ในระหว่างที่รถยนต์ไฟฟ้า ถูกครหาว่า ยังไม่เหมาะสมในการใช้งาน แม้ว่าจะมีจำนวนจุดชาร์จมากขึ้น แต่ความกังวลในการใช้งานของคนทั่วไปก็ยังไม่สามารถลบล้างได้ นั่นทำให้ผู้ผลิตรถยนต์จำนวนมาก เริ่มแนะนำระบบ Plug in Hybrid หรือ ระบบ ไฮบริดเสียบปลั้ก ชาร์จไฟฟ้าได้ ในรถยนต์หลายรุ่น
ระบบไฮบริดเสียบปลั้ก คือการเอาความสามารถของระบบไฮบริดดั้งเดิม และข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ด้วยกัน เทียบกับระบบไฮบริดปกติ แบตเตอร์รี่จะมีขนาดใหญ่กว่า สามารถขับขี่ด้วยโหมดไฟฟ้าล้วน หลายสิบกิโลเมตร และคุณสามารถใช้งานด้วยการชาร์จไฟฟ้าตามบ้าน และตู้ชาร์จต่างได้ด้วย วันนี้ เราจะมาปอกเปลือกกันถึงกึ๋นว่า ระบบนี้มันมีข้อดี – ข้อเสียอย่างไรบ้าง ในแง่มุมต่างๆ เผื่อใครอยากจะหาซื้อรถแบบนี้กัน
ข้อดี
1.สมรรถนะมากกว่า
ทุกครั้งที่พูดถึง รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้ก หรือ PHEV ปัจจุบัน จุดขายรถประเภทนี้อยู่ที่การตอบสนองการขับเคลทื่อน เนื่องจากรถประเภทนี้ส่วนใหญ่จะใช้ทั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ และมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าระบบไฮบริดปกติทั่วไป บ้างอาจใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังใกล้เคียงรถยนต์ไฟฟ้า
ทำให้เมื่อเราขับขี่จะได้กำลังสูงกว่ารถปกติทั่วไป เมื่อใช้งานจริง เนื่องจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์จะทำงานร่วมกัน ในจังหวะที่เราต้องการอัตราเร่ง ทำให้รถประเภทนี้ จะมีทั้งแรงมา้ และแรงบิดตอบสนองในการขับขี่มากกว่า รถปกติทั่วไป รวมถึงรถไฮบริดด้วย
ยกตัวอย่างเช่น วอลโว่ รุ่น T8 มีกำลังขับสูงสุดถึง 407 แรงม้าตั้งแต่เกิด เมื่อเร่งระบบจะใช้การทำงานของเครื่องยนต์ผสานกับการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าช่วย จนคุณสามารถเร่งได้เร็วอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
2.ประหยัดกว่า
ความประหยัดน่าจะเรียกว่าเป็นผลพลอยได้ หากที่จริงรถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นออกแบบมาเพื่อลดการปล่อยไอเสีย สิ่งที่ตามมาคือเรื่องของความประหยัด คุณได้ประโยชน์ในทุกทางเลือก ไม่ว่า จะการใช้ไฟฟ้าขับขี่ และแม้แต่เมื่อไฟฟ้าหมด ระบบก็ยังทำงานแบบไฮบริดเหมือนรถไฮบริดปกติทั่วไป ทำให้มันประหยัดกว่ารถทั่วไป
จากการทดสอบของเราในรถไฮบริดเสียบปลั้กหลายรุ่นแม้รถจะมีขนาดใหญ่ ก็ยังทำอัตราประหยัดได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะยามวิ่งในความเร็วต่ำและเขตเมือง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่ารถไฮบริดปกติทำให้ มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถขับขี่ด้วยความเร็วได้ในระดับหนึ่ง
3.ขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้ มีประสิทธิภาพกว่า
ด้วยการใช้มอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอร์รี่ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถไฮบริดปกติ รถ PHEV จะสามารถวิ่งด้วยโหมดไฟฟ้าล้วนได้มีประสิทธิภาพกว่ารถไฮบริดปกติ ที่อาจใ้ชได้ในความเร็วต่ำมากๆ และช่วยเพียงในบางจังหวะ
ปัจจุบัน รถ PHEV มีระยะทางต่อการชาร์จต่ำๆ 40 กิโลเมตร คุณสามารถใช้ระยะทางชาร์จนี้ในการขับขี่ ด้วยไฟฟ้าล้วนตามเงื่อนไขการขับเคลื่อน ซึ่งปัจจุบัน มอเตอร์ไฟฟ้าในรถประเภทนี้ สามารถทำความเร็วได้ถึง 120 -130 ก.ม./ชม. ครอบคลุมทุกช่วงความเร็วใช้งานปกติทั่วไป
