MG ถือเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย และแม้ในตอนนี้พวกเขาจะประสบความสำเร็จกับทั้ง MG EP (ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็น ES) และ MG 4 แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกเขายังมีรถยนต์ไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่น่านำเข้ามาทำตลาดในไทยเช่นกัน นั่นคือ MG Marvel R

MG Marvel R คือรถยนต์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมกับตัวถังแบบรถอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ ที่อัพไซส์จาก MG HS ขึ้นมาอีกระดับ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ให้ภาพลักษณ์ที่ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากกว่า เพราะแม้มันจะถูกเปิดตัวตั้งแต่ปี 2020 แต่นั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ Design Langauge สำหรับรถยนต์ยุคใหม่ๆที่พวกเขาขายในปัจจุบัน

โดยแม้เส้นสายตัวถังช่วงห้องโดยสาร ตั้งแต่เสา A, กรอบกระจกข้างตัวรถ, หรือแม้แต่ชุดแก้มข้าง และบานประตู ของมันจะดูคล้ายกับ MG HS ไม่เว้นแม้กระทั่งขอบคิ้วซุ้มล้องานพลาสติก

แต่เจ้า Marvel R ก็มาพร้อมกับงานออกแบบช่วงหน้าตัวรถ ที่ดูปราดเปรียวกว่า ด้วยเส้นกรอบไฟหน้าแบบตัว C เล็กเรียว ซึ่งถูกเชื่อมต่อกันด้วยแถบไฟ LED ที่จะพาดผ่านกระจังหน้าแบบปิดทึบ ส่วนกันชนล่างก็โดดเด่นด้วยกรอบช่องไฟตัดหมอกขนาดใหญ่ และช่องดักลมด้านล่างก็มีชายล่างที่ยื่นมาทางด้านหน้าเล็กน้อย

ส่วนด้านท้ายเอง ก็สวยงามด้วยเสาหลังคาแบบลาดระดับค่อนไปทางคูเป้นิดๆ, ไฟเบรกหลังแบบใหม่ พร้อมกราฟฟิกภายในที่ดูทันสมัยยิ่งขึ้น ด้วยลวดลายแบบปลายลูกศร, และกันชนท้ายที่มีการเปิดช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ แต่ชายล่างค่อนข้างเรียบไปนิด และแอบคล้ายกับ MG 4 ราวกับมีแรงบันดาลใจเดียวกันมา

งานออกแบบภายในห้องโดยสาร ใช้ดีไซน์ใหม่เช่นกัน ด้วยการเดินแนวช่องแอร์เป็นกรอบเดียวกับกันตั้งแต่ด้านซ้าย ไปด้านขวา แต่ไม่ลืมที่จะตวัดเส้นลากกลับมา เพื่อล้อกับงานออกแบบไฟหน้าทางด้านนอก ขณะที่พวงมาลัย แม้ปุ่มกดต่างๆจะไม่คุ้นตา แต่รูปทรงก้านและรอบวงพวงมาลัย กลับดูคล้าย MG HS เป็นอย่างมาก

ส่วนตัวหน้าจอแสดงผลมาตรวัดก็เป็นแบบ Full Digital TFT ขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งอาจจะดูใหญ่พอแล้ว แต่จอกลางสำหรับแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์กลับมีขนาดใหญ่กว่า ด้วยระยะตามแนวแทยงที่มากถึง 19.4 นิ้ว แถมตัวกระจกยังเป็นแบบ Gorolla Glass ที่แข็งแรงและทนต่อรอยขีดข่วน และระบบซอฟท์แวร์ภายใน MG iSmart

ความสะดวกสบายเพิ่มเติม เริ่มด้วยเบาะนั่งที่ถูกออกแบบมาดูหนานุ่มในทุกตำแหน่ง พร้อมระบบทำความร้อน, ระบบเสียงจาก Bose, ระบบแอร์แบบแยกส่วน, พอร์ทชาร์จไฟ USB 4 พอร์ท, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, กล้อง 360 องศา และระบบ ADAS อีก 14 ฟังก์ชัน, กับพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 357 ลิตร ซึ่งหากยังไม่พอ มันก็มีพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าอีก 150 ลิตร

MG Marvel R มาพร้อม 3 รุ่นย่อย ได้แก่ Comfort, Luxury, และ Performance ซึ่งสองรุ่นแรกจะใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว สำหรับแยกกันขับเคลื่อนชุดล้อคู่หลัง ให้พละกำลังรวมกัน 180 PS และแรงบิดสูงสุด 410 นิวตันเมตร พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใน 7.9 วินาที และจำกัดความเร็วสูงสุดไว้ที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ส่วนรุ่นแรงสุดจะมีการเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาอีกหนึ่งลูก ไว้ขับเคลื่อนชุดล้อคู่หน้า ซึ่งแม้ว่ามันจะทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝากระโปรงหน้าหายไป แต่ก็ทำให้พละกำลังรวมกันเพิ่มขึ้นเป็น 288 PS และแรงบิดสูงสุดก็เพิ่มเป็น 665 นิวตันเมตร พร้อมทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร ใน 4.9 วินาที แต่ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดเอาไว้เท่าเดิม ที่ 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ด้านแบตเตอรี่ หากเป็นรถที่วางจำหน่ายในทวีปยุโรป ทุกรุ่นย่อยจะใช้แบตเตอรี่ขนาด 70 kWh ซึ่งหากเป็นรุ่นบนสุด จะมีระยะทางในการวิ่งไกลสุดต่อชาร์จ ที่ 370 กิโลเมตร แต่หากเป็นสองรุ่นรอง จะมีระยะทางในการวิ่งสูงสุดต่อชาร์จเพิ่มขึ้นเป็น 402 กิโลเมตร และตัวแบตสามารถชาร์จไฟจาก 5-80% ได้ภายในเวลา 43 นาที นอกจากนี้ยังสามารถจ่ายไฟผ่านระบบ V2L ด้วยกำลังไฟสูงสุดอีก 2,500 วัตต์

ทั้งนี้ตัวรถ MG Marvel R ได้มีการเปิดราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นในทวีปยุโรป ด้วยราคาราวๆ 1.5 ล้านบาท ซึ่งหากมีการวางจำหน่ายในประเทศไทย มันก็คงมีถูกตั้งราคาไว้ไม่สูงจากนี้เท่าไหร่นัก และอาจเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะแม้ในบ้านเราอาจไม่ได้ถึงกับขาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขนาดตัวแบบเจ้า Marvel R แต่ช่วงราคาที่ไม่ถึง 2 ล้าน กลับยังไม่มีเลยนั่นเอง

แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่