ทันทีที่ Toyota Veloz ได้ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในบ้านเรา มันก็กลายเป็นหนึ่งในรถยนต์กลุ่ม MPV ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก และด้วยความที่คู่แข่งในตลาดเดียวกันของมันคือ Mitsubishi Xpander และ Suzuki Ertiga ดังนั้นเราจึงขอนำเอารายละเอียดทางเทคนิคต่างๆของพวกมันดูสักหน่อยว่า แต่ละคันจะมีความน่าสนใจที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ?
| ข้อมูลทางเทคนิคต่างๆ | Toyota Veloce Premium | Mitsubishi Xpander GT | Suzuki Ertiga GX |
| มิติตัวรถ | |||
| ด้านยาว | 4,475 มิลลิเมตร | 4,475 มิลลิเมตร | 4,395 มิลลิเมตร |
| ด้านกว้าง | 1,750 มิลลิเมตร | 1,750 มิลลิเมตร | 1,735 มิลลิเมตร |
| ด้านสูง | 1,700 มิลลิเมตร | 1,695 มิลลิเมตร | 1,690 มิลลิเมตร |
| ความยาวช่วงล้อหน้า-หลัง | 2,750 มิลลิเมตร | 2,775 มิลลิเมตร | 2,740 มิลลิเมตร |
| ความกว้างระหว่างล้อคู่หน้า | 1,515 มิลลิเมตร | 1,520 มิลลิเมตร | 1,510 มิลลิเมตร |
| ความกว้างระหว่างล้อคู่หลัง | 1,510 มิลลิเมตร | 1,510 มิลลิเมตร | 1,520 มิลลิเมตร |
| ความสูงใต้ท้องรถ | 205 มิลลิเมตร | 205 มิลลิเมตร | 180 มิลลิเมตร |
| รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด | 5.0 เมตร | 5.2 เมตร | 5.2 เมตร |
| ความจุถังน้ำมัน | 43 ลิตร | 45 ลิตร | 45 ลิตร |
| น้ำหนักตัวรถ | ไม่ระบุ | 1,250 กิโลกรัม | 1,130 กิโลกรัม |
| เครื่องยนต์ | |||
| รหัส | 2NR-VE | 4A91 | K15B |
| รูปแบบ | 4 สูบแถวเรียง / DOHC / Dual VVT-i / 16 วาล์ว | 4 สูบแถวเรียง / DOHC / MIVEC / 16 วาล์ว | 4 สูบแถวเรียง / DOHC / 16 วาล์ว |
| ความจุ | 1,496 cc | 1,499 cc | 1,462 cc |
| กำลังสูงสุด | 106 PS ที่ 6,000 รอบ/นาที | 105 PS ที่ 6,000 รอบ/นาที | 105 PS ที่ 6,000 รอบ/นาที |
| แรงบิดสูงสุด | 138 Nm ที่ 4,200 รอบ/นาที | 141 Nm ที่ 4,000 รอบ/นาที | 138 Nm ที่ 4,400 รอบ/นาที |
| ชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงที่รองรับ | เบนซิน 91,95 แก๊สโซฮอล์ E10, E20 | เบนซิน 91,95 แก๊สโซฮอล์ E10, E20 | เบนซิน 91,95 แก๊สโซฮอล์ E10, E20 |
| ระบบขับเคลื่อนและระบบส่งกำลัง | |||
| ระบบขับเคลื่อน | ล้อหน้า | ล้อหน้า | ล้อหน้า |
| ระบบส่งกำลัง | CVT | เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด | เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด |
| อัตราทดเกียร์เดินหน้า | 2.800 – 0.425 | เกียร์ 1 : 2.875 | เกียร์ 1 : 2.875 |
| เกียร์ 2 : 1.568 | เกียร์ 2 : 1.568 | ||
| เกียร์ 3 : 1.000 | เกียร์ 3 : 1.000 | ||
| เกียร์ 4 : 0.697 | เกียร์ 4 : 0.696 | ||
| อัตราทดเกียร์ถอยหลัง | 4.748 – 2.145 | 2.300 | 2.300 |
| อัตราทดเฟืองท้าย | 5.105 | 4.375 | 4.278 |
| ระบบช่วงล่าง | |||
| ระบบเบรกด้านหน้า | ดิสก์เบรก | ดิสก์เบรก | ดิสก์เบรก |
| ระบบเบรกด้านหลัง | ดิสก์เบรก | ดรัมเบรก | ดรัมเบรก |
| ระบบกันสะเทือนด้านหน้า | แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง | แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง และเหล็กค้ำหัวโช้ก | แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริง |
| ระบบกันสะเทือนด้านหลัง | ทอร์ชันบีม และคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง | ทอร์ชันบีม และคอยล์สปริง | ทอร์ชันบีม และคอยล์สปริง |
| ขนาดล้อ | อัลลอยด์ 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 205/50 R17 | อัลลอยด์ 16 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 205/55 R16 | อัลลอยด์ 15 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 185/65 R15 |
