โอกาสดีที่เราได้ลองขับ Honda Accord Hybrid ใหม่ บนเส้นทางภาคใต้กระบี่พังงา นั่นก็เพียงพอให้เราทราบว่าซีดานกลางคันนี้มีดีอะไรให้เราพึงพอใจ

โลกกับเวลาที่หมุนเดินหน้าไปแบบไม่ย้อนกลับ พร้อมๆ กับเทคโนโลยียานยนต์จากการใช้เครื่องสันดาปทั้งเบนซินและดีเซล ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยยานยนต์ลูกผสม ที่ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคตลอดจนภาครัฐแต่ละประเทศที่เข้มงวด นั่นจึงเป็นเหตุให้บรรดารถไฮบริดทั้งหลายเปิดตัวกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เช่นเดียวกับ Honda Accord Hybrid เจนฯ 3 ที่ได้ฤกษ์กระโจนลงมาเสนอตัวเป็นตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่กำลังมองหน้าซีดานกลางรักษ์โลกคันใหม่

การมาถึงของ Accord Hybrid ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังจะมีโฉมหน้าใหม่ ที่บรรดาค่ายรถได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้มาลงทุนสร้างงานสร้างฐานการผลิตรถไฮบริด รถปลั๊กอินไฮบริด และรถไฟฟ้า ภายในราชอาณาจักร โดยจากข้อมูลฝั่งญี่ปุ่นระบุว่าฮอนด้าแดนปลาดิบจะโยกสายพานการผลิต Accord ใหม่มาลงที่โรงงานในประเทศไทยเต็มรูปแบบภายในต้นปี 2020

นอกจากนี้ ทางฮอนด้าเองยังภูมิใจที่จะบอกกับเราว่า พวกเขาทำยอดจองจากลูกค้าทั่วประเทศที่สนใจเป็นเจ้าของ Honda Accord เจนฯ ล่าสุด เป็นจำนวนกว่า 4,500 คัน นับถึงช่วงต้นเดือนสิงหาคมปี 2019 ซึ่งรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดกินส่วนแบ่งสูงถึง 50% ทั้งๆ ที่รถคันจริงยังไม่ไปโชว์โฉมที่โชว์รูมด้วยซ้ำ เหตุผลที่ผู้ผลิตพูดได้เต็มปากเต็มคำก็คือ ลูกค้ามีความเชื่อมั่นในแบรนด์ รวมถึงรถเองมีความสวยงามและอัดแน่นอุปกรณ์ทุกด้านมาครบถ้วนในราคาคุ้มค่า

หล่อเรียบกระเดียดไปทางฝั่งยุโรป ขับไปทางไหนคนเป็นต้องหันมอง

รูปร่างหน้าตาของ Honda Accord Hybrid นี่ถ้าถามว่าต่างอย่างไรกับ Accord 1.5 Turbo นั้น ดูได้ไม่ยากครับ เริ่มด้วยล้ออัลลอยในรุ่นไฮบริดให้มาขนาด 18 นิ้ว ลายใบพัดห้าก้านอันมีเอกลักษณ์ ด้านหน้านี่ตัวไฮบริดเขาจะใส่ไฟตัดหมอกแอลอีดีมาด้วย ส่วนรุ่นเทอร์โบถ้าอยากได้ต้องจ่ายเงินติดเอง นอกจากนี้ ถ้าอยากจำแนกรุ่น Hybrid กับ Hybrid Tech ก็ไม่ยากครับ มองบนหลังคาก่อนเลยว่ามีซันรูฟหรือเปล่า กับดูตรงท้ายรถว่าฝากระโปรงมีสปอยเลอร์ตูดเป็ดหรือไม่

ไม่รู้ผู้อ่านจะมองเหมือนผมหรือไม่ ส่วนตัวแล้วเห็นเจ้า Accord เจนฯ 10 ที่ไรมันดันไปนึกถึงพวกรถทรง Fastback ท้ายลาดสไตล์ยุโรปตลอด หรือจะให้มองเหมือนกับรถคูเป้ 4 ประตู ก็คงไม่ผิดอะไรนัก เรียกได้ว่าเจ้าแอคคอร์ดโฉมใหม่เนี่ยมันมีการออกแบบไปทางฝั่งฝรั่งมากกว่าจะเป็นรถญี่ปุ่นเช่นเมื่อก่อน แม้ว่าไฟท้ายทรงก้ามปูหรือตัว C จะดูไม่ค่อยเข้ากันกับลุคอันทันสมัยก็ตาม

ภายในเส้นสายเรียบหรู แต่อัดแน่นด้วยข้าวของครบถ้วน

ภายในห้องโดยสารของรุ่น Hybrid Tech จะมีตัวเลือกเบาะนั่งภายในสีน้ำตาลเมื่อสีเลือกภายนอกเป็นดำกับเทา ซึ่งบางคนเช่นตัวผู้เขียนชื่นชอบเป็นพิเศษ เนื่องจากเบื่อเบาะสีดำที่ไม่ว่าจะเป็นรถราคาหลักแสนลามไปหลายล้านบาท ก็มักให้มาโทนสีดำทะมึนกันทั้งนั้น ส่วนรุ่น Hybrid มีเพียงสีภายในไอเวอรี่เบจ กับสีดำ เฉกเช่นเดียวกับรุ่น Turbo EL

ต่อกันในประเด็นความสบาย Accord Hybrid มีห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีต ผสมผสานความสปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว ผ่านการใช้โครงสร้างเส้นสายในแนวนอน เพื่อทำให้บริเวณคอนโซลกลางโปร่งโล่ง และส่งผลให้มีพื้นที่ช่วงขามากขึ้น อีกทั้งมอบทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ สะดวกสบายเหนือระดับกับห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ที่กว้างขวาง

โดยส่วนตัวแล้วชอบการออกแบบภายในของแอคคอร์ดเจนฯ ใหม่ เพราะรู้สึกได้ถึงความเรียบง่ายไม่มีปุ่มกดมากมายเหมือนอย่างคู่แข่งตลอดกาล ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุตกแต่งก็จัดว่ามีคุณภาพสูง ให้วัสดุสัมผัสนุ่มมาจำนวนมากไม่แพ้กัน

ทั้งนี้ บริเวณเบาะหนังกับชุดตกแต่งภายในลายไม้ให้มาเสริมระดับ ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานเพื่อสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง ได้แก่ เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พร้อมปุ่มปรับดันหลัง 4 ทิศทาง, ระบบบันทึกตำแหน่งเบาะนั่งของผู้ขับขี่ (Memory Seat) พร้อมเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงรถ, ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้าข้างพนักพิงเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า (รุ่น HYBRID และ รุ่น HYBRID TECH) และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังสามารถพับได้

อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งเบื่อหน่ายไปเสียก่อนกับรายการอุปกรณ์อันยาวเหยียดบน Accord Hybrid นี่ถือเป็นเรื่องดีของคุณลูกค้าที่ต้องจ่ายเงินเกือบสองล้านบาทเพื่อเป็นเจ้าของซีดานกลางรักษ์โลก โดยคุณจะได้ข้าวของมากกว่ารถพรีเมียมแบรนด์จากยุโรปที่มีราคาเริ่มต้นราวสองล้านบาท

ซึ่งการจ่ายเงินจำนวนนั้นไปทำให้คุณได้รับมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงผลที่ฝั่งซ้ายเพื่อดูข้อมูลต่างกันได้ครบถ้วน ด้านบนกระจกหน้าคนขับมี Head-Up Display (เฉพาะรุ่นท็อป) ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ  Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง Siri รวมถึงระบบนำทางผ่านดาวเทียมเป็นมาตรฐานในรุ่นย่อยเครื่องไฮบริด

การควบคุมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นนั้นทำได้สะดวกจับถนัดมือ หลังพวงมาลัยมีแป้นเพิ่มและลดอัตราการหน่วงความเร็ว ซึ่งจะติดตั้งมาบนรถรุ่นไฮบริด เพื่อช่วยให้รถเกิด Engine Brake อันส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่บนทางลาดชัน หรือเพื่อช่วยลดการใช้เบรกให้น้อยลง นอกจากนี้ ยังมีปุ่มควบคุมระบบ Honda Sensing อาทิ ACC with LSF กับ LKAS กับปุ่มเลือกการแสดงผล HUD ในรุ่นท็อปสุดเครื่องไฮบริด

สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่จำเป็นบนรถยุคใหม่ แอคคอร์ด ไฮบริดจัดมาแบบครบๆ อาทิ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone ปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย/ขวา พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง, อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (รุ่น HYBRID และ รุ่น HYBRID TECH), ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) รวมถึงระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ (Honda Smart Key System) และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ จากนั้นปิดท้ายด้วยช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง (ในทุกรุ่น) และด้านหลัง 2 ตำแหน่ง (รุ่น HYBRID และ รุ่น HYBRID TECH)

เครื่องยนต์ปรับปรุงใหม่ แรงขึ้นนิด ประหยัดขึ้นหน่อย

ก่อนจะไปรู้จักกับรายละเอียดของขุมพลังที่ประจำการอยู่บน Accord Hybrid โฉมล่าสุด เราจะไปทำความเข้าใจก่อนว่ามันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างเมื่อเทียบกับรถโฉมก่อนหน้า โดยปกติแล้วส่วนประกอบหลักที่ทำให้ซีดานกลางพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าคันนี้วิ่งได้มีอยู่ 4 ส่วนสำคัญ ได้แก่ เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle เกียร์อัตโนมัติแบบ E-CVT, ระบบประมวลผลกลาง (PCU) Power Control Unit ที่มีขนาดเล็กลง 15% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และชุดแบตเตอรีลิเทียมไอออน ที่ขนาดเล็กลง 32% และมีความจุอยู่ที่ 1.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง

ส่วนใครที่สงสัยว่าชื่อ SPORT HYBRID i-MMD” intelligent Multi-Mode Drive มีรายละเอียดอย่างไร คงต้องอธิบายแบบนี้ว่ามันเป็นการร่วมกันของเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเรียง ขนาด 2.0 ลิตร จุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle รหัส LFB1 ให้กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor มีพละกำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,000 รอบ/นาที

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังรวม 215 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT ให้พลังแรงสมกับไซส์รถและสมน้ำสมเนื้อเมื่อต้องวิ่งแข่งตีคู่กับ Toyota Camry Hybrid ที่อาจมาวิ่งไล่จี้ตูดได้ทุกเมื่อ

รูปแบบการทำงานของระบบไฮบริดบน Accord Hybrid นั้นแบ่งโหมดการทำงานได้ 3 แบบ ได้แก่

  • โหมดขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) มอเตอร์จะขับเคลื่อนล้อด้วยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ และในขณะลดความเร็วจะเปลี่ยนพลังงานที่เกิดจากการลดความเร็วให้กลับเป็นพลังงานไฟฟ้า และชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในเมือง ช่วยให้สามารถขับขี่ในโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ได้อย่างต่อเนื่องและทำความเร็วได้สูงสุดถึง 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งนี้ ผู้ขับขี่สามารถกดสวิตช์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Mode) เพื่อเข้าสู่โหมดการขับขี่นี้ได้ตามต้องการ
  • โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานร่วมกัน โดยทำให้เกิดแรงบิดสูงสุดอย่างรวดเร็ว และมีอัตราเร่งที่ตอบสนองทันใจ และในขณะลดความเร็ว เครื่องยนต์จะหยุดทำงานและชาร์จไฟกลับอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ในขณะเร่งความเร็วที่ให้อัตราเร่งที่นุ่มนวลและทรงพลัง
  • โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) พลังขับเคลื่อนจะมาจากเครื่องยนต์ โดยชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์ E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปยังล้อโดยตรง ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและมีแรงเสียดทานต่ำ เป็นระบบที่เหมาะสมกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่

แต่ถ้าเจ้าของรถคนไหนรู้ตัวว่าเป็นประเภทขาแรงชอบกดคันเร่ง ก็ยังมีโหมด Sport ที่ช่วยให้รถตอบสนองอัตราเร่งได้อย่างเร้าใจยิ่งขึ้น โดยสัญลักษณ์ SPORT จะแสดงขึ้นบนมาตรวัดในขณะที่ใช้ระบบ อีกทั้ง ECON Mode ระบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลือง โดยจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์และระบบเกียร์ให้สัมพันธ์กัน ไปจนถึงปรับการทำงานระบบปรับอากาศให้เบาลง

