รุ่นเริ่มต้นของรถยนต์เอนกประสงค์ยอดนิยม มาพร้อมรายละเอียดที่แตกต่างจากรุ่นอื่นอย่างชัดเจน ด้านหน้าให้กระจังหน้าสีดำ และกันเมทาลิค กระจกมองข้างสีดำ ปรับไฟฟ้า และบันไดข้างสีดำ ข่าวดีคือ ไฟหน้า Bi-Beam LED projector และไฟท้าย Winglet signature LED ให้มาเป็นมาตรฐานเช่นกัน รุ่นนี้ติดตั้งล้ออัลลอยด์ขอบ 17 นิ้ว ให้ยาง 255/65/R17 จากโรงงาน
ด้านในห้องโดยสาร มาพร้อมเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง หุ้มด้วยวัสดุผ้าสีดำ เบาะนั่งคนขับ ปรับระดับสูงต่ำได้ พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง (สูง-ต่ำ , เข้า-ออก) ให้ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา มาพร้อมกรองฝุ่น PM2.5 เครื่องเสียงเป็นแบบ 1CD (ไม่ใช่จอสัมผัส) พร้อมลำโพง 6 ตัว และมาตรวัตรแบบมาตรฐานและพวงมาลัย ยูริเทน
ด้านเครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร พร้อมเกียร์ออโต้ 6 จังหวะ รายละเอียดทางเทคนิคสามารถศึกษาได้ที่ เวปไซต์ Isuzu
ระบบความปลอดภัยให้มาหลายรายการที่จำเป็น ได้แก่ ระบบป้องกันล้อล๊อคขณะเบรกและกระจายแรงเบรก , ระบบควบคุมการทรงตัว , ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน , ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน และระบบควบคุมการส่ายของพ่วงท้าย ส่วนถุงลมนิรภัยมีเฉพาะคู่หน้าเท่านั้น
สรุป
ภายนอก
- ไฟหน้า Bi-Beam LED projector
- ไฟท้าย Winglet signature LED
- ไฟส่องสว่างขณะขับขี่เวลากลางวัน
- ล้ออัลลอยด์ 17 นิ้ว
- กระจังหน้าสีดำ
- กระจกมองข้างสีดำ
- บันไดข้างสีดำ
- มีจำหน่ายเพียงสีเดียวคือ สีเงินโบฮีเมี่ยน เมทาลิค
ภายใน
- เบาะผ้าสีดำ
- เบาะคนขับปรับสูงต่ำได้ (ด้วยมือ)
- พวงมาลัยยูริเทน (ปรับได้ 4 ทิศทาง)
- ระบบเครื่องเสียง 2Din ใส่ซีดี 1 แผ่น พร้อมลำโพง 6 ตัว
- ระบบปรับอากาศแบบธรรมดา
เครื่องยนต์ ดีเซล 1.9 ลิตร พร้อมเกียร์ออโต 6 สปีด
ระบบความปลอดภัย
- ระบบป้องกันล้อล๊อคขณะเบรกและกระจายแรงเบรก
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
- ระบบควบคุมการส่ายของพ่วงท้าย
- ถุงลมนิรภัยมีเฉพาะคู่หน้า
1.9 Active A/T 1,109,000
Mu-X Luxury
รุ่นรองบ๊วยที่มีอะไรมากกว่า ได้รายละเอียดที่เริ่มเหมือนตัวท๊อปมากขึ้น จุดแตกต่างอยู่ที่การให้สี Tungsten Silver เข้ามาอัพเดทรายละเอียดตัวรถ ทำให้ดูหรูหราประดุจรุ่นท๊อป (ถ้าไม่สังเกตให้ดี) กระจังหน้าเป็นโครเมี่ยม ส่วนกระจกมองข้างเป็นสีเดียวกับตัวรถ กันชนท้ายเติมรายละเอียด Tungsten Silver เสาอากาศยังเป็นแบบมาตรฐาน และติดตั้งราวหลังคามาให้เพิ่มเติม เมื่อเทียบกับรุ่นล่างสุด ล้ออัลลอยด์เบ่งขนาดมาเป็น 18 นิ้ว มาพร้อมยาง 265/60/R18
ส่วนในห้องโดยสารอัพเดทเป็นเบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะจากผ้ามาเป็นหนังสังเคราะห์ Cool max สี Saddle Brown ตรงหน้าคนขับเปลี่ยนมาตรวัตรธรรมดามาเป็นแบบเรืองแสง พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID พวงมาลัยหุ้มหนัง และมีสวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียง และ Cruise control
