ด้วยกระแสโลกยานยนต์ที่่ทุกค่ายต่างพากันมุ่งพัฒนารถไฮบริดรวมถึงรถไฟฟ้ากันขนาดใหญ่ จนทำให้บริษัทที่ไม่เคยสนใจเรื่องเทคโนโลยีรถใส่ถ่านอย่างซูบารุ กลับต้องมาหัวหมุนกับการว่าจะทำอย่างไรให้โครงการรถรุ่นใหม่ที่ใช้ขุมพลังไฮบริดจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือรถไฮบริดคันใหม่ของ Subaru จะใช้เทคโนโลยีของค่ายอื่น

 

 

 

 

เราได้ข่าวลือมาหลายอย่างว่าซูบารุกำลังง่วนอยู่กับการพัฒนา Subaru WRX STI ที่มาพร้อมกับขุมพลังไฮบริดสายเขียว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นข่าวช็อคแฟนบอยพันธุ์แท้ของค่ายรถดาวลูกไก่ไม่น้อย แม้ว่าหลายปีก่อนพวกเขาจะเคยจำหน่าย Crosstek Hybrid หรือ XV ในตลาดสหรัฐอเมริกามาก่อน แต่ก็ยุติการจำหน่ายไปเรียบร้อยเพราะเจอปัญหาลูกค้าไม่กล้าซื้อมาใช้

อย่างไรก็ตามรถรุ่นใหม่ที่จะใช้ขุมพลังไฮบริดก็มีฝ่ายพัฒนาภายในองค์กรอยู่แล้ว ทว่าทางซูบารุก็ยังต้องการบริษัทอื่นที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องขุมพลังไฮบริดเข้ามาช่วยเหลืออยู่ดี

 

 

จากคำบอกเล่าของหัวหน้าฝ่ายเทคนิคแห่งซูบารุ Takeshi Tachimori กล่าวว่า “เราจะนำพื้นฐานระบบไฮบริดของ Toyota Prius Prime มาใช้กับรถปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ใช่ว่าเราจะยกทุกอย่างที่มีใน Prius มาใส่ในรถของเราทุกสิ่ง โดยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ของเรายังคงเป็นหัวใจหลักเช่นเดิม แต่สาเหตุที่ต้องใช้เทคโนโลยีไฮบริดจากโตโยต้าก็เพราะ มันมีขนาดเล็กง่ายต่อการออกแบบและสะดวกต่อการพัฒนาเสริมต่อ”

 

 

อีกหนึ่งสาเหตุที่ซูบารุไม่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีไฮบริดเป็นของตนเองได้ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถทำยอดขายได้มากในสหรัฐอเมริกา ก็เพราะพวกเขาไม่สามารถลงเม็ดเงินจำนวนมหาศาลให้กับโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ได้ โดยทาเคชิซังกล่าวเสริมว่า “งบการพัฒนาของเรามีก้อนเงินเพียงหนึ่งในสิบเมื่อเทียบกับงบการพัฒนาของโตโยต้า ขณะเดียวกันโตโยต้ายังถือครองหุ้นของซูบารุอยู่จำนวน 17%  เราจึงเล็งเห็นว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดในการสร้างรถคันใหม่ และด้วยความร่วมมือระหว่างสองบริษัท เรามั่นใจว่ารถปลั๊กอินไฮบริดภายใต้แบรนด์ซูบารุจะสามารถผ่านข้อกำหนดสุดเข้มเรื่องมลพิษได้แน่นอน”

สรุปได้ว่า Subaru Viziv concept ที่ระบุว่าจะเป็นตัวแทนของ WRX STI คงจะใช้เทคโนโลยีไฮบริดจากโตโยต้าเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่เรื่องรายละเอียดว่าจะใช้ขุมพลังขนาดเท่าใดหรือมีความแรงความประหยัดขนาดไหน ยังคงต้องรอการเปิดเผยอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้อยู่ดี

 

 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

 

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่