ท่ามกลางกระแสความต้องการใช้ชีวิตเรียบง่ายสงบ  การขับรถออฟโรดกลายเป็นกิจกรรมหนึ่งที่หลายคนต่างชอบทำในวันว่าง ปัจจุบัน รถยนต์กระบะขับเคลื่อนสี่ล้อ เป้นที่นิยมมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มใหม่รถหัวเดี่ยวขับเคลื่อนสี่ล้อกลายเป็นขวัญใจลูกค้า ในกลุ่มเชิงพาณิชย์

ความพยายามแนะนำรถเชิงพาณิชย์พร้อมลุยไม่ใช่เรื่องใหม่นัก ในอดีต Chevrolet   สร้างสีสันตลาดกระบะด้วยระบบเฟืองท้ายพิเศษ   G80 Difflock   ติดตั้งใน เชฟโรเล็ต โคโรโลราโดในปี พ.ศ. 2549 มันเป็นระบบเฟืองท้ายพิเศษสามารถล็อคเพลาทั้ง 2 ด้านให้เป็นแกนเดียวได้ เมื่อพบการหมุนฟรี ของล้อด้านใดด้านหนึ่ง ทำให้สามารถผ่านอุปสรรคง่ายกว่ารถขับเคลื่อน 2 ล้อทั่วไป มันฟังดูน่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้รับความนิยมมมากนัก เนื่องจากลูกค้าไม่เข้าใการใช้งาน รวมถึงต้องซื้อระบบเพิ่มเติมด้วย

รถกระบะหัวเดี่ยวขับเคลื่อนสี่ล้อ ไม่มีเป็นทางเลือกเลย จนกระทั่ง   Mitsubishi   เห็นช่องว่างทางการตลาด มีความต้องการรถกระบะบรรทุกพร้อมลุยจากลูกค้าเกษตรกร บางแห่ง ซึ่งจำเป็นต้องใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ โดยเฉพาะจังหวัดภาคใต้ ที่มีฝนตกชุกหนาแน่น และสวนยาง-สวนปาล์มอยู่ในพื้นที่ห่างไกล – ทุรกันดาร

จุดเริ่มต้นดังกล่าว ทำให้ บริษัทรถยนต์หลายเจ้าเริม่สนใจกระบะหัวเดี่ยวขับเคลื่อนสี่ล้อมากขึ้น และสำหรับลูกค้าสายลุยก็มีทางเลือกมากขึ้น รถกระบะหัวเดี่ยวขับเคลื่อนสี่ล้อมีราคาไม่แพง เพียง 6แสนกว่าบาทกลางๆ เท่านั้น  และวันนี้ เราจะมาดูว่า แต่ละรุ่น แตกต่างกันอย่างไร และใครน่าใช้กว่ากัน

 

Mitsubishi  Triton Single cab 4WD GL  6MT

 

ตัวเปิดเกมตลาดกลุ่มนี้ เป็น   Mitsubishi  Triton  Single Cab 4wd กลับมาเมื่อปีกลายด้วยหน้าตาโฉมใหม่   Dynamic shield  ดูน่าใช้งานอย่างมาก ตัวรถปรับกระจังหน้า -กันหน้าใหม่ ติดเพียงไฟหน้าเป็นโปรเจคเตอร์ไม่ได้ไฟหล่อแบบรุ่นใหญ่ พกล้อกระทะขอบ 16 พร้อมยางบรรทุก 205R16c  โดดเด่นด้วยไฟท้าย   LED   กระบะท้ายมีขอเกี่ยวพร้อมบรรทุก

ใต้เรือนร่างสายลุยเชิงพาณิชย์ มิตซูบิชิใจปล้ำให้เครื่องยนต์ 4N15   ขุมพลังดีเซล 4 สูบแถวเรียงเติมเต็มความสามรถการลุยด้วยกำลัง 181 แรงม้า ทำแรงบิด 430 นิวตันเมตร มากที่สุดในกลุ่มกระบะขับสี่เวอร์ชั่นส่งของ ส่งลงชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สนองตอบการใช้งานอย่างดีเยี่ยม