ระยะทางขับด้วยไฟฟ้านี้จะมากขึ้นกว่าที่แสดงผล ถ้าคุณขับในเมือง ซึ่งมอเตอร์ไฟฟ้า กินกำลังน้อยมาก และในระหว่างที่ใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า เครื่องยนต์สันดาปจะไม่ทำงานเลย โดยเฉพาะ ถ้ากดโหมด EV รถจะทำงานทุกประการเหมือนรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน หรือ Electric Vehicle จนกว่าไฟในแบตเตอร์รี่จะหมดไป
เมื่อไฟฟ้าหมดไปจากแบตเตอร์รี่ รถก็กลายเป็นประหนึ่งรถไฮบริดปกติทั่วไป จนกว่า จะมีไฟฟ้าในแบตเตอร์รี่มากพอให้ขับเคลื่อนด้วยโหมดไฟฟ้าได้ ทั้งจากการขับขี่ปกติ ทั่วไป หรือ ใช้โหมดชาร์จไฟฟ้าระหว่างขับขี่ โดยไม่ต้องเสียบชาร์จ (ชาร์จด้วยเครื่องยนต์)
4.คุณมีอภิสิทธิ์การจอด และชาร์จไฟฟ้าฟรี
ถ้าคุณไปห้างแล้วเบื่อการหาที่จอดรถ อาจจะลองเปลี่ยนมาใช้รถยนต์แบบนี้ดู ด้วยปัจจุบัน หลายห้างสรรพสินค้า เริ่มมีที่จอดชาร์จไฟฟ้าได้ฟรี คุณมีสิทธิจอดใช้งานพวกมัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย มันทำให้คุณไม่ต้องวนหาที่จอดรถ แถมยังได้ใช้ไฟฟ้าฟรีด้วย
นอกจากนี้ปัจจุบัน ตู้ชาร์จสาธารณะ หลายแห่งเปิดให้คุณชาร์จไฟฟ้าฟรี ทำให้คุณมีสิทธิประโยชน์ในเรื่องนี้ไปโดยปริยาย จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการให้บริการ
ข้อเสีย
1.แพงกว่าไฮบริดปกติ
เมื่อคุณมีระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแรงกว่า และแบตเตอร์รี่ใหญ่กว่ารถไฮบริดปกติทั่วไป รวมถึงความสามารถในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ไม่แปลกใจเลยที่รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้กจะแพงกว่ารถปกติทั่วไป เมื่อวางจำหน่ายในตลาด
ด้วยศักยภาพการขับขี่ที่เหนือกว่า ทั้งสมรรถนะการขับขี่ และความประหยัดน้ำมัน จึงมีมูลค่าในการใช้งานสูงกว่า จะเห็นว่ารถไฮบริดเสียบปลั้กปัจจุบัน ยังไม่มีรุ่นไหน ที่มีราคาต่ำกว่า 1.5 ล้านบาทเลย ซึ่งนั่นทำให้มันยังแพงกว่ารถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ขายในปัจจุบัน
2.ต้องดูแลสองระบบ ในระยะยาว
ใครที่ใช้รถยนต์ไฮบริดคงพอเข้าใจในข้อนี้ ในระยะยาว เราต้องดูแลทั้งระบบเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนรถด้วยไฟฟ้าในระยะยาว ซึ่ง ทั้ง 2 ระบบนั้น ต่างมีค่าใช้จ่ายในการดูแลบ ยิ่งรถไฮบริดเสียบปลั้ก แบตเตอร์รี่มีขนาดใหญ่ รวมถึงมอเตอร์ไฟฟ้าแรงกว่ามาก หากเกิดเสียต้องเปลี่ยนหรือ ซ่อมขึ้นมา จะมีค่าใช้จ่ายเป็นทวีคูณกว่ารถปกติ
3.สมควรติดตั้งตู้ชาร์จที่บ้าน
เรื่องนี้เป็นข้อเสียสำคัญ รถยนต์ไฮบริดเสียบปลั้ก ควรชาร์จไฟฟ้า ผ่านตู้ชาร์จ คล้ายรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากแบตเตอร์รี่มีขนาดใหญ่ ทำให้ การชาร์จโดยผ่านหม้อแปลงปกติ ทำได้ช้าและใช้เวลานานมาก
ทางออกเรื่องนี้คือคุณสมควรมีตู้ชาร์จไฟฟ้ารถที่บ้าน หรือจุดที่คุณต้องไปจอดรถเป็นระยะเวลานานๆ เพื่อใช้ประโยชน์จากการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
นอกจากนี้ด้วยการใช้ไฟปริมาณเยอะ จึงกินกระแสค่อนข้างมาก หลายครั้งที่เรานำรถแบบนี้มาทดสอบ พบว่าค่าไฟฟ้าทะยานเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมากกว่าปกติ เนื่องจาก ต้องชาร์จไฟฟ้าบ่อยๆ