เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการในที่สุดสำหรับ New Nissan Navara โฉมใหม่ที่ออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการส่งท้ายปี พร้อมการเปลี่ยนแปลงหน้าค่าตัวรถใหม่หมด จนหลายคนน่าสนใจ (ติดตามรายละเอียดได้ที่นี่)
หลังจากเราพาชมตัวรถกันไปพอสมควรแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องมาดูรุ่นไหนคุ้มในคอละมน์ Which Value และเนื่องจาก รถรุ่นนี้มีการแบ่งตัวถังอย่างชัดเจน เราเลยจะขอเริ่มกันที่ตัว 4 ประตู Double Cab กันก่อน ซึ่งตัวรถรุ่นนี้ จะแบ่งออกเป็น 4 เกรด สำคัญ คือ E, V, VL และ Pro Series
Double cab Calibre E
เริ่มกันที่รุ่นร่างสุดตัว E รุ่นเริ่มต้นที่สำหรับคนต้องการใช้งานเพื่อการนั่งมากกว่า ข่าวดี คือ งวดนี้ ทุกรุ่นของ 4 ประตู จะถูกปรับขึ้นมาเป็นตัวยกสูงทั้งหมด ตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น หรือพูดง่ายๆ ไม่มี 4 ประตู ตัวเตี้ยให้ลูกค้าเลือกกันอีกต่อไป
รายละเอียดงานออกแบบ Nissan Navara Double Cab มาพร้อมกระจังหน้าโครเมี่ยมให้ รู้สึกหรูหรา พร้อมกันชนหน้าและกันชนหลัง สีเดียวกับตัวรถ มันให้ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED ,ไฟ Day Time Running Light แต่ไม่มีไฟตัดหมอกหน้ามาให้ลูกค้าใช้กัน ในตัวเริ่มต้น ตัว E จะไม่มีราวหลังคามาให้ ติดตั้งมาพร้อมบันไดข้างสีดำ เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย ให้เสาอากาศสั้นมาด้วย ให้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/65/R17 ส่วนล้ออะไหล่ เป็นล้อกระทะ ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาดเดียวกัน ส่วนไฟท้ายเป็น LED
ทางด้านในห้องโดยสาร ตบแต่งด้วยรายละเอียดภายนสีดำ พร้อมการตบแต่ง Piano Black พกระบบเครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ apple car play และ Android Auto ขับผ่านชุดลำโพง 6 จุดในห้องโดยสาร
ระบบปรับอากาศ แยกอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา ตลอดจนยังมาพร้อม พวงมาลัยปรับระดับได้ แบบ ยูรีเทน หัวเกียร์ ก็เป็นแบบยูรีเทนเช่นกัน เรือนไมล์เป็นเรืองแส งมาพร้อม,มาตรวัดระยะทางแบบดิจิตอล รวมถึงจอกลาง เป็นจอสีสามมิติ ขนาด 7 นิ้ว
เบาะนั่งทั้งหมดหุ้มด้วยผ้าสีดำ ปรับได้ 6 ทิศทาง (ปรับมือ) ฝั่งคนนั่ง ปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งหลังมีหัวหมอนมาให้ พร้อมที่เท้าแขน เสร็จสรรพ
ด้านเครื่องยนต์ ในรุ่น 4 ประตูทั้งหมด ข่าวดี คือคุณได้เครื่องยนต์รุ่น YS 23 ทั้งไลน์อัพ แต่แบ่งเป็น 2 เกรด
รุ่นเกียร์ธรรมดา 6 สปีด จะเป็นเครื่องยนต์ YS23DDT หรือ รุ่นเทอร์โบเดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า สูงสุด ที่ 3,750 รอบต่อนาที ให้แรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตร ที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที
แต่ถ้าเลือกรุ่นเกียร์ออโต้ คุณจะได้ เครื่องยนต์ YS23 DDTT หรือ รุ่นเทอร์โบคู่ ให้กำลัง 190 แรงม้า สูงสุดที่ 3,750 รอบต่อนาที และทำแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที
ด้านความปลอดภัย ก็ให้ครบครัน ทั้งระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบป้องกันการลื่นไถล,ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี,ระบบควบคุมเสถียรภาพขณะลากจูง ส่วนฟังชั่น อัจฉริยะ มี ระบบช่วยออกตัวทางลาดชัน , ระบบช่วยลงทางลาดชัน และ ระบบกล้องรอบคันมาให้
สรุป
ภายนอก
- กระจังหน้าโครเมี่ยม
- ไฟหน้า LED Projector 4 ดวง
- ไฟ Day Time Running Light
- ไฟท้าย LED
- ล้ออัลลอยชนาด 17 นิ้ว
- บันไดข้างสีดำ
ภายใน
- เบาะผ้าสีดำ
- เครื่องเสียงจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วพร้อมระบบเชื่อมต่อ Apple Car paly และ Android Auto
- มาตรวัดแสดงข้อมูลจอสีขนาด 7 นิ้ว
- ระบบปรับอากาศแยกอิสระ ซ้าย-ขวา
- เบาะนั่งคนขับปรับมือ
- เบาะคนั่งตอนหน้าปรับมือ
เครื่องยนต์
- รุ่นเกียร์ธรรมดา – YS23 เทอร์โบเดี่ยว 163 แรงม้า 403 นิวตันเมตร
- รุ่นเกียร์ออโต้ 7 สปีด – YS23 เทอร์โบคู่ 19 แรงม้า 450 นิวตันเมตร
ระบบความปลอดภัย
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค
- ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น
- ระบบควบคุมการทรงตัว
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
- ระบบควบคุมสเถียรภาะของรถขณะลากจูง
- การขับขี่อัจฉริยะ
- ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
- ระบบกล้องมองรอบทิศทาง
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- Nissan Navara Double Cab Calibre E 6 MT ราคาจำหน่าย 849,000 บาท
- Nissan Navara Double Cab Calibre E 7 AT ราคาจำหน่าย 899,000 บาท
Double cab Calibre V
ทางด้าน New Nissan Navara Double Cab V รายละเอียดภายนอกมีความเหมือนกัน เพียงเพิ่มออพชั่นเข้ามา เริ่มจากไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED รวมถึง กระจกประตูหลัง และกระจกหลังแบบสีชา รวมถึงติดตั้งราวหลังคาสีเงินมาให้ใช้งาน และยังให้ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติมาด้วย
ด้านในห้องโดยสาร รายละเอียดไม่แตกต่างกันมากมายนัก แต่งวดนี้ได้ภายในที่ดูพรีเมียมขึ้น เริ่มจากพวงมาลัยหุ้มหนัง เช่นเดียวกับชุดหัวเกียร์ เว้นแต่คุณจะเลือกรุ่นเกียร์ธรรมดา ก็จะเป็นยูรีเทนแต่ด้วยโครเมี่ยม
วัสดุหุ้มเบาะนั่งและแผงประตู เปลี่ยนเป็นหนังแท้ ผสมหนังสังเคราะห์ ตลอดจนด้านคนขับได้ระบบปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางเข้ามา หลังเบาะคู่หน้ามีช่องเก็บเอกสาร
เรื่องความปลอดภัย เพิ่ม 3 ระบบเข้ามาได้แก่ ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน , ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ และ ระบบเตือนการเหนื่อยล้าในขณะขับขี่
