ต้นปีที่ผ่านมา ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ มีความเคลื่อนไหวสำคัญที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่ม ครูสเซอร์ จากค่าย Royal Enfield ที่กลับมาเขย่าตลาดอีกครั้งด้วยความหวังว่า เจ้ากลุ่มตลาดพรีเมี่ยมในนาม Royal Enfield Meteor 350
ตัวรถรุ่นนี้เปิดตัวหมาดๆ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา และไทย เรียกว่าเป็นตลาดอันดับต้นๆ ที่รถรุ่นนี้ เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หลังจากเปิดตัวในระดับโลก ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ารถแบบนี้ในไทย มีไม่มากนัก ความต้องการของตลาดถือว่ายังมีมากอยู่พอสมควร นี่เป็นช่องทางทำตลาดที่ดี เสิรมความแกร่ง ต่อจากรุ่นคลาสสิก ที่เคยเปิดตัวออกมา
การมาสัมผัส Royal Enfield Meteor ครั้งนี้ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่รถเริ่มวางจำหน่ายในไทยไปช่วงมอเตอร์โชว์หมาดๆ สไตล์รถครูสเซอร์ อาจไม่ใช่ถูกใจทุกคน มันเหมาะกับคนที่ต้องการรถที่ขี่สบายไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เป็นสไตล์นิยมในประเทศอเมริกา ถ่ายทอดออกมาในทรงคลาสสิค เน้นจัดท่านั่งสบาย ถังน้ำมันใหญ่ ขี่ได้ไกลไม่ต้องแวะบ่อย
แนวทางการพัฒนา Meteor 350 มีวัตถุประสงค์สำคัญในการสร้างรถรุ่นใหม่ที่มาเสียบอยู่ข้างรุ่น คลาสสิค และ Bullet ที่ออกมาตอบตลาดก่อนหน้านี้ ที่จริง RE มีรถที่เคยประสบความสำเร็จอย่าง Thunder Bird และ คงถึงเวลาที่จะต้องปลุกมันกลับมาทำตลาด
ตั้งแต่ตอนเปิดตัวออกมา เมเทออร์ ออกมาในสไตล์โมเดิร์คคลาสสิค มันให้งานออกแบบดั้งเดิมที่เพิ่มเติมด้วยเส้นสายตัวรถรถที่มีความทันสมัยมากขึ้น ไฟหน้าทรงกลม บรรจบกับไฟท้าย LED ล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ส่วนล้อหลังขนาด 17 นิ้ว
ตัวรถออกแบบ มา 3 สไตล์ คือ
- Fieball ออกแนวสปอร์ตๆ
- Stella ออกแนวทัวร์ริ่ง
- Supernova เป็นครูเซอร์เน้นขี่สบาย เน้นทางไกล มีกระจกบังลมหน้ามาให้ ด้วย
วันนี้ที่ออกทริป มีรุ่น Fireball กับ Supernova มาให้เล่นเท่านั้น ผมเลือก super nova ตามสไตล์วับรุ่นสีโดนใจ ตัวรถออกแนวมาทางคล้าย Rebel ของค่ายฮอนด้า แต่ดูขี่ง่ายกว่ามาก โดยเฉพาะสำหรับคนตัวเล็ก การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ เน้นหยิบจับใช้งานง่าย เพียงอาจจะทำความคุ้นเคยกับชุดปุ่มต่างๆ บ้าง ในช่วงแรกๆ
จุดเด่นของ Meteor อยู่ที่การให้ความทันสมัยประจวบเข้าด้วยกัน ด้วยระบบนำทางที่เรียกว่า Royal Enfield Tripper ทำงานโดยเชื่อมต่อกับมือถือ ผ่านแอพพลิเคชั่นเฉพาะ และระบบจะนำข้อมูลการนำทาง มาแสดงบนหน้าปัดเล็กข้างเรือนไมล์
การใช้งานระบบ Tripper ก็ต้องกล่าวตามตรงว่าค่อนข้างง่าย ด้วยแนวคิดระบบ Turn by Turn หรือบอกแล้วเลี้ยวเลย คนไทยอาจจะยังไม่คุ้นแนวคิดเท่าไรนัก ระบบจะบอกเมื่อใกล้ถึงจุดตัด ก่อนระยะที่ต้องเลี้ยวและเมื่อถึงจุดตัดก็ให้เลี้ยวทันที ง่ายๆ แค่นั้น
เรียนรู้ระบบนำทางในเบื้องต้น พร้อมออกเดินทาง ผมกดสตาร์ทเครืองยนต์ ขุมพลังสูบเดี่ยวรุ่นใหม่ที่พัฒนามาให้ Meteor เฉพาะเริ่มต้นการทำงาน ซุ่มเสียงเทียบกับตัวเดิม ถือว่าเบากว่าและดูหนักแน่นกว่ามาก
