นับตั้งแต่วางจำหน่ายเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1966 จนถึงตอนนี้ รถยนต์นั่งตระกูล Toyota Corolla ก็ได้สร้างยอดขายทั่วโลกไปแล้วไม่น้อยกว่า 50 ล้านคัน ดังนั้นด้วยโอกาสนี้ทางค่ายจึงไม่พลาดที่จะฉลองมัน โดยการเปิดตัว “Toyota Corolla 50 Million Edition” สุดพิเศษออกมา
Toyota Corolla 50 Million Edition จะมีพื้นฐานตัวถังให้ลูกค้าชาวญี่ปุ่นได้เลือกซื้อกันทั้ง 3 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Corolla (ซีดาน), Corolla Sport (แฮชแบ็ค 5 ประตู), และ Corolla Touring (วากอน) แต่จะมาพร้อมกับความพิเศษจากตัวรถรุ่นปกติด้วยชิ้นส่วนตกแต่งเสริมหลายรายการ
เริ่มจากงานตกแต่งภายนอกอย่าง ชุดล้ออัลลอยด์สีดำด้าน ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 215/45R17 ทั้ง 4 ล้อ ในฝั่งตัวถังซีดานและวากอน ขณะที่ตัวรถแฮชแบ็คจะได้ล้อ ขนาด 17 นิ้ว รัดด้วยยางขนาด 205/55R17 ทั้ง 4 ล้อ แทน, ตะแกรงหน้าชิ้นล่างทำสีดำเงา, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา (สำหรับตัวถัง แฮชแบ็ค และ วากอน), โลโก้สัญลักษณ์ “50 Million Edition” ที่แปะเอาไว้บริเวณด้านหลังซุ้มล้อหน้า
ขณะที่ชุดสีของก็มีให้ลูกค้าได้เลือกซื้อหลายหลายเฉดด้วยเช่นกัน ทั้ง Army Rock Metallic, Slate Gray Metallic, Platinum White Pearl Mica, Precious Metal, Attitude Black Mica, และ Black mica ซึ่งหากลูกค้าต้องการหลังคาสีดำ ออพชันนี้เป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่ม
ด้านชิ้นส่วนภายในเองก็ได้รับการตกแต่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมันจะมาพร้อมกับเฉดสีแบบทูโทน นั่นคือสีหลักจะเป็นสีดำ แต่จะมีการตัดโทนด้วยชิ้นส่วนสีพิเศษ แดง (วากอน), ส้ม (แฮชแบ็ก), หรือ ทอง (ซีดาน) ตามชิ้นส่วนต่างๆ เช่นด้ายเย็บเบาะนั่ง, คอนโซลหน้า, แผงกรอบประตูทางด้านข้าง, กรอบมาตรวัด, กรอบคอนโซลหน้า, และพวงมาลัย ไม่เพียงเท่านั้นตัวเบาะนั่งเองยังเปลี่ยนมาใช้หนังหุ้ม Rezatec, พร้อมติดตั้งชุดหน้าจอแสดงผลขนาด 9 นิ้ว, ใส่ลำโพงให้ 6 ตัว, และที่ขาดไม่ได้คือ การแปะโลโก้สัญลักษณ์ “50 Million Edition” บริเวณคอนโซลหน้าเหนือช่องแอร์ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา
Toyota รุ่น Corolla 50 Million Edition ทั้ง 3 ตัวถัง จะใช้พื้นฐานร่วมกันกับตัวรถรุ่น Hybrid ดังนั้นมันจึงใช้ขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมกันสูงสุด 122 แรงม้า PS ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ CVT และมีระบบให้ลูกค้าได้เลือกซื้อทั้้งสองแบบ นั่นคือ 2 ล้อหน้า หรือ 4 ล้อแบบ E-Four
โดยในตอนนี้ Toyota Corolla “50 Million Edition” จะมีวางจำหน่ายแค่เฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และจะสนนราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นในแต่ละตัวถังที่ 2,830,000 เยน หรือราวๆ 808,000 บาท สำหรับตัวถังแฮชแบ็ค, 2,835,000 เยน หรือราวๆ 809,000 บาท สำหรับตัวถังซีดาน, และ 2,884,500 หรือราวๆ 823,000 บาท สำหรับตัวถังวากอน