กระบะหั้วเดียวัขบเคลื่อนสี่ล้อ Mitsubishi Triton

เรื่องความสามารถในการลุยใช้ระบบ   Easy Select  4WD   มี 3 โหมดใช้งานตามสภาพการขับขี่ ได้แก่  2H,4H และ   4 L  สามารถเปลี่ยนจากขับเคลื่อนสองล้อไปเป้น ขับเคลื่อนสี่ล้อ ( 2H >>4H)  ได้ที่ความเร็วเกิน 100 ก.ม./ช.ม.ตัวรถเองยังออกแบบให้มีความสูงจากพื้นถึงท้องรถ 200 มม.  ตัวรถมีน้ำหนักตัวเปล่า 1,780 กก.  ส่วนกระบะท้ายมีความยาวภายใน  2,265 มม. กว้าง 1,470 มม.  สูง 475 มม.

แถมความลงตัวด้วยระบบความปลอดภัยเหนือชั้น ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว และระบบเบรกป้องกันล้อล็อค รวมถึงระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน

ราคาจำหน่าย 654,000 บาท

 

Nissan   Navara  Single Cab 4×4

นิสสันค่ายรถกระบะแกร่งที่หลายคนชื่นชอบ มีรุ่นหัวเดี่ยวขับสี่สู้ศึกมาพักใหญ่ เน้นภาพความแกร่งทนทานและลงตัวต่อการงาน

ในรุ่นหัวเดียวขับสี่ ให้กันชนหน้าสีเงิน ไฟหน้าฮาโลเจน พร้อมกันชนหน้าสีเดียวกับตัวรถ เด่นกว่าคู่แข่งรายอื่นด้วยที่ปีนกระบะท้ายจัดวางไว้ทางด้านข้าง ให้ล้อกระทะขนาด 15 นิ้ว พกยาง 195R15C  

Nissan Navara Single Cab 4WD

เรื่องสมรรถนะการขับขี่ ติดตั้งเครืองยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ทำแรงบิด 403 นิวตันเมตร ส่งลงชุดเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พกสมรรถนะการลุย ด้วย 3 โหมดขับขี่เหมือนคู่แข่ง คือ 2H,4H   และ 4L  ตัวรถออกแบบมาพร้อมลุยด้วยความสูงจากพื้นถึงท้องรถ 185 มม. กลับกันน้ำหนักตัวเปล่าถือว่าสูงเอาเรื่อง 1,840 มม. 

แต่เมื่อมามองขนาดกระบะยาว 2,348 มม. กว้าง 1,548 มม. และสูง 472 มม. ดูแล้วก็น่าจะได้อัตราบรรทุกมากกว่าคู่แข่งสักหน่อย

 

ราคาจำหน่าย  655,000 บาท

 

Ford Ranger 2.2 XL Standard cab 4×4 6 MT

กระบะอเมริกันในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวต้องลงมาสู้ศึกหัวเดี่ยวขับสี่ ฟอร์ด ปูพรมรุ่น 2019 ด้วยรถรุ่นย่อยเพิ่มเติมจากที่เปิดตัวมาก และหนึ่งในนั้นก็เป็นบรรทุกหัวเดี่ยวพร้อมลุยที่คุ้นหน้าตาเราเป็นอย่างดี

เจ้ากระบะหัวเดี่ยวขับสี่พร้อมลุยของฟอร์ด ตอบสไตล์การออกแบบแปลกตาด้วยกระจังหน้าดำ และ กันชนหน้าดำ พกไฟฮาโลเจน ติดตั้งล้ออัลลอยขอบ 16 นิ้ว ให้ยางค่อนข้างแปลก 215/70R16 กระบะท้ายให้ขอเกี่ยวพร้อมสรรพการบรรทุก

เครื่องเคราพกขุมพลัง ดีเซล  2.2 ลิตร ให้กำลัง 160 แรงม้า ปั้นแรงบิด 385 นิวตันเมตร  ครบครันด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมเกียร์ลุย 3 ตำแหน่ง และ ระบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด 

การมาของฟอร์ด ถือว่าเป็นทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้าที่ชอบดีไซน์สไตล์อเมริกา จ๋าๆ ส่วนเรื่องความพร้อมลุยฟอร์ดก็ไม่ได้เป็นสองรองใครในตลาดอยู่แล้ว

 

ราคาจำหน่าย 649,000 บาท

 

Isuzu  Dmax 3.0 spark 4×4 5 MT

 

