สำหรับคันรักรถไฟฟ้าจะต้องมีความคิดอยากให้ Tesla เข้ามาขายในไทย ทำตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าด้วยราคารถไม่แพง ทว่าความหวังจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่?

กระแสรถไฟฟ้าเป็นมิตรต่อโลกและมนุษย์เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย Tesla เป็นดั่งจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ผลักดันให้เกิดปรากฏการณ์ คนอยากขับรถไฟฟ้ากันไปทั่วโลก เพราะ Elon Musk ชายผู้ที่มีความบ้าแถมทะเยอทะยานได้บอกกับทุกคนว่า ‘เทสล่า’ ไม่ใช่เพียงรถไฟฟ้า หากแต่คืออนาคตที่จะมากำหนดมาตรฐานใหม่ของวงการยานยนต์ต่อจากนี้

นับจากวันที่ Tesla Roadster เปิดตัวเมื่อปี 2008 รถสปอร์ตเปิดประทุนที่ใช้พื้นฐานของ Lotus Elise ก็ได้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 248-288 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 380-400 นิวตันเมตร วิ่งได้ไกล 393 กิโลเมตร ด้วยแบตเตอรีความจุ 53 กิโลวัตต์ชั่วโมง นั่นเป็นครั้งแรกที่บริษัทสตาร์ทอัพหน้าใหม่ได้ฉายแววเด่นสู่สาธารณชนชาวโลก

ด้วยความบ้าบิ่นที่ถีบให้ Musk ส่งรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าคันแรกออกสู่ตลาด เขาก็ขายมันไปในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ทำยอดขายในยุคที่ผู้คนยังมองยานพาหนะพลังถ่านว่าเป็นเรื่องอนาคตไกลตัว ได้เป็นจำนวน 2,450 คัน จวบจนถึงปี 2012 นี่นับเป็นก้าวแรกที่ทำให้ชายผู้กล้าคนนี้มองเส้นทางเบื้องหน้าของเขาได้ชัดเจนมากขึ้น

ภายในเดือนมิถุนายนปี 2012 รถซีดานระดับผู้บริหารที่ใช้ขุมพลังไฟฟ้าจากผลงานรังสรรค์ของ Musk ซึ่งเขาได้ตั้งชื่อมันว่า Tesla Model S ก็ได้ถือกำเนิดออกมาอวดกายให้ประชาชนชาวโลกพบเห็น ด้วยรูปลักษณ์อันสง่าควบควมเข้ากับเส้นสายแสนลื่นไหลมีเอกลักษณ์ ทำให้หลายคนพูดกันปากต่อปากว่าชายคนนี้มาถูกทางแล้ว

แน่นอนว่าจุดเด่นของ Model S ที่ทำให้ลูกค้าที่ใช้รถเครื่องสันดาปมาก่อนต้องประหลาดใจ คือความแรงแบบไม่ต้องรอรอบหรือภาษาฝรั่งเรียก Instant Power กดเท่าไหร่ไปเท่านั้น ส่งผลโดยตรงต่อต่อมความกระสันอยากได้ของคนที่คลั่งไคล้เทคโนโลยี และยังแคร์เรื่องตัวเลขสมรรถนะ ตลอดจนได้ชื่อว่าเป็นผู้ช่วยรักษาโลกในอีกทางหนึ่ง

ตรงนี้เองคือสิ่งที่ Musk มองกลุ่มลูกค้าของเขาได้แบบทะลุปรุโปร่ง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซีดานไฟฟ้าคันนี้จึงมียอดจองเป็นจำนวนมากนับตั้งแต่เปิดตัว โดยในเดือนกันยายนปี 2018 เจ้า Model S ทำสถิติยอดขายทั่วโลกได้ 250,000 คัน ใช้เวลาเพียง 6 ปี นับจากจุดเริ่มต้น นี่นับว่าเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งสำหรับวงการยานยนต์

ต่อจากนั้น Tesla Model X เอสยูวี กับ Tesla Model 3 รถซีดานขนาดคอมแพ็คหัวใจไฟฟ้าก็เปิดตัวในปี 2016 ได้มาเติมเต็มช่องว่างต่อเนื่อง ซึ่งเจ้า Model 3 นี้เองเป็นรถที่เทสล่าหมายมั่นว่าจะสร้างยอดขายกับกำไรเป็นกอบเป็นกำแก่บริษัทและบรรดาผู้ถือหุ้น