งานตบแต่งในห้องโดยสาร Isuzu MU-X ใหม่ ตั้งแต่รุ่นนี้ เป็นสี แชมเปญโกลด์ ส่วนเครื่องเสียงอัพขึนมาเป็นหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ APPLE Carplay และ Android auto ยังคงให้ลำโพง 6 ตัวเหมือนเดิม รวมไปถึงระบบปรับอากาศก็ยังเป็นระบบธรรมดา ที่เติมเข้ามาอีกอย่างคือ ช่องชาร์ท USB 2.4 amp 2 ช่อง หลังคอนโทรลกลาง
ส่วนเครื่องยนต์ยังมีให้เลือกเพียง 1.9 ลิตร เหมือนเดิม แต่รุ่นนี้พิเศษกว่าคือ มีรุ่นเกียรต์ธรรมดา 6 สปีด ให้เป็นอีกทางเลือกนึงด้วย
ระบบความปลอดภัยให้เท่ากับรุ่นที่แล้ว เพิ่มเติมคือ มีสัญญานกันขโมยมาให้ และ สีรถมีให้เลือกเพียงสีเดียว คือ สีเงินโบฮีเมี่ยน เมทาลิค
สรุป
ภายนอก
- เปลี่ยนเป็นล้ออัลลอยด์ขนาด 18 นิ้ว
- การตบแต่งภายนอกใช้สี Tungsten Silver
- กระจังหน้าโครเมี่ยม
- ที่ฉีดน้ำล้างกระจกแบบบิ้วท์อิน
- รุ่นเกียร์ธรรมดา มีให้เลือกเพียงสีเดียวคือ สีเงินโบฮีเมี่ยน เมทาลิค
- รุ่นเกียร์ออโต้ มีให้เลือก 3 สี คือ สีดำ , สีขาว(มุก) และ สีเงินโบฮีเมี่ยน เมทาลิค
ภายใน
- เบาะหนัง Cool max สี Saddle brown
- เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
- ตกแต่งภายในด้วยสีแชมเปญโกลด์
- เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ APPLE Carplay และ Android auto
- ช่องชาร์ท USB 2.4 amp 2 ช่อง
เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร มีรุ่นเกียร์ออโต้ และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด
มีสัญญานกันขโมย
1.9 Luxury M/T 1,254,000
1.9 Luxury A/T 1,304,000
Mu-X Elegant
ชายกลางที่มีออฟชั่นมากขึ้น จุดขายหลักในรุ่นนี้ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องระบบความปลอดภัยที่มากกว่า และออฟชั่นความหรูหราที่มากขึ้นตามไปด้วย
ภายนอกรุ่นนี้ เพิ่มประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบกันหนีบ เสาอากาศจากธรรมดาดั้งเดิม เปลี่ยนมาเป็นครีมฉลาม ล้ออัลลอยด์ 18 นิ้วเหมือนเดิม ส่วนสีมีให้เลือกไม่จำกัด สามารถเลือกได้ทั้ง 6 สีที่วางจำหน่าย
ด้านในห้องโดยสาร เปลี่ยนเป็นเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว และเพิ่มจำนวนลำโพงเป็น 8 จุดทั่วทั้งคัน ระบบปรับอากาศเป็นระบบออโต้ แยก 2 โซน อิสระซ้าย – ขวา และหลังคอนโทรลกลางมีช่องปลั๊ก (220v) มาให้
เครื่องยนต์เลือกได้เพียงรุ่นเดียว 1.9 เกียร์ออโต้ 6 สปีด ส่วนความปลอดภัยเพิ่มเติมเข้ามาหลายรายการที่น่าสนใจ ได้แก่ ระบบเตือกมุมอับสายตา , ระบบเตือนขณะถอยรถ , เซนเซอร์ช่วยกะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด , ระบบล๊อกรถอัตโนมัติเมื่อห่างจากตัวรถ และเพิ่มถุงลมนิรภัยเป็น 6 จุด (ถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย)
สรุป
ภายนอก
- ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบกันหนีบ
- เสาอากาศครีมฉลาม
- สีตัวรถ สามารถเลือกได้ทั้ง 6 สี
ภายใน
- เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว
- ลำโพง 8 จุดทั่วทั้งคัน
- ระบบปรับอากาศเป็นระบบออโต้ แยก 2 โซน อิสระซ้าย – ขวา
- มีช่องปลั๊ก (220v) มาให้
ระบบความปลอดภัย
