ในตลอดช่วงหลายปีที่ผานมา เราคงจะเห็นบรรดาบริษัทรถยนต์ง่วนกับการพยายามอุ้มชูระบบขับขี่อัตโนมัติให้กลายเป็นที่ประจักษ์ถึงความสะดวกสบาย จนสามารถนำมาวางจำหน่ายในรถใหม่ๆ ได้ แม้ว่าระบบลักษณะนี้อาจจะไม่สามารถนำมาใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ได้ แต่ก็มีความพยายามทำให้รถมอเตอร์ไซค์ขับง่ายขึ้นในหลายรูปแบบเช่นกัน

กว่า 2 ปีที่ผ่านมา   Motobot   เป็นโครงการที่แตกต่างจากทุกอย่างที่เรากล่าวไปแล้วในข้างต้น ยามาฮ่าคิดแตกแหวกแนวออกไปจากเพื่อนๆ ว่าทำไมเราไม่ลองทำหุ่นยนต์ที่สามารถขี่มอเตอร์ไซค์ได้ และท้าทายความสามารถของมนุษย์นักขี่ระดับชั้นนำของโลก ว่าที่จริงแล้วหุ่นยนต์ก็ทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าคิด

โครงการที่ถือว่าเป็นที่สุดความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์จึงเกิดขึ้นในรั้วของยามาฮ่า โดยมีเป้าหมายเดียว คือเพื่อมีชัยชนะเหนือความสามารถของนักขี่รถมอเตอร์ไซค์ชั้นนำอย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่ให้ได้

Yamaha Motobot

หัวใจของโครงการอยู่ที่การสร้างสรรค์หุ่นยนต์ที่ต้องเรียนรู้การขับขี่มอเตอร์ไซค์ได้ เฉกเช่นที่มนุษย์ทำ โครงการ   Motobot   จึงน่าจะกล่าวว่าเป็นโครงการสร้างหุ่นยนต์เพื่อขับพาหนะโครงการแรกๆ ของโลกที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับระบบขับอัตโนมัติ อย่างที่หลายบริษัททำ

ยามาฮ่าเพียงต้องการพัฒนาตัวหุ่นให้มีความสามารถในการขี่มอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วสูง และมีความสามารถในการเข้าโค้งเหมือนนักแข่งเท่านั้น

Yamaha Motobot

Yamaha Motobot

Yamaha Motobot

ตลอดหลายปีของการพัฒนา ทางทีมงานได้เริ่มตั้งแต่การออกแบบตัวหุ้นให้ได้ท่วงท่าที่ถูกต้องการในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ ออกแบบและสร้างเครื่องจำลองให้หุ่นยนต์เรียนรู้เบื้องต้นถึงการขับขี่มอเตอร์ไซค์ขั้นพื้นฐานทั่วไป ก่อนทำการเรียนรู้การขับขี่ในความเร็วและทักษะที่สูงขึ้นตามลำดับ โดยอาศัยการเก็บข้อมูลจากนักแข่งมาประมวลผล และติดตามวิธีการขี่ของหุ่นยนต์ผ่านระบบดาวเทียมบอกตำแหน่งความแม่นยำสูง บวกกับเซนเซอร์ต่างๆ ในการเลือกไลน์สนามในการแข่งขัน และทั้งหมดเกิดขึ้นบนยอดซุปเปอร์ไบค์   Yamaha R1M

ในการวางแผนงานโครงการ   Motobot   ทางทีมงาน   Yamaha  ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการนี้ ได้ตั้งเป้าให้หุ่นยนต์ค่อยๆ พัฒนาให้มีศักยภาพมากขึ้นตามลำดับ โดยในปี 2015 ทาง   Yamaha   วางแผนให้หุ่นสามารถขับมอเตอร์ไซค์ได้ด้วยความเร็วเกิน 100 ก.ม./ช.ม. และสามารถขับสลาลอมได้

และในปี 2017 หรือในปีนี้ ทางยามาฮ่าวางแผนให้ Motobot   สามารถขี่ในสนามเต็มรูปแบบ ด้วยความเร็วมากกว่า 200 ก.ม./ช.ม. ได้  ส่วนในอนาคตทาง ยามาฮ่า วางแผนว่า จะประยุกต์   Motobot   ไปเป็นเทคโนโลยีใหม่ในรถมอเตอร์ไซค์ของพวกเขา ซึ่งจะก่อให้เกิดระบบขับอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพเต็มรูปแบบ และยังช่วยในเรื่องของความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนอีกด้วย

โครงการ   Motobot   อาจเรียกว่าเป็นโครงการที่แปลกและแตกต่างจากวีการพัฒนาระบบอัตโนมัติ ของบริษัทรถยนต์รายอื่นๆ ที่ออกมาแสดงนวัตกรรมในตลอดช่วงหลายปที่ผ่านมา โครงการนี้ไม่เพียงโชว์ว่าหุ่นยนต์สามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด แต่ยังแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาอะไรใหม่ๆ ย่อมไม่ได้จำกัดเพียงกรอบความคิดเดิม และวิธีสำเร็จก็มีมากมายหลากหลาย

 

ช่วยเป็นกำลังใจให้ทีมงาน



แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่