หรือเข้าใจง่ายๆ นี่คือรุ่นที่เน้นให้ออพชั่นครบครันในการขับขี่มากขึ้น กว่ารุ่นปกติที่วางจำหน่าย
สิ่งที่เพิ่มจากรุ่น E
- ราวหลังคา
- ไฟตัดหมอกหน้า LED
- ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- กระจกประตูหลัง และกระจกหลังสีชา
ภายใน
- พวงมาลัยหุ้มหนัง
- คันเกียร์หุ้มหนัง (เกียร์ออโต้)
- คันเกียร์ยูรีเทนแต่งด้วยโครเมี่ยม (เกียร์ธรรมดา)
- เบาะนั่ง+แผงประตู ตบแต่งด้วยวัสดุหนังแท้ และ หนังสังเคราะห์
- เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง
ระบบความปลอดภัย
- ระบบเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชน
- ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ระบบเตือนการเหนื่อยล้าในขณะขับขี่
- Nissan Navara Double Cab Calibre V 6 MT ราคาจำหน่าย 965,000 บาท
- Nissan Navara Double Cab Calibre V 7 AT ราคาจำหน่าย 915,000 บาท
Nissan Navara Double cab VL 4 WD
ในรุ่น VL 4 WD อดีต ตัวท๊อปสุด มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยาง 255/60/R18 ช่วยเพิ่มความสูจากพื้นถึงใต้ท้องรถเป็น 230 มม. จาก 225 มม. ตัวล้อเปลี่ยนเป็นสีดำ เล่นลายโครเมี่ยม พร้อมสรรพ กับลูกค้าที่ต้องการลุย
รายละเอียดอื่นๆ คล้ายรุ่น VL เพียงเพิ่มระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเข้า ในงวดนี้ ทางนิสสันยังติดตั้งระบบล็อคเฟืองท้ายมาให้ได้ใช้งานเมื่อต้องลุย มาพร้อมระบบ Off Road Monitor
และอีกจุดขายหลักสำคัญ คือเรื่องความปลอดภัย ให้มาอีกชุดใหญ่ ทั้ง ระบบเตือนออกนอกเลน , ระบบควบคุมรถ เมื่อออกนอกช่องทาง, ระบบ เตือนมุมอับสายตา, ระบบตรวจจับวัตถุ ขณะถอยหลัง และ ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ
ดังนั้น หลักการรุ่นย่อยนี้เพิ่มระบบความปลอดภัย และออพชั่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ครับ
สิ่งที่เพิ่มเข้ามา
- ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว + ยาง Toyo Open Country
- ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
- ระบบ Diff lock
- Off road Monitor
- ความปลอดภัย
- ถุงลมนิรภัยที่เข่า
- ระบบเตือนมุมอับสายตา
- ระบบตรวจจับวัตถุขณะถอยหลัง
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ
- ระบบเตือนออกนอกเลน
- ระบบควบคุมรถเมื่ออกนอกเลน
- Nissan Navara Double Cab VL 4WD 7 AT ราคาจำหน่าย 1,129,000 บาท
Pro 4 X และ Pro 2 X
ใน Nissan Navara ตัวสี่ประตู มีการปรับปรุงสำคัญ ในการให้ลูกค้ามีโอกาสเลือกรถที่ดูพร้อมลุยจากโรงงาน ในตระกูล Pro Series มีทั้ง หมด 2 รุ่น ด้วยกัน คือ Pro 4X และ Pro 2 X