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- ระบบเตือนขณะถอยรถ
- เซนเซอร์ช่วยกะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด
- ระบบล๊อกรถอัตโนมัติเมื่อห่างจากตัวรถ
- ถุงลมนิรภัย 6 จุด (ถุงลมนิรภัยด้านข้างคู่หน้า และม่านถุงลมนิรภัย)
เครื่องยนต์ ดีเซล 1.9 ลิตร พร้อมเกียร์ออโต 6 สปีด
1.9 Elegant A/T 1,349,000
Mu-X Ultimate
รุ่นท๊อปสุดของไลน์อัพ จัดเต็มด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว เพิ่มเข้ามาเป็นออฟชั่นภายนอก และ ยังได้ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ร่วมถึงกระจกบังลมหน้าแบบ IR cut เป็นสิ่งที่เติมเข้ามา
ด้านในห้องโดยสารปรับเปลี่ยนระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติมาเป็นแบบ Adaptive Cruise control และมี paddle shift หลังพวงมาลัย อีกทั้งเบาะคนนั่งยังสามารถปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง และมีการเพิ่มไฟ ambient light มาให้ มีระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท เครื่องเสียงยังเป็นจอสัมผัส 9 นิ้ว แต่รองรับ DVD 1 แผ่น และมีระบบนำทางในตัว
ในส่วนเครื่องยนต์ จากเครื่อง 1.9 ที่มีในทุกรุ่นย่อยแล้ว ในรุ่นนี้สามารถจับจองเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร 190 แรงม้า ได้อีกด้วย โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตามความต้องการในการใช้งาน
ด้านความปลอดภัย จัดเต็มด้วย ฟังก์ชั่น ADAS ทำงานด้วยชุดกล้อง 2 ตัวติดตั้งไว้ที่กระจกบานหน้า โดยมีฟังก์ชั่นต่างๆเพิ่มดังนี้ ระบบเตือนก่อนการชนทางด้านหน้า , ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ , ระบบแจ้งเตือนรถออกนอกเลน , ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิด , ระบบเบรกอัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุ , ระบบไฟสูงอัตโนมัติ และยังมีระบบจำกัดความเร็วของตัวรถด้วยตัวเอง
สรุป
ภายนอก
- ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- กระจกบังลมหน้าแบบ IR cut
- ระบบไฟหน้า เปิด – ปิด อัตโนมัติ
ภายใน
- Adaptive Cruise control พร้อม paddle shift หลังพวงมาลัย
- เบาะคนนั่งปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง
- ไฟ ambient light
- ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท
- เครื่องเสียงยังเป็นจอสัมผัส 9 นิ้ว รองรับ DVD 1 แผ่น และมีระบบนำทางในตัว
เครื่องยนต์ มีให้เลือก 2 แบบ คือ 1.9 ลิตร และ 3.0 ลิตร
สำหรับรุ่น 3.0 มีให้เลือกทั้งแบบ 2WD และ 4WD
ระบบความปลอดภัย ADAS ทำงานด้วยชุดกล้อง 2 ตัว
- ระบบเตือนก่อนการชนทางด้านหน้า
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ระบบแจ้งเตือนรถออกนอกเลน
- ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์เมื่อเหยียบคันเร่งผิด
- ระบบเบรกอัตโนมัติหลังเกิดอุบัติเหตุ
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ
- ระบบจำกัดความเร็วของตัวรถด้วยตัวเอง
1.9 Ultimate A/T 1,434,000
3.0 Ultimate A/T 1,479,000
3.0 Ultimate 4WD A/T 1,579,000
รุ่นไหนคุ้มสุด???