| ล้ออะไหล่ | อัลลอยด์ 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 205/50 R17 | ไม่ระบุ | ไม่ระบุ |
| ระบบบังคับเลี้ยว | พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า | แร็คแอนด์พิเนียน พร้อมระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า | แร็คแอนด์พิเนียน |
| อุปกรณ์ภายนอก / ภายใน / ระบบความปลอดภัย | |||
| ไฟหน้า | LED พร้อมระบบเปิด-ปิด และระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ | ฮาโลเจน | โปรเจ็กเตอร์ |
| ไฟตัดหมอกหน้า | O | O | O |
| ราวหลังคา | O | – | – |
| สปอยเลอร์หลัง | O | O | – |
| วัสดุหุ้มเบาะนั่ง | ผ้า | หนังสังเคราะห์ | ผ้า |
| โทนสีภายในห้องโดยสาร | ทูโทน (ดำ/เทา) | วัสดุสีเงินสลับเปียโนแบล็ค | ดำสลับวัสดุผิวไม้สังเคราะห์ |
| เบาะนั่งคนขับปรับสูง-ต่ำ | O | O | O |
| เบาะนั่งแถวที่ 2 | แยกพับ 60 : 40 พร้อมที่พักแขน | แยกพับ 60 : 40 พร้อมที่พักแขน | แยกพับ 60 : 40 |
| เบาะนั่งแถวที่ 3 | แยกพับ 50 : 50 | แยกพับ 50 : 50 | พับ 50 : 50 |
| พวงมาลัย | หุ้มหนัง / ปรับสูง-ต่ำได้ / พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง และหน้าจอแสดงผล | หุ้มหนัง / ปรับสูง-ต่ำได้ / พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง และหน้าจอแสดงผล | หุ้มหนัง สลับไม้สังเคราะห์ / ปรับสูง-ต่ำได้ / พร้อมสวิทช์ควบคุมเครื่องเสียง และหน้าจอแสดงผล |
| หน้าจอมาตรวัด | เรืองแสง | วัดรอบ-ความเร็ว แบบเข็มกวาด High Contrast | วัดรอบ-ความเร็ว แบบเข็มกวาด |
| หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ | จอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว | จอสี TFT ขนาด 4 นิ้ว | ดิจิตอล |
| หน้าจอควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ | จอสัมผัส ขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto | จอสัมผัส ขนาด 6.2 นิ้ว | จอสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto |
| ลำโพง | 6 ตำแหน่ง | 6 ตำแหน่ง | 4 ตำแหน่ง |
| อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย | O | – | – |
| กล้องมองหลัง | O | O | O |
| ถุงลมนิรภัย | คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง | คู่หน้า | คู่หน้า |
| เบรกมือ | ไฟฟ้า | กลไก | กลไก |
| ระบบความปลอดภัย | ABS / EBD / BA / VSC / HAC / BSM / RCTA / PCS / LDA / FDA / PMC | ABS / EBD / BA / ASC / TCL / HSA / ESS | ABS / EBD / BA / ESP / HHC |
| ราคาวางจำหน่าย | 875,000 บาท | 863,000 บาท | 725,000 บาท |
จากตารางในข้างต้น เราจึงขอสรุปประเด็นความแตกต่างๆสำคัญของรถทั้ง 3 รุ่นดังนี้
– เครื่องยนต์
เบื้องต้นรถ MPV ทั้ง 3 รุ่น จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงความจุราวๆ 1.5 ลิตร ใกล้เคียงกัน ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ แม้เครื่องยนต์จะเป็นคนละตระกูลกัน แต่ในส่วนแรงม้าสูงสุด กับแรงบิดสูงสุดที่ได้ กลับมีตัวเลขแทบจะเทียบเท่ากัน แถมยังมาด้วยรอบเครื่องยนต์ที่แทบไม่หนีกันอีก
เพียงแต่หากเราไปมองที่ระบบส่งกำลัง จะเห็นได้ว่าฝั่ง Veloz เป็นเพียงรุ่นเดียวที่เลือกใช้ระบบเกียร์ CVT ประกอบกับตัวเลขอัตราทดเกียร์ที่ค่อนข้างกว้างกว่าคู่แข่งพอประมาณ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่มันจะสามารถเรียกความเร็วได้นุ่มนวลกว่าคู่แข่งพอสมควร
ขณะที่ มิตซูบิชิ มีการเปิดตัวรุ่นปรับโฉมมาแล้วตั้งแต่เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ที่อินโดนีเซีย ซึ่งจะมีการเปลี่ยนไปใช้เกียร์ CVT เช่นกันในอนาคต ดังนั้น จะต้องรอลุ้นว่า ซูซูกิ จะมีการปรับปรุง Ertiga อย่างไร ในอนาคต
– มิติตัวรถ
