ทุกวันนี้ความต้องการขายรถยนต์กลายเป็นความจำเป็นสำหรับคนไทย ยิ่งยุคนี้โควิดครองเมือง หลายคนอาจจะต้องการมีรถส่วนตัวดีกว่าต้องรักษาตัวเอง และในแนวทางที่เริ่มเห็นบ่อยในบรรดารกลุ่มรถยนต์ทั้งหลาย คือ การซับดาวน์
ที่จริง เราเคยพูดเรื่องซับดาวน์ไปแล้ว ครั้งหนึ่ง แต่ในครั้งนั้น การซับดาวน์ ที่ต้องใช้ในการออกรถเราหมายถึง การนำส่วนเงินที่เป็นส่วนลดและของแถมมาลดกลบจำนวนเงินดาวน์ ที่เราต้องจ่ายในวันออกรถ
ปัจจุบัน แนวทางซับดาวน์ มีแนวทางใหม่ ที่น่าสนใจ คือ เอาเงินดาวน์ส่วนหนึ่งที่ลูกค้าต้องการให้ซับบวกไปกับราคารถแล้วให้ไฟแนนซ์ พิจารณา
แนวทางใหม่นี้ ทำให้ลูกค้าง่ายในการออกรถมากขึ้น และไม่ต้องมีเงินก้อนจำนวนมาก มาดาวน์รถ เหมาะสำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้รถจริงๆ แต่ไม่ได้มีเงินเก็บจำนวนมากมาใช้ในการซื้อรถ
หลายคนเห็นแบบนี้ตาอาจจะลุกวาว เพราะ มันทำให้เป็นเจ้าของรถยนต์ง่ายขึ้น ไม่ต้องไปนั่งหยิบยืมปั้นเงินก้อนมาออกรถอย่างที่เคย
ถ้าถามว่า แนวทางนี้คุ้มไหม ต้องบอกตามตรงว่าไม่ค่อยแนะนำสักเท่าไร เนื่องจากแสดงถึงความไม่พร้อมของผู้ซื้อและจะทำให้ ค่าผ่อนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนจะเป็นภาระมากกว่าประโยชน์
ยกตัวอย่างเช่น อีโค่คาร์รุ่นหนึ่ง ราคา 559,000 บาท ดาวน์ 15% ต้องใช้เงินในการออกรถ 83,850 บาท แต่ปรากฎว่า เงินที่พอจะมีหามาซื้อรถได้ เพียง 40,000 บาทกว่าเท่านั้น นั่นเท่ากับว่า คุณต้องไปหาที่เหลือมาเต็มตามจำนวน
ด้วยการนี้คุณจึงจัดการขอซับดาวน์ 40,000 บาท โดยเซลล์ก็จะคิดยอดซับ 559,000 +40,000 บาท ตามที่ต้องการ รวมจะเป็น 599,000 บาท ซึ่งที่จริงคุณต้องดาวน์เป็น 89,850 บาท ถ้าจะให้เท่ากับ 15% เหมือนเดิม แต่คุณจะดาวน์เพียง 83,850 บาท นั่นหายถึง จริงๆ แล้วเราไม่ได้ดาวน์ที่ยอด 15% แต่เป็น 12-13 % เท่านั้น
ยอดมากขึ้น สิ่งที่ตามมา ก็คือค่าผ่อนครับ ลองคิดตามดังนี้
สมมุติ เราจัด ด้วยเงินดาวน์ปกติ (ไม่ซับดาวน์) ยอดหักจากเงิน ดาวน์ 15% อยู่ที่ 475,150 บาท สมมุติดอกเบี้ย 1.99% ผ่อน 5 ปี เท่ากับตลอดสัญญา มีดอกเบี้ยรวม 47,277 บาท ตกปีละ 9,455 บาท ยอดจัดรวมดอกเบี้ย 522,427 บาท คิดเป็นค่างวด 8,707 บาท ต่อเดือน
ในกรณีซับดาวน์ ยอดเงินดาวน์รวม 83,850 บาท จะแตกต่าง เมื่อลบจำนวนเงินดาวน์แล้ว จะเหลือยอดจัดไฟแนนซ์ 515,150 บาท เช่นเดิม ดอกเบี้ย 1.99% ผ่อน 5 ปี มีดอกเบี้ยรวม เพิ่มเป็น 51,255 บาท ตกปีละ 10,251 บาท
แม้ดูแล้ว จะเพิ่มเล็กน้อย แต่ ประเด็นมาอยู่ตรงยอดผ่อนเมื่อรวมยอดดอกเบี้ย 515,150 กับยอดดอกเบี้ย ยอด ที่ต้องผ่อนรวมคือ 566,405 บาท เฉลี่ยคิดเป็นค่างวด 9,440 บาท ต่อเดือน
มองๆ แล้ว อาจจะไม่ใช่จำนวนเยอะมากที่ต้องผ่อนเพิ่มขึ้น แต่นั่นหมายความว่า ฐานเงินเดือนที่จะผ่านไฟแนนต้องมากขึ้นตามไปด้วย เช่น
คุณมีเงินเดือน เดือนละ 18,000 บาท จะซื้อรถ ถ้าดาวน์ปกติ เรียกว่าน่าจะผ่านได้แบบเฉียดฉิว แต่พอ นำเอาซับดาวน์มาเพิ่ม แม้จะแค่ 40,000 บาท คุณจะมีโอกาสตกเกณฑ์ ไฟแนนซ์ไม่ผ่านสูงกว่า อาจจำเป็นต้องดาวน์เพิ่มอีกเล็กน้อย หรือ ต้องเอาส่วนลดมาซับเพิ่มด้วย
บางคนอ้างว่า การซับดาวน์นั้น เพื่อเอาดอกเบี้ยถูกกว่า ซึ่งต้องพิจารณาว่าคุ้มไหม เพราะต่างเพียงหน่อยสตางค์ เท่านั้น
ในบางไฟแนนซ์ อาจจะไม่อนุมัติหลักการแบบนี้ เนื่องจากมองว่า ผู้ซื้อไม่พร้อมที่จะเป็นเจ้าของรถ แต่ในมุมของเซลล์ เพื่อนำมาซึ่งยอดขายรถยนต์ของโชว์รูม พวกเขาก็ยินดี ที่จะทำให้
แล้วอย่างลืมว่า ซื้อรถไม่ได้จบแค่นี้ ค่าผ่อนต่อเดือน ยังมีค่าบำรุงรักษา เติมน้ำมัน และอื่นๆ จิปาถะมากมาย การมีเงินดาวน์ไม่พอ อาจหมายความว่า คุณยังไม่พร้อมเป็นเจ้าของรถ หรือ ควรซื้อรถที่มีราคาที่เหมาะสมกับฐานเงินเดือนจะดีกว่า
หลักการซับดาวน์อาจมีข้อดีช่วยคุณไม่ต้องหาเงินก้อน แต่ท้ายสุดก้ต้องมาวัดกันที่การตัดสินใจของไฟแนนซ์ ถ้าคุณคิดว่าจำเป็นจะตัดสินใจแบบนี้ก็ไม่มีใครว่า แต่ทางที่ดีที่สุดให้นึกว่า เงินดาวน์ คิดเงินที่ช่วยลดภาระการผ่อนของเรา ถ้าเราต้องเอาเงินดาวน์มาโป๊ะในยอดจัด แทนที่ภาระจะลดลงกลายเป็นต้องมาผ่อน ทั้งดาวน์ ทั้งยอดต้นของรถ ในคราวเดียว