เครื่องยนต์ตัวนี้ได้รับการพัฒนาที่ศูนย์เทคนิคในอังฤษ ด้วยเป้าหมายให้เครื่องยนต์ทรงพลังขึ้น ทั้งยังสบายข้นในการขับขี่ ปัญหาของเครื่องยนต์สูบเดี่ยวเวลาขี่ทางไกล คือ เครื่องสั่น และ รอบกำลังหดหาย ทาง RE จึงจัดการพัฒนาเครื่องยนต์ขนานใหญ่ ยอ่างแรก เปิดรอบไปอีก1000 รอบต่อนาที เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ขนาดเดียวกัน ยังคงใช้ระบบแคมชาฟท์เดี่ยว ระบายความร้อนด้วยอากาศ เพื่อให้บำรุงรักษาง่าย รวมถึงยังติดตั้ง Balance Shaft มาให้เพื่อสร้างสมดุลเครื่องยนต์ โดยเฉพาะเวลาต้องเร่งเครื่องยนต์ในรอบสูงจะได้ไม่สั่น
ขึ้นคร่อมตัวรถ แม้ว่าจะพิกัดเพียง 350 ซีซี กลายเป็นว่าผมรู้สึกพอดีกับขนาดรถที่ออกแบบท่านั่งให้สบายที่สุด Fireball ดูจะออกแบบแฮนด์ให้เตี้ยกว่า Supernova เล็กน้อย ความสูงเบาะ 765 มม. จากพื้นทำให้ผมยืนได้เต็มเท้าอย่างสบาย สำหรับคนไทยตัวเล็กก็น่าจะไม่มีปัญหาในการยืนคร่อมเจ้ารถคันนี้อย่างแน่นอน
เส้นทางวันนี้เราอออกเดินทางไปสวนผึ้งแบบเช้าเย็นกลับ ไม่ใช่ทางที่โหดมากเท่าไรนัก
พอออกจากจุดเริ่มต้นไปสู่ถนนเปิดเส้นเพชรเกษม หนทางดูจะรู้สึกไกลเป็นพิเศษ รถไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้ความเร็วมาก หลักๆ เต็มที่คนตัวใหญ่อย่างผม 120 ก.ม./ช.ม. ก็เรียกว่าหรูแล้ว
ทำไมเป็นเช่นนั้น ทั้งที่เครื่องยนต์ 350 ซีซี นั่นเพราะ จุดประสงค์ของ RE ต้องการให้คุณขับกินลมชมธรรมชาติ เสพการเดินทาง ไม่ได้เน้นฮ้อตะบึงความเร็วไปตามถนน
ถึงจะพูดแบบนั้น ทุกครั้งที่ต้องเร่งแซงรถบรรทุก ก็แอบรู้สึกว่า อยากได้ความเร็วมากกว่านี้อีกนิดเพื่อความมั่นใจ ที่จริงมันน่าจะเป็นไปได้ไม่ยาก ถ้ารถคันนี้มี 6 เกียร์เดินหน้า แต่ด้วยความตั้งใจให้คงความคลาสสิค Meteor 350 เลยมีเพียงแค่ 5 เกียร์ เดินหน้าเท่านั้น
ขับนานๆ สิ่งที่ดีที่สุดนรถคันนี้กลายเป็นท่านั่งที่ออกแบบมาสบายไม่รู้สึกปวด เมื่อย แถมแชสซีใหม่กซับแรงกระเทือนจากช่วงล่างได้ค่อนข้างดี จุดที่สบายที่สุด ผมยกให้ช่วงความเร็ว 90-110 ก.ม./ช.ม. ขี่สบายๆ ไปเรื่อยๆ ถ้าเกินกว่านั้น จะเริ่มรู้สึกว่าเครื่องสั่นตามสไตล์เครื่องสูบเดี่ยวเวลาต้องใช้รอบสูง
ไม่นานเรามาถึงช่วงทางเข้าสวนผึ้ง เส้นทางใช้ความเร็วสลับโค้ง พอโค้งเยอะ ผมลองแบนดูในความเร็ว 80-90 ก.ม./ช.ม. รถเข้าโค้งง่าย ควบคุมได้ดั่งใจ แถมยังมีเบรก ABS เพื่อต้องแก้ความเร็วในโค้งได้ด้วย แต่จะดีกว่าถ้าใช้ความเร็วที่ถูกต้องก่อนเข้าไปวาดลีลาในโค้ง
การขับมอเตอร์ไซค์เดินทางไกล ปัญหาสำคัญที่ดูจะเป็นหอกข้างแคร่ คงไม่พ้น ท่านั่งและความปวดเมื่อเมื่อถึงปลายทาง น่าแปลก Royal Enfield Meteor แม้ไม่ใช่รถที่ทำความเร็วสูงมาก คุณอาจจะต้องนั่งบนหลักอาน นานหลายชั่วโมงถ้าเดินทางไกล แต่กลายเป็นว่า ผมถึงสวนผึ้งเท้าย้ำพื้นถอดเสื้อคลุม และหวดกันน็อกไปทานข้าวได้สบาย
แถมมีที่พิงหลังให้คนซ้อนด้วย เหมาะมากสำหรับสาวๆที่ชอบซ้อนมอเตอร์ไซค์แล้วหลับ คนขี่สบายใจ ไม่กังวล
อีกเรื่อที่ดูน่าสนใจไม่น้อย คือความประหยัดน้ำมัน เราเติมน้ำมันจากกรุงเทพไปสวนผึ้ง เรียกว่าไปกลับใช้น้ำมันไปเพียงถังเดียวเท่านั้น แถมขนาดถังก็ค่อนข้างใหญ่ จุถึง 15 ลิตร เนนการใช้งานเดินทางไกล นับเป็นข้อดีอีกเรื่องที่ผมเห็นในรถคันนี้
Royal Enfield Meteor 350 หลังจากขับมานาน ผมว่า จุดเด่น มันอยู่ที่การเป็นรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกำลังพอเมาะทั้งการใช้งานในเมือง และขับเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี ม้ว่ามันอาจไม่ได้แรงมาก แต่เรื่องความสบาย ถือว่าเป็นหนึ่งในจุดขายสำคัญ ที่ยากจะหาใครมาทัดเทียม