ด้านตัวเลขสัดส่วนต่างๆ ของ MPV ทั้ง 3 รุ่น สิ่งที่เราจะเห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือ คราวนี้ Suzuki Ertiga คือตัวรถที่มีมิติเล็กกว่าคู่แข่งในทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับด้านยาว แต่ดูเหมือนว่ามันอาจเป็นข้อดีที่ทำให้ตัวรถรุ่นนี้มีน้ำหนักตัวที่เบากว่าคู่แข่งถึงหลัก 100 กว่ากิโลกรัม และอาจดีกว่าในแง่ความคล่องตัวในการใช้งาน
ในทางกลับกัน ด้วยตัวเลขมิติตัวรถของทั้ง Toyota Veloz และ Mitsubishi Xpander ที่ใหญ่กว่า จึงทำให้มันย่อมส่งผลอย่างมีนัยยะสำคัญถึงความจุภายในห้องโดยสารที่กว้างกว่าด้วยนั่นเอง แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดตำแหน่งเบาะนั่ง ของรถแต่ละรึ่น ซึ่งรถทั้ง 3 รุ่น ต่างก็มาพร้อมกับฟังก์ชันเบาะนั่งที่แทบจะไม่ต่างกัน มันเป็นรถอเนกประสงค์ ที่มาพรี้อมเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง ลักษณะการพับ ก็จะคล้ายๆกัน คือ เบาะตอน 2 สามารถเลื่อนเข้า-ออก พับได้ 60/40 และ เบาะตอน 3 พับได้ 50/50
– ระบบความปลอดภัย และอุปกรณ์เสริมต่างๆ
ด้วยความเป็นรถรุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมาวางจำหน่าย Toyota Veloz จึงได้ภาษี เรื่องฟังชั่นการใช้งานครบครันกว่ามาก มาพร้อมกับฟังก์ชันยิบย่อยที่ครบครันที่สุด ในคลาส
ส่วนสำคัญ อยู่ที่ตัวรถได้รับการติดตั้ง ระบบความปลอดภับแบบ Active เข้ามาในรุ่น Premium ทำให้ มันเป็นรถรุ่นแรก และรุ่นเดียวในคลาสตอนนี้ที่มีระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันมาให้
ไม่เพียงแค่นี้ ถ้ามาว่ากันในรายละเอียดของตัวรถจริงๆ ยังมีของครบเครื่องอีกมากมาย อาทิ ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านนิรภัย ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ ให้เบรกมือไฟฟ้า มีความสะดวกสบาย อย่างที่ชาร์จมือถือไร้สาย และ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติมาด้วยนะ
ขณะที่ Suzuki Ertiga และ Mitsubishi Xpander ไม่มีลูกเล่นเหล่านี้มาให้ ยังดี มิตซูบิชิ มีระบบ Cruise Control มาให้ใช้งานด้วย กลับกัน Veloz ก็ไม่มีในจุดนี้ ส่วน Suzuki มีทีเด็ดที่จอเครื่องเสียงใหญ่ที่สุด 10 นิ้ว ยังไม่มีใครเทียบเคียงได้ ในเรื่องนี้
แต่รวมๆ Veloz ด้วยความเป็นรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด จึง มีออพชั่นมากกว่า ชาวบ้านในวันนี้
แล้วใครคุ้มสุด
มาเทียบกัน ตัวต่อตัวขนาดนี้ หลายคนคงจะตั้งคำถามว่าใครคุ้มที่สุด ในคลาสนี้ ณ วันนี้
ก่อนจะถึงคำตอบนั้น ขอทบทวนราคาขาย รถที่เรานำมาเปรียบเทียบกันอีกที
- Toyota Veloz Premium ราคา 879,000 บาท
- Mitsubishi Xpander ราคา 863,000 บาท
- Suzuki Ertiga ราคา 725,000 บาท
จาดทั้ง 3 รุ่น จะพบว่า Suzuki Ertiga มีราคาถูกที่สุด แต่ก็นำเสนอไปในเรื่องของขนาดตัวรถที่เล็กกว่าคล่องตัวกว่า และมีการตอบสนองในการขับขี่ที่ดีกว่า ราคาถูกกว่า รวมถึงยังมีสมรรถนะที่ดีจากโครงวร้างตัวถังใหม่ล่าสุด ด้วย
ทางฝั่ง Mitsubishi Xpander ต้องยอมรับว่า งานออกแบบค่อนข้างจะน่าสนใจไม่น้อย ทั้งภายนอกภายใน และ ตัวรถที่มีขนาดใหญ่นั่งสบายทุกที่นั่ง ส่วนการขับขี่ ยังมีประเด้นที่หลายคนอาจไม่ชอบใจจากเกียร์ออโต้ 4 สปีด ซึ่งเน้นความทนทานในการใช้งานมากกว่า ในภาพรวม ตัวรถ มิตซูบิช มีแนวโน้มในการปรับโฉมในเร็วๆนี้
ส่วน น้องใหม่ Toyota Veloz งานนี้ยอมรับว่ามาจัดเต็มมากๆ ให้ความน่าสนใจ ด้วยออพชั่นครบล้นคัน ให้โครงสร้างตัวถังใหม่ที่ความแข็งแรงขึ้น รวมถึงในท้ายสุด ตัว รถยังตอบสนองในการใช้งาน ด้วยระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense
จนต้องยอมรับว่า ตอนนี้ นี่คือ MPV ที่คุ้มที่สุดในตลาด และแน่นอน ด้วยชื่อเสียงความทนทานของโตโยต้า มันไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว
