เวลาซื้อรถยนต์ใหม่สักคันเรามักจะต้องการรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และคำนึงว่าเรายังต้องการความประหยัดจากมันเมื่อขับขี่ ภาพหนึ่งที่เราหลายคนมักมองรถยนตืที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ คือพวกมันกินน้ำมัน และไม่ประหยัดในการขับขี่ ทั้งที่นั่นอาจเป็นการมองความจริงเพียงด้านเดียว

คุณไม่แปลกใจหรือว่ารถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ถึงยังขายอยู่โดยบริษัทรถยนต์ชั้นนำ และถ้ามันด้อยประสิทธิภาพจริง ทำไมรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่เหล่านี้ถึงไม่จางหายไปจากตลาด ทั้งที่มียอดขายไม่มาก และคนทั่วไปส่วนใหญ่อาจจะมองข้ามพวกมันไปด้วยซ้ำ

ความเข้าใจเรื่องเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กินน้ำมันมาจากความเชื่อเรื่องขนาดกระบอกสูบเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่จะส่งผลถึงการใช้น้ำมันมากเวลาเผาไหม้ในแต่ละครั้ง ซึ่งข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว มีส่วนถูกต้องอยู่บ้าง

เครื่องยนต์ขนาดใหญ่

เนื่องจากเมื่อรถยนต์มีขนาดปริมาตรพื้นที่เผาไหม้ขนาดใหญ่ ทางทีมวิศวกร ก็จะติดตั้งหัวฉีดที่มีปริมาตรการจ่ายน้ำมันใหญ่มากขึ้น เพือจ่ายน้ำมันไปจุดระเบิดได้มากขึ้นเพียงพอตามปริมาตรอากาศที่ดูดเข้าสู่กระบอกสูบในแต่ละรอบการทำงาน เช่นเครื่องยนต์   Nissan  KA24A เครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.4 ลิตร ในรถสปอร์ต  240SX   จะใช้หัวฉีดที่มีอัตราไหลผ่านสูงสุด 370 ซีซีต่อนาที ซึ่งเป็นหัวฉีดเดียวกับ   Nissan  SR20DET   เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ( เครืองยนต์ที่มีขนาดเล็กกว่าแต่ติดตั้งเทอร์โบชาร์จ  และหัวฉีดเดียวกันยังใช้ในเครื่องยนต์   V8 4.1  และ 4.5  ลิตรใน   Nissan  Q45 ด้วย)

พื้นที่กระบอกสูบใหญ่ไม่หมายถึงน้ำมันที่ใช้ แต่มันคือพืนที่การจุดระเบิดในเครื่องยนต์ สำหรับคนไทย เครื่องยนต์ตั้งแต่ 2,000 ซีซีขึ้นไป ฟังดูมันน่าจะซดน้ำมัน ท้งที่ความจริงแล้ว เครื่องยนต์ขนาดใหญ่จะให้แรงม้าและแรงบิดเพิ่มมากขึ้นกว่าเครื่องยนต์ขนาดเล็ก

เมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ที่มีขนาดและน้ำหนักที่เท่ากัน เครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่าจะให้ความสามารถในการขับขี่ดีกว่า คุณใช้คันเร่งน้อยลงเพื่อไปให้ถึงความเร็วที่ต้องการเดินทาง หรือ ในยามเดินทางด้วยความเร็วที่เท่ากันเครื่องยนต์ขนาดใหญ่จะกินรอบเครื่องยนต์น้อยกว่า (ถ้าใช้ระบบเกียร์เดียวกัน)  โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเดินทางด้วยความเร็วอย่างสม่ำเสมอตลอดทาง

เครื่องยนต์ขนาดใหญ่

ในความเป็นจริงของการใช้รถมีความต้องการหลากหลาย เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ยังอยู่ในตลาดเพื่อตอบสนองความต้องการของคนบางกลุ่มที่มองหารถยนต์สำหรับการเดินทางไกลต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน โดยไม่ได้เน้นในการขับขี่ในเมืองเท่าไรนัก
ยกตัวอย่างเช่นผมวิ่งรถยนต์  Nissan X Trail เครื่องยนต์  2.5   ลิตร ไปกลับหัวหินด้วยความเร็ว 100-130 ก.ม./ช.ม.  นั่ง 2 คน บนรถได้อัตราประหยัด  7.3 ลิตร/100 กิโลเมตร

กลับกันผมเคยขับรถยนต์ส่วนตัว   Subaru  XV 2014  เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร   ในเส้นทางเดียวกันด้วยความเร็วเดียวกัน ปัจจัยการเดินทางที่เท่ากันผมได้อัตราประหยัด 6.8 ลิตร /100 กิโลเมตร มันประหยัดกว่าก็จริง แต่ต่างกันเพียง 1 กิโลเมตร/ลิตรเท่านั้น (ถ้าเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเหมือนกัน และไม่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออาจจะประหยัดมากกว่านี้เล็กน้อย) 

นอกจากเกิดมาเพื่อเดินทางไกล คนบางกลุ่ม อาจยังจำเป็นต้องอาศัยเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ในการขับขี่ เช่นการใช้งานเพื่อการบรรทุกและลากจูงสิ่งของ เช่นคุณเดินทางหลายคนพร้อมสัมภาระบ่อยครั้ง นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมรถอเนกประสงค์ชอบให้เครืื่องยนต์ขนาดใหญ่

หรือจะเป็นการใช้งาน ตามต่างจังหวัดที่มีภูมิประเทศสูงชัน หรือมีการขับขึ้นทางลาดชันบ่อยครั้ง เช่นการขึ้นเขาต่อเนื่อง รถยนต์เครื่องยนต์ขนาดใหญ่มีความได้เปรียบกว่าทางด้านพละกำลัง ซึ่งแม้รถเครื่องยนต์ขนาดเล็กจะสามารถเดินทางได้เหมือนกัน ทว่าก็จำเป็นต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงกว่า และทำให้มีความสึกหรอมากกว่าในการใช้งาน 

เครื่องยนต์ขนาดใหญ่

อย่างไรก็ดี เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ ไม่ได้เหมาะกับความต้องการของการใช้งานของทุกคน เนื่องจากจุดเด่นของเครื่องยนต์เหล่านี้ คือออกแบบมาเพื่อตอบสนองในการเดินทาง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยมองข้ามเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ เวลามองหารถยนต์คันใหม่ 

แต่อย่างที่เห็นรถเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ไม่ได้จางหายไปจากตลาดเสียทีเดียว พวกมันยังอยู่ในรถยนต์หลายรุ่น ที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางไกล เช่นรถกลุ่มอเนกประสค์ที่ยังมีหลายรุ่นติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า 2.0 ลิตร อาทิ  Nissan X Trail , Honda  CR-V ,รถกระบะ และในกลุ่มอเนกประสงค์จากพื้นฐานกระบะทั้งหลาย ตลอดจนเก๋งซีดานกลางรุ่นท๊อปส่วนใหญ่จะใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ 2.4 ลิตร ตอบโจทย์ในการใช้งาน 

เครื่องยนต์ขนาดใหญ่

มาถึงตรงนี้คุณคงเปิดใจกับรถเครื่องยนต์ใหญ่บ้างแล้ว ทว่าก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่า ตัวเองเหมาะกับรถที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ พวกมันก็มีจุดตายที่คุณจะทราบก่อนตัดสินใจซื้อรถเหล่านี้ 

1.พวกมันซดน้ำมันมากกว่า โดยเฉพาะถ้าขับในเมือง ที่มีการจราจรติดขัดไม่ไหลลื่น มันจะซดดุดันมาก 

2.ค่าบำรุงรักษามากกว่า จากขนาดของเครื่องยนต์ และหรือจำนวนกระบอกสูบที่มากกว่า 

3.ค่าภาษีประจำปีแพงกว่า  

4.ราคาค่าตัวรถยนต์ที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่สูงกว่า รถรุ่นเดียวกันที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็ก 

 

เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ไม่ได้ล้าหลังอย่างที่หลายคนเข้าใจ พวกมันยังเจ๋งและเี่ยมด้วยประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่ว่ามันจะเหมาะกับคุณหรือไม่ สมควรที่จะต้องดูความต้องการใช้งานเป็นสำคัญ ว่าคุณกำลังต้องการรถยนต์คันนี้ไปใช้งานแบบไหน และเพื่ออะไร 

 
เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง นักทดสอบรถยนต์ และ คอลัมนิสต์ เว็บไซต์   Ridebuster.com  ติดตามผลงานการเขียน และข้อมูลที่น่าสนใจได้ทาง  Facebook 

ติดตามข่าวสารและบทความดีๆ จากพวกเรา Ridebuster.com



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่