ด้านการตบแต่ง เหมือนกัน ทางนิสสัน เปลี่ยนกระจังหน้า inter lock โครเมี่ยมให้เป็น สีดำ เพิ่มความดุดัน ด้วยการลดขนาดล้อมาเป็นขอบ 17 นิ้ว จัดมาพร้อมยาง Yokohama Geolandar All Terrain พร้อมสรรพทุกที่ต้องลุย และกระบะท้ายที่มีความสูงกว่าปกติ 22 มม. รวมถึงรางสำหรับยึดของเวลาบรรทุกสัมภาระ ตลอดจน สัญลักษณ์ red Nissan เพิ่มเติม
รายละเอียดในห้องโดยสาร การตบแต่งจะคล้ายกับรุ่น V แต่เปลี่ยนการตัดเย็บเบาะใหม่ให้ดูมีความสปอร์ตมากยิ่งขึ้น นอกนั้นไม่ต่างจากเดิมเลย มีอีกอย่างแค่เปลี่ยนโลโก้บนพวงมาลัยใหม่ ส่วนเบาะนั่งคนขับเป็นปรับมือไม่ได้ปรับไฟฟ้า
ทางด้านการขับเคลื่อน เสนอแบบเดียว คือ YS23DDTT ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 3,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร 1,500-2,500 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์ออโต้ 7 สปีด
รุ่น Pro 2 X เรื่องความปลอดภัยจะคล้ายกับรุ่น V ส่วนรุ่น Pro 4 X ระบบความปลอดภัยได้ครบทุกอย่างคล้าย VL 4WD
- Pro 2X 2 2WD 7AT ราคา 999,000 บาท
- Pro 4X 4 WD 7 AT ราคา 1,149,000 บาท
New Nissan Navara Double Cab รุ่นไหนคุ้ม
หลังจากสำรวจไลน์อัพรุ่น 4 ประตู ผมอยากบอกท่านผู้อ่านเหลือเกินว่า รุ่นที่น่าซื้อคือ ตัวเกียร์ออโต้ เพราะให้ เครื่อง 2.3 เทอร์โบคู่ 190 ม้า ไม่ว่าจะซื้อในตัว E หรือ V สายขับชอบซิ่งน่าจะถูกใจ
ในกลุ่มขับ 2 ตัวเริ่มต้น E เหมาะกับคนงบจำกัด แต่คุณได้หน้าตาภายนอกใหม่ ที่ไฉไลกว่าเดิม ถ้าเอาครบๆ ก็ต้องขึ้นมาเล่นตัว V ภายนอกและภายในมาอย่างจัดเต็มครบเครื่อง ซึ่งจะได้ภายในหุ้มหนัง และการตัดเย็บที่ดีกว่า และยังได้ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ถ้าไปถึง รุ่น V ย่อมดีกว่าแน่นอน อย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
ด้านรุ่นขับสี่ แอบเสียดาย นิสสัน วางมาเป็นรุ่นท๊อป ราคา จึงกระโดดไปไกล 1,129,000 บาท ราคาเทียบกับรุ่น V โดดไปอีก 166,000 บาท เป็นค่าตัว แต่ก็ใช่ว่าคุณจะได้เพียงขับขี่เท่านั้น ยังให้ความปลอดภัยมาอีกยาวเหยียด เช่นกัน บางที นิสสัน น่าจะลองทำ ตัวขับสี่ที่ราคาต่ำกว่าล้านดู น่าจะทำให้ลูกค้าสนใจไม่น้อย
กลุ่ม Pro Series ถ้าใครอยากได้ เน้นการตบแต่งเพิ่มความน่าใช้งาน ไม่ว่าจะเลือกขับ 2 Pro 2X หรือ ขับสี่ Pro 4 X จะมีราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย Pro 2X ราคา บวกจาก Calibre V 7 AT 34,000 บาท ส่วน Pro 4 X ราคาบวกเพียง 20,000 บาทเท่านั้น ถือว่ามีความน่าสนใจสำหรับสายแต่ง เพราะของที่ให้มีการปรับหลายอย่างเหมือนกัน
ถ้าให้เลือก ตัว E ก็ถือว่าคุ้มคานระดับหนึ่ง แต่ถ้าให้แนะ ซื้อตัว V น่าจะจบว่า และ จะให้ดีซื้อรุ่นเกียร์ออโต้ ได้เครื่องแรงคุ้มค่าที่จ่าย ส่วนสายลุย ไม่มีทางเลือกเท่าไรนัก จัด ได้แค่ตัว VL หรือไม่ ก็ไป Pro 4X
สำหรับใคร ที่สนใจ กลุ่มตัวแต่ง ถ้าอยากได้จริง อย่าช้า ควรจัดไปเลย เพราะรถตัวจริงหล่อกว่าในภาพมากๆ แต่ Pro 4X คุ้มค่า Pro 2 X ด้วยราคาขายเพิ่มแค่ 20,000 บาท เท่านั้น