ทางด้านกระบะยอดนิยมคนไทย   Isuzu  D-max   มีรุ่น “หัวเดี่ยวขับสี่” มาพักใหญ่ ตั้งแต่ปรับโฉมในปี 2017 ที่ผ่านมา ทางบริษัท แนะนำรุ่น   spark   ขับเคบื่อนสี่ล้อ ออกม เผื่อจะโดนในขาลุยสายบรรทุกบ้าง

ตัวรถทั้งหมดใช้พื้นฐาน   Isuzu d-max Spark   แตกต่างด้วยช่วยล่างของรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ จัดการดีดรถสูงขึ้น จนมีความสูงพื้นถึงใต้ท้องรถ 225 มม. ให้ล้อกระทะเหล็กขอบ 16 นิ้ว หน้ากว้าง  7 นิว้ จัดมากับยาง 245/70/R16  มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่ม

Isuzu Dmax Spark 3.0 4x4

ด้านเครื่องยนต์พกขุมพลังดีเซล 3.0 ลิตร ให้กำลัง 177 แรงม้า ทำแรงบิด  380 นิวตันเมตร เป็นกระบะหัวเดี่ยวขับสี่ที่มีเครื่องยนต์ใหญ่ที่สุด แต่กลับไม่ได้มีกำลังขับมากที่สุด แถมยังพกเกียร์ธรรมดา 5 สปีดเท่านั้น ถึงเราพูดเหมือนมันจะเป็นข้อเสียมากกว่าข้อดี เมื่อเทียบกับคู่แข่ง หากคุณก้วางใจได้ในเรื่องการตอบสนอง โดยเฉพาะถ้าต้องเดินทางไกล รอบเครื่องจะค่อนข้างต่ำกว่าเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรพอสมตวร นอกจากนี้ ด้วยอายุอานามเครื่องรุ่นที่ใช้มายาวนาน มันแสดงถึงความทนทานในการใช้งาน ความชำนาญช่างที่แทบจะหลับตาซ่อมก็น่าจะทำได้

แถมไม่มีตัวช่วยในการขับขี่ใดๆ ไม่ว่าจะระบบเบรก  ABS  หรือ ระบบเสริมแรงเบรก BA,  ตลอดจนยังไร้ซึ่งระบบควบคุมการทรงตัว  หรือออกตัวทางลาดชัน

ถ้ามองเจ้านี่ เป็นรถที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรนอกจากเครื่องขนาดใหญ่พร้อมกับความทนทานในการใช้งาน

 

ราคาจำหน่าย  656,000 บาท

 

Toyota  Hilux Revo  Standard Cab 4X4 J 6 MT

อีกกระบะยอดนิยมคนไทย Toyota Hilux Revo   มาพร้อมรุ่นหัวเดี่ยวขับสี่ เคาะราคาแพงที่สุด 671,000 บาท หากก้มีความโดดเด่นน่าใช้หลายประการด้วยกัน

ก่อนอื่นเลยตัวรถใช้พื้นฐานหัวเดียวมาพร้อมกระจังหน้าสีและกันหน้าสีดำ ไฟหน้าฮาโลเจน มัลติรีเฟลคเตอร์ ติดตั้งมาพร้อมล้อกระทะขนาด 16 นิ้ว ให้ยาง 205R16c  ไม่ใช่ยาง  All Terrain   แบบในรุ่นบนๆ มีระยะต่ำสุดจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 196 มม. ส่วนตัวกระบะท้ายก็มีความใหญ่ในระดับหนึ่ง ยาว 2,315 มม. กว้าง 1,575 มม. และสูง 480 มม.

ใต้เรือนร่างหัวเดียวขับสี่ติดตั้งเครื่องยนต์ 1GD-FTV ดีเซล 2.8 ลิตร ให้กำลัง 177 แรงม้า ทำแรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที ส่งตรงลงเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ มี 3 โหมด สำหรับขับเคลื่อนสี่ล้อ

พกความปลอดภัยด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค  ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก เชนเดียวกับถุงลมนิรภัยทางด้านหน้าและ ถุงลมหัวเข่า สำหรับผู้ขับขี่ด้วย

ราคาจำหน่าย 671,000 บาท  

อ่านบทสรุป และการเปรียบเทียบในหน้าถัดไป >>>

 

 

 



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่