มาถึงเรื่องระบบความปลอดภัยขั้นสูง Honda Sensing ที่หลายคนอาจมองว่าเป็นเพียงของเล่นราคาแพงไว้ประดับ ทว่าความจริงแล้วมันมอบคุณประโยชน์มากมายให้แก่ผู้ขับขี่ จากประสบการณ์ตรงที่ผู้เขียนได้ลองใช้งานมาครบถ้วนบอกได้ว่า ถ้าให้เลือกคันใหม่ก็ขอให้มีระบบพวกนี้ติดตั้งมาด้วยจะดีมาก โดยต่อจากนี้จะเป็นรายการฟีเจอร์ที่แอคคอร์ด ไฮบริดใส่มาให้ครบทุกรุ่นย่อย ได้แก่

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS) เป็นระบบที่ช่วยเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วของรถเมื่อมีรถคันข้างหน้า รถสวนทาง หรือคนเดินถนน กรณีที่ระบบเตือนแล้วคนขับไม่ทำอะไรต่อมันจะเบรกเองอัตโนมัติ
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF) เป็นระบบช่วยควบคุมความเร็วของรถให้คงที่ตามที่ผู้ขับขี่ตั้งค่าไว้ และระบบจะปรับความเร็วอัตโนมัติ โดยมีกล้องและเรดาร์ตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสม และในการขับขี่ที่ความเร็วต่ำ ระบบจะช่วยปรับความเร็วให้รถเคลื่อนที่ตามรถคันหน้า รวมถึงเบรกและหยุดตามรถคันหน้าอัตโนมัติ ระบบจะเริ่มทำงานอีกครั้งเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มที่พวงมาลัยหรือเหยียบคันเร่ง
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS) กล้องด้านหน้าจะทำการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางเดินรถ ซึ่งระบบจะช่วยเพิ่มแรงหน่วงของพวงมาลัย เพื่อช่วยผู้ขับขี่ควบคุมรถให้อยู่ภายในช่องทางปกติ และลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับจากการขับขี่
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW) เป็นระบบที่ใช้กล้องด้านหน้าในการตรวจจับเส้นแบ่งช่องทางจราจร หากพบว่ารถอยู่ในสภาวะเบี่ยงออกนอกช่องทางโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอแสดงข้อมูลพร้อมการสั่นเตือนของพวงมาลัย และในกรณีที่รถเริ่มเบี่ยงออกนอกช่องทางมากยิ่งขึ้น ระบบจะช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อให้รถกลับเข้าสู่ช่องทาง หากรถยังคงเบี่ยงออกนอกช่องทางจนอาจเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรกจะทำงานเพื่อชะลอความเร็ว (ในกรณีเส้นแบ่งถนนเป็นเส้นทึบ) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่รถจะออกนอกช่องทางจราจร
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB) เป็นระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติด้วยกล้อง โดยจะปรับเป็นไฟสูงเมื่อขับขี่ในที่มืด และจะปรับเป็นไฟต่ำเมื่อตรวจจับได้ว่ามีรถสวนทางหรือมีรถยนต์ด้านหน้า

ในแง่ของอุปกรณ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกอื่นๆ แอคคอร์ด ไฮบริด มีการใส่มาเต็มที่เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่อุ่นใจในทุกสภาพการใช้งาน อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch),  กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera)} ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Driver Attention Monitor), ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System – MVCS) เฉพาะรุ่น HYBRID TECH), ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor – CTM) (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH)

คราวนี้มาถึงจุดเด่นบนรุ่น Hybrid Tech ที่บางคนก็มองว่าไม่มีประโยชน์ต่อคนขับรถมือเก๋าซักเท่าไหร่ แต่เป็นของดีสำหรับใครก็ตามซึ่งเพิ่งมาขับรถใหม่ หรือยังไม่ชินกับขนาดตัวรถอันแสนจะยาวตามสไตล์ซีดานกลาง นั่นก็คือ ระบบช่วยจอดอัจฉริยะพร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) ที่จะช่วยควบคุมพวงมาลัยอัตโนมัติ โดยเพียงแค่เดินหน้าหรือถอยหลังไปตามคำแนะนำ และตามตำแหน่งที่ระบุบนหน้าจอ ช่วยอำนวยความสะดวกให้การจอดรถแนวขนานและการถอยหลังเข้าจอดทำได้อย่างง่ายดาย

ขับจริงมั่นใจ ฟีลแน่น อารมณ์รถยุโรป

ผู้เขียนเคยได้อ่านรีวิวจากฝั่งสหรัฐอเมริกาที่ปล่อยกันออกมาเป็นจำนวนมากเมื่อช่วงต้นปี หลายสำนักเขาชอบพูดไปในทางเดียวกันว่า Accord Hybrid รวมถึงรุ่นเครื่องเทอร์โบพันห้า มีการเซ็ตการขับขี่กับช่วงล่างโดยมีเป้าหมายเป็นรถยุโรป ตอนแรกก่อนยังไม่ได้มาลองขับก็ตั้งแง่ไว้ก่อนว่าคงไม่ถึงขั้นนั้นหรอก แต่พอขับจริงแล้วทำให้พอเข้าใจอะไรได้ดียิ่งขึ้น

ทริปนี้ฮอนด้าพาสื่อมวลชลกลุ่ม 7-8 อันเป็นกรุ๊ปสุดท้ายของการทดสอบ แอคคอร์ด ไฮบริด โฉมใหม่ ลงไปถึงจังหวัดกระบี่ สำหรับเส้นทางนั้นแบ่งออกเป็นสองช่วง ช่วงละประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร โดยผู้เขียนรับอาสาเป็นพลขับไม้แรกเพื่อต้องการหวดซีดานกลางสายเขียวคันนี้ให้รู้ชัดแจ้งอย่างเร็วที่สุด

จังหวะแรกที่ได้เข้าลงมานั่งตำแหน่งเบาะคนขับ ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความเป็นรถทางฝั่งตะวันตกที่ฮอนด้าพยายามจะให้แอคคอร์ดเป็น ส่วนตำแหน่งนั่งขับสามารถหาสัดส่วนที่พอเหมาะพอดีกับสรีระชายร่างท้วมสูง 170 เซนติเมตร ได้ไม่ยาก เมื่อพร้อมแล้วก็ทำการปรับจอแสดงผลตรงหน้าคนขับ กับตัว HUD ที่เลือกรูปแบบการทำงานบนกระจกซักหน่อยเพื่อให้โชว์ค่าที่ต้องการ

เริ่มพูดคุยในประเด็นพวงมาลัยก่อนแล้วกัน ตอนที่หมุนช่วงความเร็วต่ำทำได้ลื่นมือพอประมาณ ไม่ได้เบาโหวงหรือหนักอึ้งเหมือนรถพวงมาลัยไฮดรอลิก ครั้นเมื่อใช้ความเร็วเดินทางเป็นแนวตรงก็ให้ความรู้สึกมั่นคงไม่วอกแวก ระยะฟรีมีประมาณนึงให้พอรู้สึก แต่โดยรวมแล้วยิ่งขับเร็วขึ้นเท่าไหร่มันก็จะตึงมือขึ้นถูกใจคนขับรถใช้ความเร็วสูงบ่อย

ต่อกันเรื่องช่วงล่างที่เริ่มจับอาการตั้งแต่ออกจากโรงแรมวิ่งบนถนนซีเมนต์ เรารู้สึกว่ามันเก็บแรงสะเทือนได้เหมาะสม แต่ถ้าเทียบกับแคมรี 2.5G ที่เคยขับมาก่อนหน้า รายนั้นเขาจะซึมซับได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วถือว่าทำได้ดีตามแบบที่ซีดานกลางควรจะเป็น

หลังจากผ่านพ้นเส้นทางในเมืองมาก็เริ่มเข้าสู่ทางลาดยางเส้นตรง ผสมกับทางโค้งตามสไตล์ถนนภาคใต้ของเมืองไทย จังหวะตอนวิ่งด้วยความเร็วเดินทางกับความเร็วสูง ต้องบอกว่า แอคคอร์ด ไฮบริด มีช่วงล่างที่หนักแน่นตัวรถมีเสถียรภาพสูง เนื่องจากแบตเตอรีที่ถูกติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ มีส่วนช่วยในการกดตัวรถให้นิ่งขึ้นเมื่อต้องใช้ความเร็ว

จังหวะต่อเนื่องเมื่อผ่านพ้นทางตรงยาว ก็จะเจอกับทางโค้งให้ได้ประลองฝีมือผู้ขับกับตัวรถคันใหม่ แน่นอนว่าความมั่นคงที่มีตอนขับยังคงมอบความรู้สึกหนึบแน่นตอนเข้าโค้ง ผู้เขียนได้ลองใส่โค้งด้วยความเร็วสูง รอยยิ้มปากมุมปากก็เผยออกมาเพราะรู้สึกอยากจะขับรถยัดโค้งอยู่ตลอด เอาเป็นว่าใครนึกภาพตามไม่ออกคุณควรหาโอกาสไปลองขับดูน่าจะดี

มาถึงเรื่องระบบเบรกที่หลายคนที่อาจเคยขับรถไฮบริดคันอื่นๆ มาก่อน อาจตั้งข้อสงสัยว่าแล้วแอคคอร์ด ไฮบริด จะมีฟีลเหมือนรถพวกนั้นหรือเปล่า เราตอบได้ว่ามันมีเบรกดีในแบบที่รถไฮบริดพึงกระทำได้ อารมณ์กดไปแล้วจะหยุ่นๆ เท้าอยู่ซักหน่อย แต่พอกดเติมลงไปต่อรถก็หน่วงความเร็วได้ทันใจแถมกะระยะเบรกได้ง่าย

ประเด็นสุดท้ายที่จะพูดถึงในส่วนของการขับขี่ คงเป็นเรื่องของการเก็บเสียงรบกวนไม่ให้เข้ามาในห้องโดยสาร จากการขับขี่บนทุกสภาพทางพบว่าเสียงลมแทบไม่มีให้ได้ยินทุกย่านความเร็ว ยกเว้นขับเร็วมากๆ ก็มีพอให้ได้ฟังอยู่บ้าง ส่วนเสียงถนนนั้นเก็บได้ดีขึ้นกว่ารถโฉมที่แล้ว จากการที่ฮอนด้าได้ใส่ระบบลดเสียงรบกวนไว้ในยาง อย่างไรก็ตาม ตอนที่รถวิ่งบนถนนลาดยางคุณภาพแย่ก็ยังมีเสียงยางบดถนนดังมากอยู่ดี แต่หากขับบนทางลาดยางปกติที่ไม่ได้พังหรือแย่มันก็จัดว่าเงียบอยู่ในเกณฑ์ดี

สำหรับความแรงของเครื่องยนต์บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าบนแอคคอร์ด ไฮบริด เราไม่ได้มีโอกาสได้จับเวลาเป็นตัวเลขเนื่องด้วยมีเวลาขับขี่จำกัด แต่จากการคาดเดาคงอยู่ราว 8-9 วินาที ส่วนอัตราเร่งแซงขอบอกว่าหายห่วงทุกย่านความเร็ว ทั้งนี้ ตอนที่กดคันเร่งมิดเพื่อออกตัวมันจะไม่ได้รู้สึกถึงแรงดึงหลังติดเบาะนัก แต่เข็มตัวเลขความเร็วไหลไปอย่างรวดเร็วสวนทางกับความรู้สึก นี่อาจเป็นข้อดีที่หากมีผู้โดยสารนั่งมาด้วยจะไม่รู้ว่าคุณขับรถเร็วซักเท่าไหร่

ส่วนใครที่สงสัยว่ามันประหยัดน้ำมันขึ้นหรือไม่นั้น เราต้องขอโทษด้วยเพราะว่าไม่ได้ขับรถปั้นแต่งตัวเลข ผลจึงออกมาอยู่ราว 15.6 กิโลเมตรต่อลิตร แต่เชื่อว่าถ้าขับแบบปกติเหมือนคนทั่วไปเขาทำกัน เลข 2 นำหน้าคงมีให้เห็นได้ไม่ยากนัก

สรุป ใครชอบรูปลักษณ์ของ Accord Hybrid ทั้งภายนอกภายใน แคร์เรื่องสมรรถนะความแรงที่มาพร้อมกับความประหยัด รวมถึงการขับขี่ออกไปทางแนวแน่นหนึบไม่ได้เบาหวิว กับเป็นคนที่ใส่ใจว่ารถคันใหม่จะต้องมีระบบอำนวยความสะดวกกับความปลอดภัยขั้นสูงใส่มา คำตอบหากเป็นรถรุ่น HYBRID หรือ HYBRID TECH ซึ่งมีราคา 1,639,000-1,799,000 บาท อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับคุณก็เป็นได้

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com

[ngg src=”galleries” ids=”1216″ display=”basic_thumbnail”]

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่