ผลการสำรวจการตัดสินใจซื้อรถไฟฟ้าที่อังกฤษเผยว่า ชาวเมืองผู้ดีกว่า 60% จะไม่เลือกรถใส่ถ่านมาใช้งาน ส่วนอีก 40% ระบุว่าอาจจะซื้อมาใช้ แต่ยังไม่แน่ใจนัก

รถพลังไฟฟ้าใช้มอเตอร์ปั่นกำลังจากพลังที่เก็บไว้ในแบตเตอรี อาจดูสวยหรูดูน่าใช้ในทางทฤษฏี แต่ความเป็นจริงนั้นผู้คนในหลายประเทศกลับมีความกังวลอยู่ไม่น้อย ตัวอย่างล่าสุดเกิดขึ้นที่อังกฤษ หลังจาก Select Car Leasing ไฟแนนซ์รถยนต์ที่นั่นได้เผยผลสำรวจเกี่ยวกับการตัดสินใจเลือกซื้อรถไฟฟ้าของคนเมืองผู้ดี ผลคือมีคนจำนวนถึง 60% ที่จะไม่พิจารณารถไฟฟ้าเป็นยานพาหนะคันต่อไป

ตอนนี้สถานการณ์รถสายรักษ์โลกที่สหราชอาณาจักร มีผู้คนซื้อหารถ Plug-in hybrid มาใช้เป็นจำนวน 2% ของตลาดรถยนต์อังกฤษทั้งหมด โดยเดือนตุลาคมที่ผ่านมายอดรถปลั๊กอินไฮบริดพุ่งแตะ 3% เป็นครั้งแรก ซึ่งทางการเมืองผู้ดีคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าคนที่นั่นจะซื้อรถปลั๊กอินมาใช้ในสัดส่วน 60% ของรถยนต์ที่วิ่งอยู่บนเกาะทั้งหมด

10 รถไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลที่สุด
Hyundai Ioniq EV ขายในไทยราคา 1,749,000 บาท

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสอบถามคนอังกฤษเกี่ยวกับปัจจัยในการเลือกซื้อรถไฟฟ้า มีผลลัพธ์ที่น่าสนใจมากมาย ไล่เป็นหัวข้อให้อ่านได้ง่ายดังนี้

  • 47% ของชาวอังกฤษพูดว่าโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สถานีชาร์จไฟ ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งานในปริมาณมาก ทำให้คนใช้รถไฟฟ้าจะต้องทำการบ้านหนักเพื่อตามหาสถานีชาร์จใกล้บ้าน รวมถึงเส้นทางที่จะขับผ่านเพื่อไม่ให้แบตฯ กลางทาง
  • 39% บ่นเรื่องเวลาชาร์จที่นานเกินไป ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หากต้องเดินทางไกลบ่อยๆ ก็คงไม่เลือกซื้อรถไฟฟ้ามาใช้งานแน่นอน เพราะตอนนี้รถไฟฟ้าที่ขายอยู่มีน้อยมากที่จะวิ่งจริงได้เกิน 250 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
  • 38% บอกว่ารถไฟฟ้าแพงเกินไป เมื่อมองดูราคาเทียบกับรถยนต์สันดาป พวกเขายังมองว่ารถไฟฟ้าไม่คุ้มค่าหากนำมาใช้ในตอนนี้ แม้รัฐบาลจะมอบเงินอุดหนุนช่วยก็ตาม
  • 27% คิดว่าประสิทธิภาพของแบตฯ และความทนทานยังด้อยอยู่ โดยให้เหตุผลว่าปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญที่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนรถไฟฟ้ามีน้อย รวมถึงแบตเตอรีที่ยังไม่เสถียรเมื่อเจอสภาพความร้อนและเย็น ทำให้ประจุไฟหมดไวกว่าที่ควรจะเป็น
  • 21% ไม่ซื้อเพราะจำนวนรถไฟฟ้ามีตัวเลือกน้อย ชาวเมืองผู้ดีคิดว่ารถไฟฟ้าในปัจจุบันมีจำนวนยี่ห้อและรุ่นน้อยไปหน่อย ทำให้พวกเขาไม่สามารถหารถที่ตรงใจทั้งรูปลักษณ์ ประเภท และราคาที่โดนใจได้

ทุกสิ่งที่กล่าวมาอาจทำให้ภาพรวมของรถไฟฟ้าต่อจากนี้อีก 4-5 ปี มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากประชาคมชาวโลกเพิ่งได้สัมผัสและใช้งานรถใส่ถ่านจริงไม่เท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมผู้คนส่วนใหญ่ถึงยังกังวลอยู่

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่