ได้เวลาฟันธง รุ่นไหนคุ้มที่สุดในตลาด ต้องบอกเลยว่าตัดสินใจยากมาก แต่ถ้าให้เลือกจริงๆ Isuzu MU-X ผมจะเลือกตัด รุ่นล่างจากตัว Elegant ลงไป เพราะว่า ตัว Elegant ขึ้นมา เป็นตัวที่มีออพชั่นครบถ้วนพอสมควร ทั้งในเรื่องความสบาย, ความหรูหรา และความปลอดภัย
ถ้าไม่ยี่หระกับระบบความปลอดภัยขั้นสูงนัก รุ่น Elegant ในราคา 1,349,000 บาท ถือว่าค่อนข้างคุ้มค่า เมื่อเทียบกับสิ่งที่ให้มาเพิ่มเติมจากรุ่นก่อนหน้า ราคานี้ได้ รถ 7 ที่นั่งเสียอย่างเดียว มันเป็นเครื่อง 1.9 ลิตรเท่านั้น
แต่ถ้าคิดว่าต้องการความเร้าใจมากขึ้น หรือต้องการรถลุยในวันว่าง ต้องมาเล่นรุ่น Ultimate ทันที รุ่น 1.9 Ultimate ถ้าไม่ได้ Want ล้อขอบ 20 กระจกบังลมหน้าตัดแสง ไฟหน้า และที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ รวมถึงระบบความปลอดภัย ADAS ผมว่า รุ่น Elegant ก็เหลือเฟือแล้ว
ในส่วนรุ่นท๊อป ถ้าให้มองจะซื้อก็ต้อง 3.0 ลิตร ดีที่สุด เพราะมีให้เลือกเพียงรุ่นนี้รุ่นเดียวเท่านั้น รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ราคากระโดดเพิ่มไปอีก 1 แสนบาท ถ้าไม่ได้ลุยก็ผ่านไปลุยก็ผ่านเลย ถ้ามองในกลุ่ม Ultimate รุ่น 3.0 ลิตร ขับ 2 คุ้มสุด โดยเฉพาะใครที่ต้องไปกับครอบครัวบ่อยๆ นั่งเต็ม 7 คน แทบทุปทริป ควรมองรุ่นนี้ไว้
ดังนั้นคำตอบเรา คุ้มสุด 1.9 elegant สำหรับคนไม่ต้องการออพชั่น ถ้าอยากได้ความหรูหราแบบตัวท๊อป ต้องจ่ายเพิ่ม 85,000 บาท มาซื้อ 1.9 Ultimate
คุ้มที่ 2 คือ 3.0 Ultimate ขับสอง รถกลุ่มนี้คนคงไม่ไปลุยบ่อยหรอก ถ้าแบบนั้นตัวนี้คุ้มค่า โดยเฉพาะสายที่บ้านไปยกครัว สมควรซื้ออย่างยิ่ง