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกที่พวกเขาเริ่มส่งมอบรถให้แก่ลูกค้าที่ได้จองรถล่วงหน้า ก็เกิดปัญหาไม่สามารถส่งได้รวดเร็วพอ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องการผลิตที่ยังไม่เข้าที่ อันส่งผลโดยตรงต่อการผลิตรถป้อนถึงมือลูกค้าจำนวนมากได้ช้าลงเรื่อยๆ ณ จุดนี้เอง Musk จึงได้ปรับปรุงไลน์ผลิตของโรงงาน Gigafactory ทั้งสองแห่งในสหรัฐอเมริกาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อยๆ 

แต่นั่นก็ยังไม่สามารถส่งมอบรถ Model 3 ให้ทันต่อความต้องการของลูกค้าทั่วโลกได้ พวกเขาจึงตัดสินใจเข้ามาตั้งโรงงาน Gigafactory 3 ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อหลีกหนีปัญหามาตรฐานด้านภาษีที่สหรัฐฯ เล่นเกมกับจีนรุนแรงขึ้นตลอดเวลา

โดยโรงงานแห่งที่สามของเทสล่านี่ได้เริ่มสร้างตอนต้นปี 2019 และคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปีเดียวกัน ซึ่งหน้าที่ของโรงงานใหม่นี้จะรับบทบาทในการผลิต Tesla Model 3 เพื่อป้อนสู่ตลาดจีนโดยตรง เพราะประเทศจีนถือได้ว่ามีทิศทางการเติบโตของรถไฟฟ้าสูงที่สุดในโลก แล้วการที่มาตั้งโรงงานในแดนมังกรทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้อีก 13% เมื่อเทียบกับรถนำเข้าจากสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน Elon Musk ยังวางแผนว่าจะให้โรงงานใหม่ที่จีนผลิต Tesla Model Y รถครอสโอเวอร์เอสยูวีหัวใจไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจต่อจากนี้ เพื่อป้อนรถขายแก่ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ตลอดจนลุยไปถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อันเป็นประเทศที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ทีนี้ คำถามที่ใครหลายคนอยากรู้มากที่สุด ว่า Tesla จะเข้ามาในไทยหรือไม่ เราตอบได้ว่ามีสิทธิ์สูงมาก!! เนื่องจากรัฐบาลไทยให้สิทธิ์ภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปจากจีนลดเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นมา โดยรถไฟฟ้าคันแรกที่ประโยชน์จากมาตรการนี้คือ MG ZS EV ที่ก่อนจะเปิดตัวมีคนคาดเดาราคาไว้ราว 1.5 ล้านบาท ทว่าพอเผยโฉมอย่างเป็นทางการกลับทำราคาได้น่าประทับใจเหลือเพียง 1.19 ล้านบาทเท่านั้น

กรณีของ ZS EV สร้างสมมติฐานให้แก่ Tesla Model 3 ที่จะผลิตขึ้นจากโรงงานประเทศจีน ว่ามีโอกาสอย่างมากที่จะใช้สิทธิ์ FTA ไทย-จีน ส่งรถเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวามาจำหน่ายที่สยามเมืองยิ้ม ซึ่งที่จีนราคาเริ่มต้นที่ 328,000 หยวน (ราว 1,459,000 บาท) และถ้าหากมีการนำเข้ามาขายบ้านเรา ราคาคงอยู่ราวๆ 1.8-2 ล้านบาท

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยมาตรการสนับสนุนให้ประเทศไทยก้าวสู่ยุคไฟฟ้าโดยความร่วมมือจากองค์กรภาครัฐ จึงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ Musk หาญกล้าพอจะส่งลูกรักของตนมาลุยตลาดเมืองไทยในเปอร์เซ็นที่สูง 

เอาเป็นว่าเรื่องราวต่อจากนี้ของ Tesla จะเป็นอย่างไร อาจเกิดขึ้นรุนแรงราวกับลมพายุ หรือจะดับสิ้นมลายหายไปเหมือนสายลมที่พัดผ่าน เราคงต้องอาศัยแรงใจช่วยให้ความหวังที่มีอยู่เกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้ มารอลุ้นไปพร้อมกันครับ…

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่