ใช่ว่าคนซื้อรถซีดานกลางจะชอบความหรูหราเสมอไป ยังมีคนชอบความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวอยู่อีกมาก นั่นจึงเป็นที่มาของการกำเนิด Toyota Camry TRD ตัวล่าสุด

รถซีดานกลางในเมืองไทยส่วนใหญ่มีการตกแต่งเน้นความหรูหรานำหน้าความสปอร์ต แต่ก็มีลูกค้าบางคนที่ชอบขนาดตัวอันใหญ่โตกว้างขวาง ห้องโดยสารนั่งได้สบาย กำลังเครื่องแรงเหลือเฟือ ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกและภายในจะต้องสื่อถึงอารมณ์สปอร์ตได้เต็มขั้น นั่นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมเจ้า Toyota Camry TRD โฉมอเมริกันคันล่าสุดถึงได้เผยโฉม

TRD หรือชื่อเต็ม Toyota Racing Development ได้นำ Toyota Camry รุ่น SE มาเป็นพื้นฐานในการสร้างสรรค์ Camry TRD เริ่มจากการตกแต่งภายนอกด้วยชุดบอดี้พาร์ทรอบคันสาดสีดำเงา ตั้งแต่สเกิร์ตหน้า ข้าง และหลัง พร้อมกับป้ายบ่งบอกชื่อรุ่นพิเศษที่ฝากระโปรงท้าย จากนั้นล้ออัลลอยให้เป็นไซส์ 19 นิ้ว สีดำด้าน อันมีน้ำหนักเบากว่าล้อในรถรุ่นมาตรฐานถึง 1.4 กิโลกรัม

โตโยต้าให้ทางเลือกสำหรับลูกค้าในเรื่องสีตังถังภายนอก โดยให้สีแบบทูโทน 3 แบบ ระหว่าง สีแดง Supersonic Red สีขาว Windchill Pearl และสีเงิน Celestial Silver Metallic ซึ่งทั้งหมดจะมีหลังคาสีดำ Midnight Black Metallic เพิ่มความดุดัน

ห้องโดยสารภายในตกแต่งด้วยทริมสีแดงตามขอบมุมส่วนต่างๆ ด้านเบาะนั่งหุ้มวัสดุแบบ Black Sport SofTex สลับกับหนังสีดำคุณภาพดี พร้อมสลักปักตรา TRD ไว้ตรงหัวหมอนเบาะคู่หน้า ขณะเดียวกัน ตรงหัวเกียร์ พรมรองพื้น ที่รองถอดห้องสัมภาระ และหน้าจอหน้าผู้ขับขี่ ก็มีโลโก้ TRD ปรากฏขึ้นทั้งหมด

ในประเด็นขุมพลังขับเคลื่อนเป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร DOHC ให้กำลังสูงสุด 301 แรงม้า ที่ 6,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 362 นิวตันเมตร ที่ 4,700 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ไปยังล้อคู่หน้า พร้อมด้วยโหมดสปอร์ตกับแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift

นอกเหนือจากเรื่องเครื่องยนต์ยังมีการเสริมแต่งชุดท่อไอเสียพิเศษ ซึ่งทาง TRD ได้ติดตั้งท่อไอเสียคู่ที่สร้างเสียงอันไพเราะในรอบเดินเบา ไปจนถึงตอนกดคันเร่งเต็มเท่าเพื่อแซงรถคันข้างหน้า ทั้งนี้ ช่วงล่างทั้งหน้าและหลังได้รับการปรับตั้งค่าใหม่ให้แข็งเฟิร์มขึ้น แล้วชุดค้ำโชค้ทั้งหน้าหลังถูกปรับตั้งให้สอดคล้องกับช่วงล่างเช่นกัน

ท้ายสุดเป็นราคาจำหน่ายของ Camry TRD ที่ทางสหรัฐอเมริกาตั้งไว้สบายๆ ที่ 31,040 ดอลลาร์ฯ (ราว 962,249 บาท) โดยจะเริ่มให้ลูกค้าจับจองได้ภายในเดือนกันนายนนี้เป็นต้นไป

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเราทีมงาน Ridebuster.com

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่